ยอดรักจอมใจคนเถื่อน

0 · จบแล้ว
ไอริส
26
บท
46.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

"ถ้าแม่เลี้ยงยกหมามุ่ยให้คนอื่น ผมจะทำตัวเป็นมหาโจรไปฉุดหมามุ่ยมาทำเมีย!"เมื่อคนรักที่หมั้นหมายกันไวัตั้งแต่แรกเกิด ถูกชายอื่นมาทาบทาม อัคนีก็นั่งไม่ติด ต้องรีบกลับมาทวงสิทธิ์ของตนเป็นการเร่งด่วน!

นิยายรักโรแมนติกรักหวานๆโรแมนติก

บทที่ 1 (1)

กริ๊งงงๆๆ...

เสียงโทรศัพท์ที่กรีดเสียงดังขึ้นในยามเย็น ทำเอาสองหนุ่มฝาแฝดที่กำลังนั่งจิบวิสกี้อยู่ในเพนท์เฮ้าส์สุดหรูของพวกเขา และต่างก็กำลังทอดอารมณ์ชื่นชมกับความงด

งามในยามค่ำคืนของเมืองลอสแอนเจลิส ได้หันมามองหน้ากัน และก็เกี่ยงที่จะลุกขึ้นไปรับโทรศัพท์ที่ยังคงดังไม่มีหยุด

“ไฟ ลุกไปรับโทรศัพท์หน่อยสิ เสียงดังหนวกหูชะมัด”

‘อัคนี’ หรือ ‘เพลิง’ เอ่ยบอกน้องชายฝาแฝด ดวงตาคมกริบยังทอดมองแสงสีในยามราตรีอันแสนสวยงามเคล้ากับวิสกี้รสนุ่ม ที่ยังคงจิบทีละนิดอย่างละเมียดละไม

“นายก็ลุกขึ้นไปรับโทรศัพท์เองสิ จะใช้เราทำไม”

‘อัคคี’ ไม่ยอมทำตามคำสั่งของพี่ชาย เพราะเขาขี้เกียจย้ายก้นจากเก้าอี้เปลที่กำลังนอนเอนกายอยู่เช่นเดียวกัน

อัคนีมองค้อนน้องชายด้วยความโมโห อยากเกี่ยงรอให้อีกฝ่ายไปรับโทรศัพท์ แต่ก็ติดที่ว่ารำคาญเสียงโทรศัพท์ที่ยังคงดังขึ้นไม่มีหยุด จึงจำต้องลุกขึ้นจากเก้าอี้พร้อมกับบ่นอุบด้วย

“ไปรับเองก็ได้ว่ะ”

‘อัคคี’ หรือที่ถูกพี่ชายเรียกว่า ‘ไฟ’ ถึงกับหัวเราะเบาๆ ชูแก้วขึ้นสูงกับชัยชนะเล็กๆ น้อยๆ ของตนในครั้งนี้ แต่ไม่ทันได้เทวิสกี้ลงคอ ก็ต้องชะงักทะลึ่งพรวดจากเก้าอี้กับคำตะโกนบอกจากพี่ชาย

“เฮ้ย! ไอ้ไฟ โทร.มาจากประเทศไทย”

อัคนียังไม่ยกหูโทรศัพท์ขึ้น แค่เพียงมองหมายเลขโทรศัพท์ที่โทร.เข้ามา และเห็นว่าโทรมาจากประเทศไทย ก็เกิดอาการขนพองสยองเกล้าในทันที

“โทร.มาจากไทยยังงั้นหรือ ถ้างั้นนายรีบรับเลย เราปวดท้อง ขอเข้าห้องน้ำก่อน”

เอ่ยบอกไปแล้ว อัคคีรีบวางแก้วลงก่อนจะผุดลุกขึ้นเดินหนี

และอัคนีก็รู้เท่าทันว่าน้องชายไม่อยากรับโทรศัพท์ที่โทร.มาจากประเทศไทย ซึ่งอาจจะเป็นบิดาหรือมารดาของพวกเขาที่โทรมาตามตัวให้กลับประเทศไทย เพราะหลัง

