บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 4 เลิกแล้วต่อกัน

“กฎหมายข้อไหนที่ทำน้ำแกงหกแล้วข้าต้องเข้าคุก ท่านเอามากางให้ข้าดู ถ้ามีกฎหมายข้านี้จริงคนทั้งเมืองคงต้องเข้าคุกแล้ว ไร้สาระสิ้นดี”

โม่หนิงหลงแค่นคำคิดเอาผิดคนให้ได้

“มิใช่ทำเพียงน้ำแกงหกธรรมดา แต่เป็นเจ้าที่ตั้งใจทำน้ำแกงรดข้า สิ่งนี้เรียกว่ามีเจตนาทำร้ายร่างกาย ในเมื่อมีเจตนาไม่ดีก็ย่อมมีความผิดอย่างแน่นอน”

ฉางเจียอีมองเขาตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า คนผู้นี้ร่างกายยังเต็มไปด้วยกลิ่นน้ำแกงและมีร่องรอยสกปรกเลอะไปทั้งตัว สาสมแล้วกับสิ่งที่เขากระทำต่อนาง

ฉางเจียอีเอ่ยแก้ต่างให้ตนเอง

“จะทำร้ายได้อย่างไร ข้าเห็นว่าท่านยังสบายดี ยืนอยู่ตรงนี้ตีฝีปากกับข้า แค่น้ำแกงหกจะทำให้ท่านเจ็บปวดได้อย่างไร ข้านี่สิเจ็บปวดท่านทำร้ายจิตใจข้า นินทาบิดากับข้าลับหลังท่านสมควรได้รับโทษ”

เขาตอบโต้ทันควัน

“น้ำแกงร้อนทำให้ผิวหนังลอกแดงได้ และหากน้ำแกงเข้าตา ทำให้ตาบอดความผิดนี้ยิ่งหนักหนา เจ้าไตร่ตรองเอาไว้ก่อน เจตนาชัดเจนว่าต้องการแก้แค้นคน สาเหตุเพราะโกรธแค้นที่ได้ยินข้าพูดความจริงกับสหาย”

“ท่านรับสารภาพแล้วสินะว่านินทาข้าลับหลัง”

“ข้าแค่เอ่ยความจริงถึงนิสัยของบิดาเจ้า และคิดว่าเจ้าก็คงไม่ต่างกัน มิได้นินทาลับหลังเป็นเจ้าเองที่รับไม่ได้และคิดแค้นจนอยากทำให้ข้าบาดเจ็บ”

“นี่ท่านกำลังใส่ร้ายข้า ทั้ง ๆ ที่ท่านเป็นคนเริ่มแท้ ๆ”

เขาหัวเราะเสียงดัง

“เห็นหรือไม่เจ้ายอมรับว่าคิดว่าข้าเป็นคนเริ่ม จึงแค้นเคืองและลงมืออย่างเหี้ยมโหด หากเจ้าไม่ยอมเข้าคุก เรื่องนี้ข้าจะร้องเรียนไปยังครอบครัวของเจ้า ดูสิว่าพ่อค้าฉางจะให้คำตอบข้าอย่างไรที่ปล่อยให้บุตรสาวก่อเรื่องเช่นนี้ขึ้นมา”

นางทนไม่ไหวแล้ว คนผู้นี้มิใช่จะเล่นงานได้ง่าย ๆ และหากเรื่องนี้บานปลายจนรู้ถึงหูคนที่บ้านนางคงได้ถูกท่านย่ากักบริเวณไม่ให้ออกไปที่ไหนเป็นแน่

ไม่ได้จะทำให้เกิดเรื่องนี้ไม่ได้นางต้องหาทางรับมือเขา ฉางเจียอีจึงหันไปเอ่ยกับนายอำเภอ

“ท่านนายอำเภอท่านดูว่าเขาไม่ได้รับบาดเจ็บ ข้าสมควรชดใช้เรื่องเสื้อผ้าของเขาในฐานะที่เผลอทำมันให้สกปรก ส่วนเรื่องที่เขานินทาข้าลับหลังท่านต้องจัดการให้ข้าด้วย”

โม่หนิงหลงกอดอก เอ่ยเสียงเย็นเยียบ

“ข้าไม่รับเงินของเจ้า เจ้าต้องเข้าคุกเพื่อรับผิดแทน ไม่ใช่ว่าตนเองมีเงินแล้วจะหว่านเงินปกปิดความผิดของตนเองได้”

