ตอนที่ 10 ข้าสามารถรักษาขาของท่านได้
อวิ๋นจื่อเหยาขมวดคิ้ว สายตาของนางมองไปที่ขาของเขาอย่างครุ่นคิด ครู่เดียวน้ำเสียงเย็นเยือกของเซียวรั่วเฟิงก้ดังขึ้นมา
"ข้าไม่รู้หรอกนะว่าใครให้ความกล้าแก่เจ้าถึงได้เสี่ยงตายด้วยการทำเช่นนี้ต่อหน้าข้า วันนี้หากเจ้าไม่ให้คำตอบที่ดีแก่ข้าก็กลับจวนตระกูลอวิ๋นด้วยร่างที่ไร้วิญญาณเถอะ!"
อวิ๋นจื่อเหยาชักมือของตนออกจากมือของเขาจากนั้นดวงตานกฟินิกซ์คู่งามก็มองเขาด้วยความไม่พอใจ นางพูดขึ้นอย่างรู้ไม่ร้อนไม่รู้หนาวกับคำพูดของเขาว่า "ท่านอ๋องขอหม่อมฉันตรวจดูที่ขาของท่านได้หรือไม่เพคะ?"
เซียวรั่วเฟิงผงะไป หยิงสาวผู้นี้ใจกล้าบ้าบิ่นไม่พอยังไร้ยางอายอีกนี่ยังจะมาขอดูขาของเขาอะไร? นางไม่รู้กฎระเบียบกฎเกณฑ์อะไรเลยอย่างนั้นหรือ "ชายหญิงไม่ควรใกล้ชิดกันเกินงามยิ่งไม่ต้องพูดถึงการถูกเนื้อต้องตัวคุณหนูอวิ๋นเจ้าช่างไร้ยางอายเสียจริง"
"คิกคิกคิก...ท่านอ๋องหม่อมฉันไม่ได้จะล่วงเกินอะไรท่านเพียงแต่ว่า หน้าที่ของหมอไม่แยกชายหญิงเพคะ" อวิ๋นจื่อเหยาอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้เมื่อได้เห็นใบหน้าที่เย็นชาแดงระเรื่อไปถึงใบหูอันขาวสะอาดของเขา
"ขนาดหมอเทวดายังบอกว่าไม่มีทางรักษาเลยเห็นแก่ความตั้งใจดีของเจ้าข้าจะไม่ฆ่าเจ้ารีบกลับออกไปเถอะ!" เซียวรั่วเฟิงพยายามสกัดกั้นอารมณ์กรุ่นโกรธเอาไว้ในใจขับไล่คนให้ออกไป
อวิ๋นจื่อเหยาไม่สนใจเขานางก้าวเดินมาตรงหน้าของเขาแล้วนั่งลง เซียวรั่วเฟิงตื่นตกใจจนดวงตาแทบจะพ่นไฟออกมาได้ เขามองเด็กสาวตรงหน้าอย่างไม่พอใจ "ข้าบอกให้เจ้าไสหัวไป!"
อวิ๋นจื่อเหยามองเขาพร้อมกับถอนหายใจเมื่อสักครู่นางสแกนดูร่างกายของเขาแล้วเขาไม่ได้ถูกพิษ.. "ท่านไม่ได้ถูกพิษแต่ถูกคนวางแผนลอบทำร้ายท่านด้วยความชำนาญ..ใช่หรือไม่เพคะ?"
