ตอนที่ 8 ข่าวลือสามารถบิดเบือนได้
อวิ๋นจื่อเหยาเข้าไปนั่งลงตรงโต๊ะน้ำชาจากนั้นนางด็รินชาใส่ถ้วยให้ชายชรา ผู้เฒ่าอวิ๋นปีนี้อายุเจ็ดสิบแล้วเพราะก่อนนี้เป็นทหารออกรบมาทั้งชีวิตร่างกายจึงดูแข็งแรงอ่อนกว่าวัยมีเพียงสีผมเท่านั้นที่บ่งบอกว่าเขาผู้นี้อายุมากแล้ว
"ท่านปู่ชาเจ้าค่ะ!" เด็กสาวส่งชา
ผู้เฒ่าอวิ๋นถูกหลานสาวปรนนิบัตก็หัวเราะชอบใจ
"เสี่ยวเหยาโตแล้ว..ดูแลปู่ได้แล้ว"
อวิ๋นจื่อเหยายิ้มจากนั้นนางก็เอ่ยถึงจุดประสงค์ที่มา "จริงสิท่านปู่เมื่อคืนหลานได้พบกับคนผู้หนึ่งเขาบอกว่าเคยเลี้ยงมาที่ค่ายทหารตระกูลอวิ๋นแต่ตอนนี้พวกเขาเป็นขอทานเร่ร่อนชื่อหู่วจงเจ้าค่ะ
หู่วจงเหรอ?
ชายชราครุ่นคิดอยู่สักพักจากนั้นเขาก็พยักหน้า "ดูเหมือนว่าจะเคยมีนะปู่ก็ลืมไปแล้วแต่ยังรู้สึกคุ้นๆ ทำไมหรือเขา...เป็นอะไร?"
อวิ๋นจื่อเหยาส่ายหน้า "ไม่มีอะไรเจ้าค่ะเพียงแค่หลานเห็นเขาซาบซึ้งยามเอ่ยถึงท่านพ่อเลยรู้สึกแปลกใจ"
นางไม่อยากทำให้ผู้เฒ่าอวิ๋นไม่สบายใจจึงไม่เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้เขาได้รับรู้ นางอยู่พูดคุยกับท่านผู้เฒ่าราวสองเค่อถึงเวลาพักผ่อนของเขาจึงเดินออกมา
เดินออกมาได้ไม่ทันไรพ่อบ้านก็เข้ามาขวางทางนางเอาไว้ "คุณหนูขอรับฮูหยินใหญ่ต้องการพบคุณหนูขอรับ"
อวิ๋นจื่อเหยาพยักหน้าจากนั้นก็เดินมาที่เรือนเมฆาพิสุทธิ์ เวลานี้ภายในเรือนกำลังวุ่นวายจัดเตรียมสินเดิมให้กับอวิ๋นจื่อเหยา
อวิ๋นจื่อเหยาเดินเข้าไปเห็นท่านแม่ของตนวุ่นวายเพียงนั้นนางจึงนั่งลงแล้วถาม
"ท่านแม่ ท่านกำลังหาของอะไรอยู่หรือเจ้าคะ?"
จ้าวหลีมารดาของอวิ๋นจื่อเหยาจับมือบุตรสาวตบลงเบาๆ "แม่กำลังเตรียมสินเดิมให้เจ้า อีกสามเดือนก็ต้องออกเรือนแล้วหากไม่จัดเตรียมเอาไว้ถึงเวลานั้นจะฉุกละหุกเอา.."
อวิ๋นจื่อเหยากระพริบตา "สินเดิม? ท่านแม่ท่านหมายความว่าข้าจะต้องแต่งงานแล้วอย่างนั้นหรือ?"
จ้าวหลีหัวเราะจากนั้นนางก็ปัดปอยผมออกจากหน้าผากของนางอย่างรักใคร่ "เหตุใดถึงลืมไปแล้วเล่า แม้การสมรสครานี้จะผิดคาดไปเสียหน่อยแต่ก็ล้วนเป็นพระราชโองการของไท่ซางหวงที่ตอบแทนความจงรักภักดีของท่านพ่อของเจ้า
อ๋องสามเองเดิมทีก็เป็นบุรุษที่สง่างามและมากความสามารถมากผู้หนึ่งแต่น่าเสียดายที่ความโดดเด่นนั้นไปขวางหูขวางตาของคนเข้า..."
อวิ๋นจื่อเหยาขบเม้มริมฝีปากฟังมารดาของตนพูดถึงความสามารถของอ๋องสามเซียวรั่วเฟิงไปสักพักนางก็คิดขึ้นมาและพูดออกไปว่า
"ท่านแม่ข้ายังไม่เคยพบท่านอ๋องผู้นั้นเลยข้าอยากจะพบเขาสักครั้งก่อนอภิเษก..." นางอยากจะดูว่าเขาโดนพิษอะไรไปกันแน่ถึงได้สาหัสมากเพียงนั้น
จางหลีพยักหน้าเห็นด้วย"ก็ใช่จะไม่ได้แต่อ๋องสามนั้นเก็บตัวในจวนมาโดยตลอดแม่ว่าเรื่องนี้..."
