ตอนที่ 4 ข้าถือสา
"ไม่คิดเลยว่าปีนี้จะมีผู้มีความสามารถทายปริศนาอักษรโคมไฟได้"
ที่ชั้นสามของหอไห่สือโหวน้อยหยวนอี้เจ๋อเอ่ยพลางหัวเราะชอบใจ
"ทำไมหรือเริ่มเสียดายสองร้อยตำลึงแล้ว?" เซียวรั่วเฟิงยกคิ้วขึ้นถามอย่างเย้ยหยัน
"จิ๊ เจ้านี่! ข้าขาดแคลนเงินหรือ ข้าเพียงแค่คิดไม่ถึงว่าจะมีคนทายปัญหาอักษรหินในงานโคมไฟได้ต่างหากหล่ะ อีกอย่างหากว่าที่พระชายาของเจ้าเป็นผู้นั้นข้ายิ่งรู้สึกว่าสองร้อยตำลึงนั้นช่างคุ้มค่ายิ่งนัก"
ชายชราที่อยู่หน้าร้านโคมไฟหัวเราะพลางพยักหน้า ดวงตาของเขาทอประกาย "เชิญแม่นางต่อข้อที่สาม ข้อสุดท้ายเถิด"
“ข้อที่สามนั้น..จันทราแขวนอยู่บนฟากฟ้า คืออักษรคำว่า “มี” เพราะในอักษรคำว่า “มี” นั้นมีอักษรจันทราอยู่ในนั้นด้วย ดังนั้นก็คือ "มี"จันทราแขวนอยู่บนฟากฟ้ามิใช่หรือ
กุลสตรีมีบุตรดอกบัวแฝดมีสตรี ก็คืออักษรของคำว่าสตรีกับอักษรของคำว่ามีบุตร รวมกันก็คืออักษรคำว่า “ดี” อย่างไรหล่ะ”
"สระน้ำเขียวพบกันยามโหย่ว ก็คือการนำเอาตัวอักษรของคำว่าสระมาวางไว้ข้างอักษรคำว่าโหย่ว ซึ่งสระก็คือน้ำข้างโหย่วมีน้ำ เมื่อรวมกันนั่นก็คืออักษรของคำว่า สุรา
"อ่านกลอนตำรามิกล่าววาจา หรืออ่านตำรามิกล่าววาจา ก็คือนำอักษรคำว่าอ่านมาตัดคำว่าวาจาทิ้ง ตัวอักษรที่เหลือก็คืออักษรของคำว่า "ขาย"
"ดังนั้นปริศนาอักษรของกลอนบทนี้ก็คือ 'มี สุราดีขาย' นั่นเอง"
แหมนะก็นี่คือปริศนาอักษรที่เป็นโฆษณาไง!
หลังจากที่อวิ๋นจื่อเหยาอธิบายนางก็ยกยิ้มแล้วพูด “เถ้าแก่ที่ข้าพูดมาคำตอบของปริศนาอักษรทั้งสามข้อถูกต้องหรือไม่?”
ขณะนั้นทั่วทุกคนที่อยู่โดยรอบต่างก็อึ้งจนเป็นใบ้ไปแล้ว
คิดไม่ถึง ปริศนาอักษรยากขนาดนี้จะมีคนแก้ไขได้อย่างง่ายดาย!
“แม่นางมีความรู้ล้ำลึก ทําให้ข้าน้อยที่เปิดร้านมานานเปิดหูเปิดตาแล้ว! " ชายชราพูดพลางยื่นโคมไฟพร้อมกับเงินสามสิบตำลึงส่งให้นาง
อวิ๋นจื่อเหยายกยิ้มนางยื่นมือออกไปรับโคมไฟและเงินรางวัลนั้นจากนั้นถังหลงที่ยืนกอดถุงเงินสามร้อยตำลึงอยู่ก็ตื่นจากภวังค์แล้วรีบส่งเงินสองร้อยตำลึงให้กับนาง
"คุณหนูอวิ๋นขอรับนี่คือเงินรางวัลจากนายท่านของข้าน้อยขอรับ"
อวิ๋นจื่อเหยาพยักหน้าพลางสะกิดให้ชิงชิงยื่นมือออกไปรับ ชิงชิงที่ยืนอยู่ด้านหลังก็ยื่นมือออกไปรับด้วยท่าทางเหม่อลอย
"คุณหนูท่านนี้ช่างมีความรู้สูงส่งมากจริงๆปริศนาอักษรในเทศกาลโคมไฟของลั่วหยางในแต่ละปีนั้นสามข้อสุดท้ายไม่เคยมีผู้ใดทายได้เลยสักคนมานานมากแล้วจริงๆ" ทันใดนั้นเองก็มีชายหนุ่มรูปงามคลี่พัดโบกไปมาเดินเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้มชื่นชม
อวิ๋นจื่อเหยาหันกลับไปก็พบว่าชายหนุ่มผู้นี้เจ้าของร่างเดิมไม่รู้จัก แต่พอสังเกตุการแต่งกายด้วยชุดหรูหราใบหน้าของเขาก็หล่อเหลาให้ความรู้สึกไม่ธรรมดานางก็ไม่อยากจะพูดคุยด้วย
แต่เพื่อเป็นมารยาทนางจำเป็นต้องขอบคุณเขา อวิ๋นจื่อเหยาก็พยักหน้า "ขอบคุณคุณชายที่เอ่ยชม"
หยวนโหวน้อยโบกพัดไปมา "ข้าพูดเรื่องจริง ข้าฟังคำของปริศนาทั้งสามข้อแล้วยังรู้สึกว่าเงินรางวัลสองร้อยตำลึงนี้น้อยไปนิด อ้อ จริงสิข้าน้อยหยวนอี้เจ๋อจากจวนโหว"
สองร้อยตำลึงนี่น้อยเหรอ?