หลังจากได้ยินนางพูดเช่นนั้นเซียวรั่วเฟิงก็ตกตะลึง เขาหันมามองนางอย่างงงงัน ในขณะนั้นอวิ๋นจื่อเหยาก็ถือวิสาสะค่อยๆจับขาของเขาเหยียดออกมา
เขาที่ถูกความเจ็บปวดเล่นงานพลันขวดคิ้วอยากจะชักขากลับก็ไม่ทันแล้ว ขายาวๆ ของเขาก็ปรากฏต่อสายตาของนาง อวิ๋นจื่อเหยาขบเม้มริมฝีปากแน่น ขาของเขาเรียวยาวขาวผ่องราวหิมะ ไม่อาจเดินได้มาหลายปีจึงซูบผอมกว่าขาของชายหนุ่มทั่วไปเล็กน้อย
ทว่าน่ามองยิ่งนัก
นางก้มตัวลง ตรวจอาการที่ขาของเขาอย่างละเอียดนิ้วเรียวบีบขาของเขาเบา ๆ บีบพลางถามพลาง ไล่ขึ้นมาจนถึงหัวเข่า แววตาเย็นชาของเซียวรั่วเฟิงปรายขึ้นเล็กน้อย มองมือเล็ก ๆ ผิวขาวละเอียด ๆ นิ้วเรียวสวยที่กำลังบีบขาของตนอยู่อย่างเหม่อลอย
นางเอ่ยถาม “ท่านอ๋องเพคะในยามที่ท่านยืนขึ้นเจ็บปวดมากหรือไม่?"
ถึงอวิ๋นจื่อเหยาจะมองเขาในระยะประชิดแต่นางกลับรู้สึกห่างเหินราวกับมีเขาสูงชันขวางกั้นไว้อยู่ บุรุษผู้นี้ไม่อนุญาตให้ผู้ใดใกล้ชิดเขา
เขาราวกับเทพเซียนที่เดินออกมาจากภาพเขียน ไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องทางโลกแต่เหตุใดเขาถึงยังคิดจะแต่งกับนาง?
เซียวรั่วเฟิงขมวดคิ้วเล็กน้อย ราวกับไม่ชอบนึกถึงยามตนเองยืน ทว่าท้ายที่สุดแล้ว ก็ยังตอบคำถามของนาง
"เจ็บปวดมาก..ราวกับมีเข็มนับพันทิ่มแทงหัวใจ!"
อวิ๋นจื่อเหยารับรู้ได้ถึงความรู้สึกที่เขาพูดถึงนางค่อยเก็บขาของเขาลงให้เรียบร้อยแล้ววางไว้ที่เดิม
"ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลยเพคะ พวกเขาฝังเข็มเอาไว้ในข้อต่อกระดูกวงเดือนของท่าน "
นางจัดเก็บขาและคลุมผ้าปิดให้เขาแล้วลุกขึ้นพลางพูดอธิบายช้าๆ "กระดูกวงเดือนเป็นกระดูกที่อยู่ตรงกลางของข้อต่อกระดูก หัวเข่าของคนเรามีลักษณะรูปร่างคล้ายวงพระจันทร์ ดังนั้นจึงถูกเรียกว่าวงเดือน
ในจุดเช่นนี้ สอดเข็มเงินสักเล่มเข้าไปก็ทำให้ไม่อาจเดินได้แล้ว ร่างกายส่วนล่างทั้งหมดก็ถือว่าเป็นอัมพาตได้เลยทีเดียว
สิ่งที่ลำบากยิ่งกว่านั้นคือ วงเดือนจะเจ็บปวดจนยากจะทานทน เว้นแต่ว่าต้องไม่ขยับเคลื่อนไหวร่างกายโดยเด็ดขาด มิฉะนั้นจะเจ็บปวดเจียนตาย...ท่านอ๋องข้าสามารถช่วยท่านได้!"
เซียวรั่วเฟิงขบเม้มริมฝีปากจ้องมองเด็กสาวตรงหน้าอย่างตื่นตะลึง เรื่องนี้เขาไม่เคยบอกผู้ใดในตอนที่เขากลับมาขาของเขาก็ไม่สามารถเดินได้แล้ว
ในยามปกติเขาจะสวมใส่หน้ากากปิดบังใบหน้าเพื่อปกปิดเรื่องที่ถูกพิษไม่ถูกพิษเอาไว้ แต่เขาจะถูกพิษหรือไม่ไม่สำคัญเท่าการที่เขาไม่สามารถลุกเดินได้หรอก!
ผ่านมาสองปีกว่าไม่เคยมีหมอคนไหนพูดว่าสามารถช่วยเขาได้เลยสักคน ทุกคนล้วนยอมจำนนต่อการรักษานี้ทั้งสิ้น แต่เด็กสาวผู้นี้กลับบอกว่าสามารถรักษาเขาได้?