จางหลีฮูหยินเป็นฮูหยิน เป็นบุตรสาวคนโตของจวนขุนนางเก่าที่อยู่เมืองชิงโจวทางเหนือของแคว้นพบเจอแม่ทัพอวิ๋นที่นั่นจนเกิดความรักลึกซึ้งต่อกันและได้สมรสกัน
นางเป็นหญิงงามมากความสามารถและเป็นฮูหยินเพียงคนเดียวของแม่ทัพอวิ๋นดังนั้นความรักในแบบที่แม่ทัพอวิ๋นมีให้นาง นางเองก็อยากให้บุตรสาวได้พานพบเช่นเดียวกัน
แต่คงเป็นไปได้ยากเพราะผู้ชายมักจะมีสามอนุสี่ภรรยา เมื่อมองไปทีหมิงอ๋องผู้ที่ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับสตรีใดมาก่อนแน่นอนว่านางคิดว่าก็ไม่เลว ต่อให้เขาจะพิการถ้าเขาดีต่อบุตรสาวของตนแน่นอนว่าไม่เป็นอะไร
จะมีสักกี่คนที่จะยอมรับบุตรสาวอดีตแม่ทัพที่ไร้อำนาจสนับสนุนแม้จะมีบุตรชายคนโตของนางเป็นแม่ทัพอีกคนอยู่ก็ตาม
อวิ๋นจื่อเหยาค่อยๆลุกขึ้น นางมองไปที่ข้าวของเครื่องประดับที่มีค่ามากมายแล้วพลันนางก็รู้สึกว่ายังมีเวลา อีกตั้งสามเดือนกว่าจะถึงวันแต่งงานนางยังมีเรื่องอีกตั้งมากที่ยังไม่ได้ทำจู่ๆจะให้ไปแต่งงานเลยได้อย่างไร
อวิ๋นจื่อเหยาเดินออกจากจวนแม่ทัพเดินไปตามทางที่เหลือเพียงน้อยนิดในความทรงจำของเจ้าของร่าง เดินไปได้ระยะหนึ่งซึ่งก็ไกลจากจวนแม่ทัพมากพอสมควรก็มีรถม้าคันใหญ่คันหนึ่งค่อยๆชะลอลงและหยุดอยู่ตรงหน้าของนาง
อวิ๋นจื่อเหยาขมวดคิ้ว ทันใดนั้นเองก็มีชายหนุ่มหน้าตาคมคายหล่อเหลา ในชุดเครื่องแต่งกายพิถีพิถันร่างกายของเขายืดตรงก้าวกระโดดลงมาจากรถม้า อวิ๋นจื่อเหยารู้จักเขา เขาคือชายคนที่ถือเงินสองร้อยตำลึงมามอบให้นางในงานลอยโคมไฟ
ถังหลงเดินเข้ามาโค้งตัวลง "คุณชายเรียนเชิญคุณหนูอวิ๋นขึ้นรถม้าขอรับ"
คุณชาย?
อวิ๋นจื่อเหยาขมวดคิ้ว เจ้าคือ?....
"ข้าน้อยถังหลงองครักษ์ข้างกายอ๋องสามขอรับ"
อ๋องสาม?
อ๋องสามเซียวรั่วเฟิง?
"ดีเลยข้าเองก็กำลังจะไพบท่านอ๋องของเจ้าที่จวนอยู่พอดี" พูดจบอวิ๋นจื่อเหยาก็ก้าวกระโดดขึ้นรถม้าไป ถังหลงมองตามนางพร้อมกับกระพริบตาปริบๆเขายังไม่ได้บอกเลยว่าบนรถม้านั้นไม่ใช่ท่านอ๋อง
ทันทีที่อวิ๋นจื่อเหยาเข้ามาในรถม้า ร่างบางก็หยุดชะงักภายในรถม้าไม่ใช่อ๋องสามแต่เป็นโหวน้อยสายเปย์คนนั้น หยวนอี้เจ๋อรินน้ำชาเอาไว้ทันทีที่อวิ๋นจื่อเหยาเดินขึ้นมาเขาก็ยกยิ้มอย่างเป็นมิตร "คุณหนูอวิ๋นเชิญ"
อวิ๋นจื่อเหยายกคิ้วจากนั้นนางก็เอ่ยถาม "เหตุใดถึงเป็นท่านแล้วอ๋องสามเล่าเจ้าคะ?"
หยวนอี้เจ๋อจึ๊ปาก "คุณหนูอวิ๋นถังหลงบอกเจ้าหรือว่าบนรถม้าเป็นอ๋องสาม?"