จากเรียนจบปริญญาโทแล้ว พวกเขาก็ประวิงเวลาอยู่เที่ยวในอเมริกาต่อ นี่ก็ล่วงไปเกือบสามเดือนแล้วที่ไม่ยอมกลับบ้านสักที

“ไอ้ไฟ! มานี่! จะหนีไปไหน”

เมื่ออัคคีทำท่าจะเดินหนี อัคนีก็กระโจนเข้าไปล็อกคอน้องชายไว้แน่น ก่อนจะลากคอให้เดินเข้าไปใกล้โทรศัพท์ซึ่งเงียบเสียงลงไปแล้ว

“เสียงโทรศัพท์ไม่ดังแล้ว นายยกหูฟังออกเลย จะได้กลายเป็นสายไม่ว่าง และไม่มีใครโทร.มาหาพวกเราได้อีก”

อัคคีแนะนำทั้งๆ ถูกพี่ชายล็อกคออยู่ ขณะเดียวกันก็ดิ้นรนให้หลุดพ้นจากต้นแขนของพี่ชาย แต่อีกฝ่ายก็ล็อกไว้แน่นจนเขาหายใจแทบไม่ออก

อัคนีหัวเราะฮึๆ ในลำคอกับคำแนะนำอันแสนฉลาด ก่อนจะเอ่ยประชดว่า

“แนะนำได้ดีมากไอ้ไฟ ถ้าเอาหูฟังออกและคนที่โทร.มาคือแม่เลี้ยง นายได้ตายแบบศพไม่สวยแน่ๆ พอแม่เลี้ยงติดต่อพวกเราไม่ได้ พรุ่งนี้นายก็เตรียมตัวรอต้อนรับพ่อเลี้ยงกับแม่เลี้ยงได้เลย สาบานว่าสุดที่รักทั้งสองของพวกเราคงบินมาลอสแอนเจลิสเป็นการเร่งด่วน และนายก็หาคำตอบหรูๆ ไว้แก้ตัวกับแม่เลี้ยงด้วยว่า ทำไมแม่เลี้ยงถึงโทร.หาพวกเราไม่ได้”

“จริงด้วย งานนี้ตายแบบศพไม่สวยแน่ๆ”

อัคคีทำท่าสยองขวัญ ขนหัวลุกชันขึ้นมาในทันทีเมื่อนึกถึงฤทธิ์โกรธของคนที่พวกเขาเรียกว่าแม่เลี้ยง พ่อเลี้ยง ซึ่งนั่นก็คือบุพการีทั้งสองของพวกเขานั่นเอง

และเสียงโทรศัพท์ที่หยุดไปแล้ว ก็ดังขึ้นอีกครั้ง แน่นอนว่าเป็นเบอร์โทร.จากประเทศไทยและเบอร์เดิมที่โทรมาหาพวกเขา ทำเอาฝาแฝดสุดหล่อทั้งสองต่างก็มอง

หน้ากัน ไม่กล้าเอื้อมมือไปรับโทรศัพท์สักที และอัคคีก็เสนอทางเลือกอย่างยุติธรรมว่า

“ไอ้พี่ชาย เอาแบบแฟร์ๆ ถ้าพ่อเลี้ยงเป็นคนโทร.มา นายต้องเป็นคนพูด”

“ได้”

อัคนีพยักหน้ารับคำ เอื้อมมือไปใกล้โทรศัพท์เตรียมจะกดรับ พร้อมกับเอ่ยบอกน้องชายว่า

“และถ้าเสียงที่ดังขึ้นมาเป็นเสียงของแม่เลี้ยง นายต้องเป็นคนเจรจากับแม่เลี้ยง ยุติธรรมดีไหม”

“เออ...ยุติธรรมที่สุด”