หยวนโหวน้อยผู้นี้ช่างเป็นพ่อหนุ่มเจ้าสำราญสายเปย์จริงๆ
อวิ๋นจื่อเหยาคิ้วเรียวกระตุก "ที่แท้เงินรางวัลนี้เป็นท่านโหวน้อยที่ใจกว้างมอบให้ ข้าอวิ๋นจื่อเหยาเป็นเพียงผู้โชคดี แต่ก็ต้องขอบคุณโหวน้อยเจ้าค่ะ"
หยวนโหวน้อยหรี่ตามองขึ้นไปด้านบนชั้นสามของหอไห่สือแวบหนึ่งจากนั้นเขาก็เอ่ยถาม "สมควรแล้วๆ เพราะข้าเองก็ไม่คาดคิดว่าบุตรีอดีตท่านแม่ทัพอวิ๋นจะมีความสามารถมากเช่นนี้ จะเป็นการรบกวนหรือไม่หากข้าอยากจะชวนคุณหนูอวิ๋นไปร่วมดื่มชาที่ด้านบนแลกเปลี่ยนความรู้กันหน่อยดีหรือไม่"
อวิ๋นจื่อเหยายกคิ้ว มองขึ้นไปบนหอไห่สือที่สูงหกชั้นแวบหนึ่งจากนั้นนางก็ส่ายหน้า "ไม่รบกวนโหวน้อยแล้วเจ้าค่ะข้าออกมานานมากแล้วพอดีว่ากำลังจะกลับจวนแล้วประเดี๋ยวท่านแม่จะเป็นห่วงเจ้าค่ะ เอาไว้คราวหน้าข้าจะร่วมดื่มชาแลกเปลี่ยนความรู้กับท่านโหวน้อยอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ"
"ฮ่าฮ่าฮ่า เป็นข้าที่รบกวนคุณหนูอวิ๋นเช่นนั้นเอาไว้คราวหน้าพวกเรานัดดื่มชากัน เช่นนั้นก็เชิญคุณหนูอวิ๋น"
หลังจากที่หยวนอี้เจ๋อพูดจบอวิ๋นจื่อเหยาก็โน้มตัวลงเล็กน้อยเพื่อขออภัยเขา จากนั้นนางก็หมุนกายก้าวเดินออกไป แต่เพิ่งจะไปได้เพียงก้าวเดียวที่ด้านหลังไป๋ชิงหลางก็รั้งนางเอาไว้
"เดี๋ยวก่อน!" ไป๋ชิงหลางที่ยืนมองอยู่ถัดออกไปได้เอ่ยเรียกนางเอาไว้
อวิ๋นจื่อเหยาหยุดชะงักคิ้วงามขมวดเข้าหากันแต่เพียงครู่เดียวร่างบางก็ก้าวเดินออกไป
ไป๋ชิงหลางไม่พอใจเป็นอย่างมาก วันนี้อวิ๋นจื่อเหยาฉีกหน้าของนาง ทุกปีงานแข่งกลอน กวี อักษร วาดภาพศาสตร์ทั้งสี่ของเมือง นางไป๋ชิงหลางคือที่หนึ่งมาตลอด
วันนี้เพียงแค่นางทายปริศนาอักษรของเทศกาลโคมไฟไม่ได้ เพียงแค่มีคนทำได้นางก็ถูกตราหน้าทำให้อับอายไปแล้ว จะให้นางปล่อยอวิ๋นจื่อเหยาไปง่ายๆเช่นนี้ได้อย่างไร
"คุณหนูอวิ๋นจื่อเหยา คุณหนูของข้าเรียกเจ้าอยู่นะไม่ได้ยินหรือ?" สาวใช้ข้างกายของไป๋ชิงหลางเห็นอวิ๋นจื่อเหยาที่กำลังจะก้าวเดินออกไปจึงได้เอ่ยเรียกอีกครั้งแทนนายของตน
อวิ๋นจื่อเหยาได้ยินเช่นนั้น คิ้วของนางก็ยกขึ้น จากนั้นร่างบางก็ค่อยๆหมุนกลับมา
"เรียกข้า? เรียกตอนไหน?"
"เจ้า!" สาวใช้ของไป๋ชิงหลางได้ยินอวิ๋นจื่อเหยาพูดเช่นนั้นนางก็รู้สึกไม่พอใจ แตกต่างจากไป๋ชิงหลางที่ดูใจเย็นและดึงสาวใช้ของตนให้ออกไปอยู่ด้านหลัง
ไป๋ชิงหลางก้าวเดินเข้ามาใกล้อวิ๋นจื่อเหยา แต่อวิ๋นจื่อเหยาก็ถอยหลังออกไปสามก้าวเพื่อเว้นระยะห่าง เมื่อเห็นอวิ๋นจื่อเหยาถอยหลังห่างออกไป ไป๋ชิงหลางก็หัวเราะ
"ทำไมหรือ คุณหนูอวิ๋นกลัวข้าอย่างนั้นหรือ?"
อวิ๋นจื่อเหยายื่นโคมไฟส่งไปให้กับชิงชิง จากนั้นนางก็ยกมือไพล่หลังเอาไว้ใบหน้างามยกยิ้ม "ความรู้สึกที่โดนรถม้าของคุณหนูไป๋ชนเมื่อหลายวันก่อนยังไม่หายดีเลย ข้าเพียงแค่ยังไม่พร้อมจะเจ็บตัวอีก"
"เจ้าหมายความว่าอย่างไร?" ไป๋ชิงหลางขมวดคิ้วถามอย่างไม่พอใจ
อวิ๋นจื่อเหยาหัวเราะ ชิงชิงที่เห็นท่าทางเสแรส้งไม่รู้เรื่องราวของไป๋ชิงหลางนางก็ทนไม่ไหวจึงพูดด้วยอารมณ์ที่หงุดหงิดขึ้นว่า "คุณหนูไป๋เจ้าคงไม่ใช่จำไม่ได้แล้วหรอกนะ เมื่อสิบวันก่อนรถม้าของเจ้าชนคุณหนูของข้าสลบไปตั้งสองวัน
หากจะบอกว่าไม่เห็นเจ้าคงโกหกแล้วเพราะข้ายังเห็นเจ้าโผล่หน้าออกมาดูอยู่เลย"
"โอ้ มีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นด้วยหรือ?" หยวนอี้เจ๋อที่ยังไม่ได้ขยับไปไหนได้ยินเรื่องราวเข้าร่างอันสูงโปร่งพร้อมใบหน้าอันคมคายหล่อเหลาของเขาก็รีบก้าวเดินเข้ามาพร้อมกับเอ่ยถาม
ไป๋ชิงหลางที่คราแรกคิดจะหาเรื่องเพื่อกลบเกลื่อนเรื่องปริศนาอักษรบนโคมไฟยามนี้กลับคิดไม่ถึงว่า อวิ๋นจื่อเหยาจะยกเรื่องรถม้าของนางที่เฉี่ยวชนหลายวันก่อนขึ้นมาพูด
นางหันไปหาหยวนโหวน้อยแล้วยอบกายลง "โหวน้อยหยวนเรื่องราวหลายวันก่อนเป็นเพียงอุบัติเหตุเท่านั้น ที่จวนเกิดเรื่องข้าเองเลยเร่งรีบเดินทาง.." พูดจบนางก็หันมาหาอวิ๋นจื่อเหยา
"หวังว่าคุณหนูอวิ๋นจะไม่ถือสา"
"____"
รถม้าชนคน คนหนึ่งจนตายแม้จะเป็นอุบัติเหตุแต่ถ้าจิตสำนึกของคนดีดีก็ควรลงมาดูเสียหน่อยไม่ใช่หรอ คนแบบนี้ที่โลกปัจจุบันของนางเรียกว่าชนแล้วหนี ถ้าไม่ตั้งใจก็ไร้ความรับผิดชอบชัดชัด
อวิ๋นจื่อเหยายกคิ้วขึ้น "ถือสาสิ ข้าถือสา"
...