แล้วจะให้เขาเชื่อนางได้อย่างไรแต่ว่า...นางรู้ได้อย่างกันหล่ะว่าเขาไม่ได้ถูกพิษ?
อวิ๋นจื่อเหยาสัมผัสได้ถึงความไม่เชื่อจากสายตาของเขา นางจึงจ้องมองเข้าไปในนัยน์ตาที่ลึกล้ำคู่นั้นพูดอย่างหนักแน่นว่า
"ข้ารู้ว่าท่านอ๋องกำลังคิดว่าข้าพูดเรื่องเหลวไหลแต่ท่านไม่คิดอยากจะลองดูหน่อยหรือเพคะ คนเราแม้นมีโอกาสเพียงน้อยนิดก็ไม่ควรที่จะปฏิเสธ"
เซียวรั่วเฟิงใจกระตุก เขาจ้องมองเข้าไปในนัยน์ตาที่ใส่กระจ่างของนางเศษเสี้ยวหนึงของหัวใจกลับเชื่อในคำพูดของนางอย่างประหลาด
แต่อีกเศษเสี้ยวกลับมีความคิดหนึ่งผุดขึ้นเขาละสายตาพูดอย่างขมขื่นว่า "ทำไมหล่ะเจ้ารังเกียจที่ต้องแต่งกับคนพิการเช่นข้าหรือ?"
จิ๊!!! เจ้าด็กนี่เห็นชัดๆว่าหวั่นไหวแล้วแต่กลับมีอคติมาบดบังเสียอย่างนั้น
"ท่านอ๋องหม่อมฉันขอพูดตามตรงนะเพคะ เดิมทีหม่อมฉันมาที่นี่อย่างที่บอกมีสองเรื่องคือ มาตรวจรักษาขาของท่าน หากรักษาได้ข้อที่สองจะตามมานั่นคือแลกกับการยกเลิกงานแต่งงานของพวกเรา
แต่หากไม่สามารถรักษาท่านได้หม่อมฉันก็จะแต่งเข้ามาแล้วใช้เวลาทั้งชีวิตอยู่กับท่าน ปรนนิบัติท่านเช่นสามีภรรยาปกติทั่วไป
แต่เมื่อได้ตรวจดูอาการของท่านอ๋องแล้วก็พบว่าหม่อมฉันสามารถรักษาขาของท่านให้กลับมาเดินได้อีกครั้งอย่างแน่นอนเพคะ"
เซียวรั่วเฟิงหรี่ตา "หากรักษาได้เจ้าจะให้ข้ายกเลิกงานแต่งงานหรือ?
แต่หากไม่สามารถรักษาได้เจ้าก็จะยินยอมแต่งเข้ามาอยู่กินกันฉันสามีภรรยาปกติทั่วไปกับข้าหรือ?
ข้าไม่ได้ฟังผิด?"
อวิ๋นจื่อเหยาพยักหน้า
เขาเอ่ยถาม "ทำไมหล่ะ?"
สตรีผู้นี้ไม่ใช่น้ำท่วมสมองไปแล้วหรอกหรือใครเขาอยากจะได้สามีพิการกัน?
"ท่านอ๋องโปรดอภัยหม่อมฉันมีเหตุผลส่วนตัวเพคะ แต่ใดๆคือเหตุผลเหล่านั้นล้วนเกี่ยวพันกับนิสัยใจคอของหม่อมฉัน ไม่เกี่ยวกับท่านอ๋อง
ที่สำคัญคือหม่อมฉันไม่ได้มีความคิดที่ว่ารังเกียจร่างกายของท่านเพียงแต่ในเมื่อมีทางรักษาให้หายได้ก็ต้องรักษา อย่างน้อยๆก็เพื่อตัวท่านอ๋องเองเพคะ"
"เจ้าสามารถนำเข็มเหล่านั้นออกมาได้จริงๆหรือ?" เซียวรั่วเฟิงเอ่ยถามนางอย่างสงสัย
อวิ๋นจื่อเหยาพยักหน้า "ได้อย่างแน่นอนเพคะ และท่านอ๋องก็สามารถกลับมาเดินได้แบบปกติด้วย"
....