นางถลึงตาใส่เขา

“ความผิดเล็กน้อย ชดใช้เงินก็จบท่านกำลังหาเรื่องข้าอย่างชัดเจน หากข้าต้องเข้าคุกท่านที่เป็นสาเหตุก็ต้องเข้าคุกไปพร้อมกับข้า”

“ข้าแค่เอ่ยถึงเจ้าไยต้องเข้าคุก”

“ท่านทำให้ชื่อเสียงคุณหนูในห้องหอของข้าต้องแปดเปื้อน ท่านสมควรได้รับโทษ”

โม่หนิงหลงมองหน้าคุณหนูคนงามที่เป็นคนพาลพร้อมกับหัวเราะ

“คุณหนูในห้องหอที่ไหนมีกิริยาเช่นเจ้ากันบ้าง ส่วนชื่อเสียงนั้นข้าได้ยินมาไม่น้อยว่าไม่ดีเป็นอย่างยิ่ง ข้าพูดไม่ผิดไม่ใช่หรือ”

“โม่หนิงหลงคนปากร้าย อย่าคิดว่าข้าจะปล่อยท่านรอดไปได้คิดว่าตนเองเป็นซื่อจื่อแล้วข้าจะกลัวหรือ หากท่านเล่นงานข้าโดยมิชอบข้าจะฟ้องร้องเจ้าให้รู้ถึงบิดาของท่าน”

ฉางเจียอีไม่เคยสนใจเรื่องการเมือง คนที่มีอำนาจที่สุดในลั่วหยางนางย่อมคิดว่าคือเจ้าเมืองบิดาของโม่หนิงหลง และเจ้าเมืองลั่วหยางก็ปกครองคนอย่างยุติธรรมไม่เคยกดขี่ข่มเหงรังแกชาวบ้านมาก่อนจนได้รับความเลื่อมใส

เจ้าเมืองลั่วหยางนางเคยพบเขาอยู่บ่อยครั้งในยามติดตามท่านพ่อไปร่วมงานเลี้ยงพ่อค้า แต่นางไม่เคยพบเห็นโม่หนิงหลงเลยสักครั้งนางจึงคิดว่าเขาเป็นคนไม่ได้รับความไว้วางใจจากบิดาเป็นแน่ นางจึงเชื่อว่าท่านเจ้าเมืองย่อมยินดีมอบความยุติธรรมให้แก่นาง

ท่านเจ้าเมืองมีชื่อเสียงเรื่องความใจดีมีเมตตาไม่คาดคิดว่าจะมีบุตรชายร้ายกาจเช่นนี้

คนสองคนยืนประจันหน้ากัน นายอำเภอต้องรีบเข้ามาแทรกกลางห้ามทัพ

“ท่านทั้งสองได้โปรดเห็นแก่หน้าข้า โปรดหยุดก่อนเถิดขอรับ ในเมื่อท่านมาหาข้าแล้วให้ข้าช่วยตัดสินอย่างยุติธรรมดีหรือไม่”

คนทั้งสองล้วนหันมามองท่านนายอำเภอพร้อมกับสายตากดดันอย่างรุนแรง จากนั้นจึงเอ่ยขึ้นมาพร้อมกันว่า

“ดี”

“ดี”

ฉางเจียอีหันไปมองโม่หนิงหลงพบว่าเขาจ้องนางอยู่ก่อนแล้ว ฉางเจียอีกล่าวเยาะหยัน

“เพ้ย! แม้แต่คำพูดของข้าเจ้าก็ยังลอกเลียนแบบ”

โม่หนิงหลงคร้านจะพูดแล้ว เอาที่นางสบายใจเถิด

นายอำเภอชั่งใจแล้วว่าหากหักหน้าซื่อจื่อเขาอาจจะมีปัญหาเรื่องชีวิตราชการ แต่หากไม่เข้าข้างคุณหนูฉางเงินที่กู้ยืมมาให้อนุคนที่สามและสี่เปิดร้านค้ามาก็ไม่น้อย หากรู้ถึงหูบิดาของนางเขาอาจจะถูกบีบบังคับจนไร้ทางออก

ซ้ายก็ไม่ได้ขวาก็ไม่ดี ดังนั้นเขาจึงลำบากใจยิ่งนัก แต่เมื่อเหตุการณ์ตรงหน้ายากที่จะระงับ เขาไตร่ตรองอย่างหนัก