อัคคีรับคำ ในใจนั้นกระหยิ่มยิ้มย่องและมั่นใจเกินร้อยว่าต้องเป็นบิดาที่โทร.มา เพราะเขาจำได้ว่าเบอร์โทร.ที่โชว์ให้เห็นนั้นเป็นเบอร์โทรของบิดา

“พร้อมแล้วใช่ไหม” อัคนีถามน้องชาย

และอัคคีก็พยักหน้ารับ “พร้อมแล้ว ลุ้นฉิบ...ว่าใครจะโทร.มา”

เมื่อต่างก็พร้อมรับศึกกับต้นทางที่โทร.มาแล้ว อัคนีก็กดรับโทรศัพท์พร้อมกับเปิดลำโพงให้ได้ยินกันชัดๆ ว่าใครกัน? ที่โทร.มาหาพวกเขา

และ! เสียงทักทายที่ดังขึ้นมาทำให้อัคนีแทบกระโดดตัวลอย ส่วนอัคคีที่แพ้ราบคาบได้แต่กลอกตาขึ้นบนอย่างเซ็งจัด

“ฝาแฝดนรก! ทำไมไม่รับโทรศัพท์แม่เลี้ยงสักที!”

แม่เลี้ยงรดา...มารดาของฝาแฝดสุดแสบ เอ่ยต่อว่าลูกชายทั้งสองชุดใหญ่ สาเหตุเพราะท่านโทร.มาหาทั้งสองหลายครั้งแล้ว แต่ก็ไม่มีใครรับโทรศัพท์เลย

พอได้ยินเสียงของมารดา อัคนีก็กระซิบให้คนที่แพ้ในเกมนี้เป็นคนแก้ตัวกับมารดา “ตอบดีๆ ล่ะนายไฟ ไม่งั้นนายโดนแม่เลี้ยงด่าหูชาแน่ๆ”

ขู่ให้น้องชายกลัวไปแล้ว อัคนีก็หัวเราะเยาะเย้ย ก่อนจะเดินไปดื่มวิสกี้ต่อ ปล่อยให้อัคคีสู้ศึกกับมารดา ซึ่งตอนนี้ท่านคงกำลังโกรธอยู่ไม่น้อย

“ไอ้พี่บ้า!”

อัคคีทำปากขมุบขมิบเอ่ยเจริญพรพี่ชาย ก่อนจะตอบคำถามของมารดาได้ในที่สุด

“เอ่อ ไฟเพิ่งออกจากห้องน้ำครับ เลยรับโทรศัพท์ของแม่เลี้ยงช้าไปหน่อยครับ”

“เพิ่งออกจากห้องน้ำหรือว่าเกี่ยงกันรับโทรศัพท์กันแน่”

แม่เลี้ยงรดา ผู้เป็นมารดาดักคออย่างรู้เท่าทัน ทำเอาอัคคีต้องกลอกตาขึ้นบนอย่างเซ็งจัด แต่ก็ยังคงยืนกรานคำแก้ตัวคำเดิม

“ไฟเพิ่งออกมาจากห้องน้ำจริงๆ ครับ แม่เลี้ยง”

“เอาเถอะ แม่จะพยายามเชื่อก็แล้วกัน ว่าแต่เพลิงไปไหน” แม่เลี้ยงรดาถามถึงลูกชายฝาแฝดคนโต

และเมื่อมีโอกาสแกล้งพี่ชาย อัคคีก็กลั้นเสียงหัวเราะแล้วรีบฟ้องมารดาในทันที

“เพลิงนั่งดื่มวิสกี้เมาหัวทิ่มแล้วครับแม่เลี้ยง”

“เฮ้ย! ไอ้ไฟ ไอ้บ้า ปรักปรำกันได้”

อัคนีได้ยินเช่นนั้นก็โวยวายตะโกนด่าน้องชายเสียงดัง พร้อมกับกระโจนมาใกล้โทรศัพท์ เอ่ยแก้ตัวและทักทายมารดาเสียงอ่อยท่ามกลางเสียงหัวเราะร่วนของอัคคี