อวิ๋นจื่อเหยาชะงักงัน "ก็ไม่นะ ข้าเข้าใจผิดเอง"
"ข้าเห็นท่านเดินไปทางเดียวกันบังเอิญว่าข้าจะไปจวนอ๋องสามพอดีเจ้ากำลังจะไปที่ไหนอย่างนั้นหรือเหตุใดไม่ให้รถม้าที่จวนไปส่ง" อวิ๋นจื่อเหยาดื่มน้ำชาติดกันสองถ้วยแล้วพูด
"เดิมทีคิดว่าไม่ไกลพอเดินๆไปไกลมากข้ากำลังจะไปจวนอ๋องสาม"
หยวนอี้เจ๋อพยักหน้า แต่ทันใดนั้นคิ้วของเขาก็ขมวด ใครกันนะปล่อยข่าวลือบอกว่านางเป็นคนขี้อายเก็บตัว? ตั้งแต่วันก่อนที่เห็นนางต่อปากต่อคำกับคุณหนูไป๋แล้วจนถึงตอนนี้ข่าวลือช่างเป็นแค่ข่าวลือจริงๆ
หยวนอี้เจ๋อขบเม้มริมฝีปากมองหยิงสาวตรงหน้าเป็นครั้งคราวอย่างครุ่นคิด อวิ๋นจื่อเหยาที่นั่งหลับตาอยู่ที่มุมหนึ่งคนละฝั่งกับเขาบนรถม้าก็เอ่ยถาม "โหยวน้อยมีเรื่องอะไรอยากจะถามข้าอย่างนั้นหรือ ลอบมองข้าเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องดีเลย"
หวยอี้เจ๋อผงะไปจากนั้นเขาก็โบกมือไปมา "คุณหนูอวิ๋นเจ้าจะเก่งเกินไปแล้วหลับอยู่แท้ๆยังจะมาพูดว่าข้าลอบมองเจ้าอะไรกัน?"
อวิ๋นจื่อเหยาค่อยๆลืมตายกมือขึ้นกอดอกแล้วพูดว่า "มีอะไรจะถามก็รีบถามมาเถอะตอนนี้ข้าอารมณ์ดีอยู่สามารถตอบคำถามของท่านได้"
"โอ๊ว..คุณหนูอวิ๋นนี่ช่างล้อเล่น ไม่มีอะไรอย่างนั้นหรอกข้าเพียงรู้สึกว่าตัวตนของเจ้ากับข่าวลือช่างแตกต่างกันมากยิ่งนัก"
อวิ๋นจื่อเหยาปรายตาคู่งามของนางขึ้น แม้ว่าใบหน้าครึ่งหนึ่งของนางจะมีผ้าสีขาวบางปิดบังเอาไว้แต่หยวนอี้เจ๋อก็ยังคงจำได้ในคืนที่มีแสงไฟหลากสีกระทบใบหน้าของนางในคืนนั้นว่านางงดงามมากเพียงใด
อวิ๋นจื่อเหยาพูดขึ้นอย่างสบายๆว่า " โหวน้อยท่านเคยได้ยินเรื่องราวหนึ่งหรือไม่?"
หยวนอี้เจ๋อขมวดคิ้ว "เรื่องราวอะไรอย่างนั้นหรือ?"
"(ซาน เหริน เฉิง หู่) โดย คำว่า 三 sān (ซาน) แปลว่า สาม จำนวนสาม 人 rén (เหริน) แปลว่า คน มนุษย์ 成 chénɡ (เฉิง) แปลว่า เป็น กลายเป็น 虎 hǔ (หู่) แปลว่า เสือ เมื่อนำมารวมกันแปลตรงตัวหมายถึง สามคนกลายเป็นเสือ " อวิ๋นจื่อเหยาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบ จากนั้นนางก็พูดต่อ
"กล่าวคือคนสามคนที่ทยอยพูดเรื่องเดียวกันให้คนคนหนึ่งฟัง คนที่ถูกพูดกรอกหูซ้ำๆ ย่อมจะคล้อยตามคนพูดได้ ก็จะทำให้ข่าวลือ หรือเรื่องเท็จกลายเป็นเรื่องจริง... "
อวิ๋นจื่อเหยาพูดต่อ "ดังนั้นสิ่งที่ข้าจะบอกท่านก็คือ...บางครั้งข่าวลือก็สามารถบิดเบือนความจริงได้... "
หยวนอี้เจ๋อกระพริบตา "คุณหนูอวิ๋นเช่นนั้นข่าวลือพวกนั้นก็ย่อมไม่ใช่เรื่องจริงอย่างนั้นสินะ?"
อวิ๋นจื่อเหยาไม่ตอบนางทำเพียงยกคิ้วขึ้นมองเขาอย่างเย็นชาคราหนึ่งก็หลับตาลง ยังหลับได้ไม่เท่าไหร่รถม้าก็หยุดลงที่หน้าจวนอ๋องสามแล้ว "โหวน้อยถึงแล้วขอรับ"