“พวกท่านทั้งสองได้โปรดเห็นแก่หน้าข้าเถิด เอาเช่นนี้ดีหรือไม่ ความจริงคุณหนูฉางทำไปอาจจะเพราะโกรธแค้นที่ท่านกล่าวหานางลับหลัง ซื่อจื่อเห็นแก่ที่นางเป็นสตรีอย่างไรก็ละเว้นนางสักครั้งหนึ่งเถิด ให้นางชดใช้เงินทองที่ทำอาภรณ์ท่านเสียหายจากนั้นก็ให้แล้วต่อกันไปเถิดนะขอรับ ส่วนท่านซื่อจื่อข้าเอ่ยตามตรงว่าท่านก็สมควรกล่าวขอโทษนางนะขอรับ อย่างไรเรื่องของผู้อื่นก็ไม่ควรกล่าวถึง อีกอย่างที่เรือนของพวกท่านทั้งสองล้วนมีฮูหยินชราที่เที่ยงตรงและยึดมั่นในคุณธรรมนัก หากฮูหยินชราทั้งสองรู้ว่าเกิดเรื่องกับพวกท่าน คงกลัดกลุ้มเป็นแน่นะขอรับ”

ถึงนายอำเภอจะหวาดกลัวคนทั้งสอง แต่เขาก็เป็นคนที่มีความยุติธรรมและตัดสินได้อย่างถูกต้อง และเขาก็เป็นคนฉลาดเอ่ยวาจาเพื่อประนีประนอม

โม่หนิงหลงไม่กลัวผู้ใดแต่เขารักใคร่ฮูหยินชราผู้เป็นท่านย่ายิ่งนัก ส่วนฉางเจียอีบิดาและมารดาตามใจ คนที่คอยออกคำสั่งกับนางในจวนมีเพียงฮูหยินชราคนเดียว

โม่หนิงหลงใคร่ครวญหากท่านย่ารู้ว่าเขาเอ่ยถึงคนอื่นเช่นนี้ก็คงจะผิดหวังในตัวเขาอีกทั้งระยะหลังมานี้ท่านย่าล้มป่วยบ่อยครั้ง เขาย่อมไม่อยากให้มีสิ่งใดกระทบจิตใจท่านย่าแม้จะเป็นเรื่องเพียงเล็กน้อย ดูแล้วฉางเจียอีคนนี้หากว่าวันนี้ตกลงกันไม่ได้ด้วยนิสัยดื้อรั้นชอบเอาชนะนางคงไม่มีทางรามือง่าย ๆ เป็นแน่

อีกทั้งความจริงเขาก็ไม่น่าเอ่ยถึงคนอื่นในที่สาธารณะแม้ว่าเพราะห่วงสหายก็ตามเรื่องนี้จะว่าไปเขาก็มีความผิดจริง ๆ

หากเขาคิดสั่งสอนสตรีไร้จริยธรรมผู้นี้ให้ตระหนักถึงความผิดของตนเองที่ก่อ เขาก็ต้องยินยอมถอยก้าวหนึ่ง

“ก็ได้ท่านนายอำเภอข้าจะทำตามที่ท่านแนะนำ”

จากนั้นเขาก็เอ่ยขอโทษนางออกมา

“ฉางเจียอีเป็นข้าที่ผิดเรื่องนั้นจริง ๆ เช่นนั้นข้าโม่หนิงหลงต้องขอโทษเจ้าด้วยใจจริง ต่อไปนับจากนี้ข้าจะไม่พูดถึงเจ้าและคนที่บ้านอีก”

ฉางเจียอีรู้สึกดีขึ้นมาเล็กน้อย ที่จู่ ๆ คนผู้นี้ก็ยอมรับผิดแต่โดยดี และนางก็เกรงว่าจะถูกท่านย่าลงโทษที่กล้ากระทั่งล่วงเกินซื่อจื่อผู้นี้ หากเป็นเช่นนั้นนางคงไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวันแล้ว

นางกระแอมเล็กน้อย

“ข้ารับคำขอโทษท่าน พวกเราก็ให้แล้วต่อกันไปจากนี้อย่าได้มาพบหน้ากันอีก ข้าบอกตามตรงข้ารู้สึกว่าไม่ถูกชะตากับท่านนัก ส่วนเรื่องเสื้อของท่านข้าจะจ่ายเงินให้ ท่านอยากได้เท่าไหร่ก็ว่ามาเถิดเอาที่ท่านพอใจ”

