ตอนที่ 9 พบหน้า
อวิ๋นจื่อเหยาก้าวเดินตามหยวนอี้เจ๋อเข้ามาด้านในจวนอ๋อง ที่ด้านในพบพ่อบ้านวัยห้าสิบกว่าปีคนหนึ่งก้าวเดินออกมาต้อนรับ ทันทีที่เขาเห็นอวิ๋นจื่อเหยาที่ตามหยวนอี้เจ๋อเข้ามาพลันคิ้วของเขาก็ขมวด เดิมทีท่านอ๋องของพวกเขาไม่เคยเปิดจวนต้อนรับแขกยิ่งเป็นสตรียิ่งไม่อยากจะต้อนรับ
แต่วันนี้โหยวน้อยกลับพาสตรีแปลกหน้าที่ปกปิดใบหน้าครึ่งหนึ่งเอาไว้เข้ามา ได้อย่างไรกัน? เขามองไปยังหยวนอี้เจ๋อโค้งตัว "หยวนโหวน้อยท่านมาแล้ว..."
หยวนอี้เจ๋อหยุดมองพ่อบ้านหงจากนั้นเขาก็หันไปหาอวิ๋นจื่อเหยาแล้วพูดว่า "พ่อบ้านหงเจ้าควรทำความรู้จักว่าที่พระชายาของท่านอ๋องพวกเจ้าเอาไว้นะ คุณหนูอวิ๋นนี่คือพ่อบ้านหงผู้ดูแลทุกอย่างในจวนนี้"
อวิ๋นจื่อเหยายกคิ้วมองหยวนอี้เจ๋อแวบหนึ่งจากนั้นนางก็หันไปยิ้มให้กับพ่อบ้านหงเบาๆ แม้ภายใต้ผ้าบางจะมองไม่เห็นใบหน้าทั้งหมดของนางพ่อบ้านหงก็สัมผัสได้ว่านางกำลังยิ้มให้ตน เขาไม่กล้าเสียมารยาทนี่คือนายผู้หญิงของจวนในอนาคตเชียวนะ "คุณหนูอวิ๋นข้าน้อยเสียมารยาทแล้ว"
"พ่อบ้านหงอย่าได้เกรงใจเป็นข้าที่มาอย่างไม่ได้บอกกล่าวบังเอิญว่าวันนี้มีธุระอยากจะพูดคุยกับอ๋องสามเลยมาแบบเร่งรีบ"
โอ่...ยามนี้ท่านอ๋องประทับอยู่ที่ศาลาริมบึงปีกทางด้านซ้ายจวน เชิญขอรับ" พ่อบ้านกล่าวอย่างนอบน้อม หยวนอี้เจ๋อหันมาหาอวิ๋นจื่อเหยาแล้วพูด
"คุณหนูอวิ๋นไม่ใช่ว่าเจ้าจะมาเองได้ง่ายๆหรอกนะวันนี้หากไม่มีข้าเจ้าก็คงไม่อาจเข้ามาได้"
อวิ๋นจื่อเหยาขมวดคิ้วนางไม่พูดอะไรเพียงแค่ลอบสังเกตุการณ์แบบไม่สอดส่ายสายตาไปมา แต่เป็นการมองตรงแล้วกลอกตาสำรวจภาพรวมภายในจวนเท่านั้น หลังจากสำรวจดูก็รู้ได้ว่าจวนอ๋องสามแห่งนี้งดงามเป็นอย่างมากแต่ก็ไม่ได้ตกแต่งจนดูหรูหราฟุ่มเฟือย
แม้ฮ่องเต้พระองค์ก่อนโปรดปรานเขา แต่ก็ใช่ว่าฮ่องเต้องค์ปัจจุบันจะโปรดปรา แต่ก็นะพวกเขาก็ต้องรักษาหน้าตาศักดิ์ศรีของราชวงศ์ ตกแต่งให้จวนแห่งนี้เปี่ยมกลิ่นอายสูงศักดิ์น่าเกรงขามแทนความหรูหราอลังการ
นางมองเข้าไปในสวนบุปฝา ในศาลาที่อยู่ห่างไกลริมสระบัวใหญ่มีผ้าม่านพลิ้วไสว มีเงาร่างสูงส่งนั่งอยู่อย่างเงียบสงบ ดูโดดเดี่ยว เย็นชา ใบหน้าคมคายสง่างามชวนลุ่มหลงนั้นไร้อารมณ์อย่างสิ้นเชิง แววตาทั้งคู่เย็นยะเยือกราวน้ำแข็ง เพียงมองผ่านผ้าม่านบางความรู้สึกสูงส่งยังแผ่ซ่านออกมาไกลเพียงนี้อวิ๋นจื่อเหยาเริ่มรู้สึกไม่มั่นใจขึ้นมา
หยวนอี้เจ๋อพยักหน้าให้นางก้าวเดินเข้าไปยังศาลากับเขา เมื่อเข้ามาถึงในศาลาสายลมอ่อนๆพัดชายผ้าม่านโปร่งให้ปลิวไสวเสียงดังกุ๊กกิ๊งให้ความเพลิดเพลินใจอยู่บ้างเล็กน้อยกับชายหนุ่มที่นั่งแผ่นหลังตั้งตรงอยู่บนรถเข็นตรงหน้า
อวิ๋นจื่อเหยายอบกายลง "ถวายบังคมท่านอ๋องเพคะ"
ทันทีที่ได้ยินเสียงของอวิ๋นจื่อเหยาแทนที่จะได้ยินเสียงของหยวนอี้เจ๋อพลันเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นในลำคอ "หืม?"
พร้อมกับรถเข็นค่อยๆถูกบังคับให้หมุนกลับมา ถังหลงได้มารายงานเขาก่อนนี้ครู่หนึ่งแล้วว่าคุณหนูอวิ๋นเดินทางมากับหยวนอี้เจ๋อบอกว่ามีเรื่องจะพูดคุยกับเขา อ๋องสามเซียวรั่วเฟิงที่เดิมทีไม่ค่อยได้พูดคุยกับสตรีเท่าไหร่นักทันทีที่หมุนรถเข็นกลับมาสิ่งแรกที่ทำคือตวัดดวงตาล้ำลึกไปยังหยวนอี้เจ๋อ
หยวนอี้เจ๋อวางถ้วยน้ำชาลงแล้วกลิ้งตาคราหนึ่งร่างสูงลุกขึ้นโบกพัดเดินออกไป
หลังจากหยวนอี้เจ๋อเดินออกไปแล้วน้ำเสียงเรียบทุ้มของเขาก็ดังขึ้น "ที่นี่ไม่มีคนอื่นคุณหนูอวิ๋นลุกขึ้นเถอะ!"
อวิ๋นจื่อเหยากล่าวขอบคุณเขาก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมองพริบตานั้นเอง นางก็รู้สึกว่าตนกำลังมองภาพที่งดงามที่สุดในโลกนี้อยู่
นางเหม่อมองเงาร่างในชุดสีขาวราวหิมะที่อยู่ตรงหน้านั้นอย่างเงียบงัน!
เขานั่งอยู่บนรถเข็นทั้งตัวอยู่ในชุดคลุมสูงส่งสง่างาม นั่งเหยียดหลังตรงบนรถเข็น ใบหน้าคมคายงามพิสุทธิ์ แววตากระจ่าง แฝงความเย็นชากำลังมองมาที่นาง
หมู่มวลผกาทั่วแผ่นดิน ต้องหม่นหมองลงเมื่อเทียบกับเขา ชาติก่อนไม่ใช่ว่านางจะไม่เคยพบคนหล่อและหล่อมากมาก่อน แต่หล่อและงดงามสง่างาม สูงส่งเช่นเขาตรงหน้านี้นางไม่เคยเห็นมาก่อน
อวิ๋นจื่อเหยาจ้องมองเข้าไปในดวงตาลุ่มลึกคู่นั้นของเขาพลันหัวใจก็เต้นโครมครามขึ้นมา ถ้าไม่ใช่เพราะเธอเป็นคนที่พบเห็นคนที่มีความกดดันสูงเช่นบรรดา ผบ.เหล่าทัพ ผอ.ศูนย์วิจัย หรือแม้แต่อาจารย์แพทย์ที่เคร่งครัดมามากหล่ะก็ เธอคงถูกเขาทำให้ตกใจกลัวจนตัวสั่นไปแล้ว
เซียวรั่วเฟิงถูกเด็กสาวผู้หนึ่งจ้องมองอย่างเหิมเกริมไม่เกรงกลัวต่อสิ่งใด ไม่สะทกสะท้านต่อความไม่พอใจที่ปรากฎออกมาบนใบหน้าของเขาแล้ว พลันคิ้วอันหล่อเหลาของเขาก็ขมวดเข้าหากันน้ำเสียงทุ้มเจือความไม่พอใจก็ดังขึ้นมา
"วันนี้คุณหนูอวิ๋นมาพบข้าถึงจวนคงไม่ใช่แค่จะมาจ้องหน้าของข้ากระมัง?"
อวิ๋นจื่อเหยาถูกน้ำเสียงอันไพเราะแม้จะดุดันและเย็นชาอยู่บ้างของเขาทำให้ตื่นจากภวังค์ นางรู้สึกเก้อเขินเล็กน้อยที่เผลอจ้องมองเขาอย่างเสียมารยาท แต่ก็เพียงชั่วครู่เท่านั้นใบหน้าที่ดูเก้อเขินเมื่อสักครู่ของนางก็กลับมาสงบนิ่งดังเดิม
จากนั้นนางก็กระแอมไอ เซียวรั่วเฟิงพยักหน้ามองไปที่เก้าอี้ตรงโต๊ะน้ำชาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า "นั่งเถอะ!"
"ขอบพระทัยเพคะ" อวิ๋นจื่อเหยานั่งลงตรงข้ามกับเขา ทางด้านหลังถังหลงเดินเข้ามารินน้ำชาใส่ถ้วยให้นางแล้วเขาก็ถอยออกไปอย่างรู้งาน
อวิ๋นจื่อเหยาดื่มน้ำชาหมดจอกท่ามกลางสายตาเย็นเยียบของเขาที่จดจ้องนางจนหญิงสาวทำตัวไม่ถูกอยู่บ้างจากนั้นนางก็ดึงผ้าขาวบางออกจากใบหน้าอย่างรู้สึกรำคาญเล็กน้อย
พลันใบหน้าที่งดงามไร้สิ่งปกปิดก็ปรากฎขึ้นต่อหน้าของเขาเขาจ้องมองผิวที่เปล่งประกายขาวราวกับหยกของนางมองคิ้วที่โค้งสวยราวกับภาพวาด ริมฝีปากชมพูระเรื่อไร้เครื่องแต่งเติมใดๆ โดยเฉพาะดวงตาที่สดใสราวกับนกฟีนิกซ์นั้นทำให้เซียวรั่วเฟิงชะงักเล็กน้อยจากนั้นไม่นานเขาก็รู้สึกตัวละสายตาออกไปไม่มองนาง
"คุณหนูอวิ๋นรีบพูดธุระของเจ้ามาเถอะ!"
อวิ๋นจื่อเหยากระแอมไอ มองดูเขาแวบหนึ่งความตั้งใจเดิมของนางในคราแรกนางเพียงจะมาพูดคุยเรื่องการถอนหมั้นกับเขา
แต่หลังจากได้เห็นแผ่นหลังที่เปล่าเปลี่ยวของเขาจิตใต้สำนึกก็ผุดใบหน้าอันหล่อเหลาที่เศร้าหมองของเขาขึ้นมาก็ทำให้นางรู้สึกตัดสินใจไม่ค่อยจะถูกอยู่บ้าง
เขาเป็นอ๋องสามเป็นคนของราชวงศ์เป็นอนุชาของฮ่องเต้องค์ปัจจุบันแม้ว่าจะไม่ใช่พี่น้องร่วมอุทรแต่ก็เป็นอนุชาไม่ใช่หรือ
แล้วที่ร่างกายของเขาเป็นเช่นนี้ก็เพราะการนำทัพออกรบแล้วโดนตลบหลังทำร้ายไม่ใช่หรือ เหตุใดเขาถึงได้ใช้ชีวิตยากลำบากถึงเพียงนี้ด้วยเล่า
"ไม่ขอปิดบังท่านอ๋องเดิมทีวันนี้ ข้าต้องการที่จะมาเจรจาข้อตกลงกับท่านสองข้อ"
เซียวรั่วเฟิงยกคิ้วขึ้นจากนั้นก็หันหน้ามามองเด็กสาวตรงหน้าอย่างเย็นชา น้ำเสียงเย็นของเขาพูดขึ้นว่า "คุณหนูอวิ๋นเจ้ารู้หรือไม่คนสุดท้ายที่กล้ามายื่นข้อเสนอหรือต่อรองกับข้านั้นกลายเป็นอาหารสัตว์เดรัจฉานที่หุบเขาจันทร์ลับฟ้าไปแล้ว..."
อวิ๋นจื่อเหยาคิ้วกระตุก นางไม่ได้รู้สึกกลัวกับคำพูดของเขาแน่นอนว่านางเชื่อว่าเขานั้นพูดเรื่องจริง อวิ๋นจื่อเหยายกยิ้มบางจากนั้นนางก็พูดต่อ"ท่านอ๋องโปรดฟังสักหน่อยหลังจากนั้นพระองค์จะฆ่าหม่อมฉันก็ไม่สาย"
อวิ๋นจื่อเหยาทอดมองไปที่บึงใหญ่ตรงหน้าแวบหนึ่งจากนั้นนางก็มองดูเขาที่เวลานี้กำลังรอฟังสิ่งที่นางกำลังจะพูดอย่างใจเย็น
"เดิมทีที่หม่อมฉันเดินทางมาที่จวนของท่านอ๋องหนึ่งก็คือเรื่องสมรสในอีกสามเดือนที่จะถึงนี้ของพวกเรา แต่เรื่องนั้นพักเอาไว้ก่อนมาพูดเรื่องสำคัญ ท่าอ๋องหม่อมฉันขอตรวจดูชีพจรของท่านได้หรือไม่เพคะ?"
พูดจบอวิ๋นจื่อเหยาก็เคลื่อนตัวด้วยความรวดเร็วจนเซียวรั่วเฟิงก็คาดไม่ถึง เขารู้สึกตัวอีกทีมือของนางก็แตะลงที่ข้อมือของเขาแล้ว ถังหลงที่ยืนอยู่ไม่ไกลมากเห็นการกระทำของอวิ๋นจื่อเหยาดวงตาของเขาก็เบิกโพลงชายหนุ่มกำกระบี่แน่นแล้วกระโดดลิ่วเข้ามา "ท่านอ๋อง?"
เซียวรั่วเฟิงขบเม้มริมฝีปากดวงตาลึกล้ำของเขาตวัดขึ้น ถังหลงชะงักเล้กน้อยก่อนจะโค้งคำนับแล้วถอยออกไป การถอยออกไปคราวนี้ของเขาไปได้ไม่ไกลเท่าคราแรกเพราะเขาไม่มั่นใจในความปลอดภัยของผู้เป็นนาย
....