สีหน้าของโม่หนิงหลงราบเรียบ เขาคิดว่านางชอบใช้เงินฟาดหัวผู้อื่นจนเป็นนิสัย

“เงินข้าขอไม่รับขอเพียงแต่นับจากนี้ต่อไป พวกเราสองคนอย่าได้มาพบหน้า อยู่ห่างกันให้มากที่สุดก็เพียงพอแล้ว”

ฉางเจียอีได้ยินดังนั้นก็รู้สึกโกรธยิ่งนัก เขาแสดงความรังเกียจนางออกมาอย่างเห็นได้ชัดเช่นนี้ได้อย่างไร นางตีสีหน้าเย็นชาเอ่ยว่า

“ดีไม่อยากได้เงินก็ช่าง หึ ชาตินี้พวกเราสองคนไม่ต้องพบกันอีกแล้ว ข้าไม่อยากให้ชื่อเสียงต้องมาแปดเปื้อนเพราะท่านเช่นกัน”

เขากลับหัวเราะเบา ๆ อย่างเหยียดหยามนางจ้องเขาตาไม่กะพริบราวกับว่าแค้นเคืองกันมานับรอยปี

นายอำเภอถอนหายใจอย่างโล่งอกนับว่าฮูหยินชราของทั้งสองสกุลได้ช่วยชีวิตของเขาเอาไว้

“เช่นนั้นพวกท่านทั้งสองก็กล่าวคำขอโทษและให้แล้วต่อกันเถิดนะขอรับ”

โม่หนิงหลงและฉางเจียอีมองหน้ากัน จากนั้นจึงยกมือขึ้นประสานเอ่ยพร้อมเพรียงกัน

“ฉางเจียอี! ข้าโม่หนิงหลงขอโทษเจ้าด้วยใจจริง”

“โม่หนิงหลง! ข้าฉางเจียอีขอโทษเจ้าด้วยใจจริง”

น้ำเสียงแข็งกระด้าง ไร้ความจริงใจ สีหน้าราวกับจะสังหารกันให้ตายไปข้างหนึ่ง

“ดี ดี พวกท่านในที่สุดก็ดีกันแล้ว เช่นนั้นแยกย้ายนะขอรับ ต่างคนต่างไป”

นายอำเภอส่งเสียงหัวเราะทำลายบรรยากาศแต่กลับทำให้บรรยากาศนี้ยิ่งน่ากลัวขึ้นกว่าเดิมเสียอีก

บัดนี้ทั้งสองคนล้วนจ้องหน้ากันไม่ลดละราวกับว่ากำลังแข่งขันผู้ใดหลบสายตาก่อนคนนั้นแพ้ กระทั่งมีเสียงหนึ่งดังขึ้นขัดจังหวะ

“ซื่อจื่อขอรับ”

ในยามนั้นคนของโม่หนิงหลงก็ตามมาถึงที่ทำการนายอำเภอแล้ว

บ่าวรับใช้ของโม่หนิงหลงรีบตรงเข้ามากระซิบกระซาบคำข้างหูผู้เป็นนาย ได้ยินคำของบ่าวโม่หนิงหลงสีหน้าไม่ดีนัก เขาปลดเสื้อคลุมขนจิ้งจอกของตนเองแล้วโยนโครมลงบนหน้านาง

“ก่อนที่จะไม่ได้พบกัน เจ้าก็สมควรรับผิดชอบเสื้อของข้า ซักให้สะอาดแล้วให้คนส่งมายังจวนอ๋อง ของสิ่งนี้เป็นของสำคัญของข้าที่ได้รับพระราชทานจากฝ่าบาท เจ้าต้องจัดการให้ดี”

จากนั้นเขาก็เดินฉับ ๆ ออกไป

ฉางเจียอีกำกำปั้นแล้วทำท่าจะต่อยหน้าคน ตะโกนตามหลังเขาไป

“โม่ซื่อจื่อ เจ้าคิดว่าตนเองเป็นผู้ใดคิดจะทำอะไรก็ได้เช่นนั้นหรือ เจ้าจะทำไมไหนบอกว่าพวกเราไม่ต้องพบกันอีกแล้วในชาตินี้อย่างไรเล่าไยต้องให้ข้าซักเสื้อให้เจ้าอีก”

นางตะโกนสุดเสียงแต่เขาก็หายไปแล้ว นายอำเภอเดินเข้ามาใกล้ เหงื่อท่วมกายจนร่างกายเปียกชื้นบัดนี้ตัวปัญหากลับไปแล้วจึงค่อยเบาใจ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel