ตอนที่ 2 คนพวกนี้กำลังดูถูกใคร?
ชายเจ้าของร้านโคมไฟปริศนายกยิ้มแล้วพยักหน้าพูดต่อ "เช่นนั้นก็เชิญแม่นางต่อเถอะ"
ชายชราเปิดกระดาษสีเหลืองที่คลุมปริศนาสามข้อสุดท้ายออกทันใดนั้นเองปริศนาทั้งสามข้อก็ปรากฎสู่สายตาของทุกคน
อวิ๋นจื่อเหยามองปริศนาโคมไฟข้อแรก เห็นบนนั้นเขียนเอาไว้ว่า หน้าปริศนามิมีหนึ่งคำ ทายหนึ่งสิ่ง
ข้อที่สอง คนในคันฉ่อง ทายหนึ่งคำ
ข้อที่สามคือ จันทราแขวนอยู่บนฟากฟ้า กุลสตรีมีบุตรดอกบัวแฝดสระน้ำเขียวพบกันยามโหย่วอ่านกลอนตำรากล่าววาจา ทายสี่คำ
อวิ๋นจื่อเหยาหรี่ตาลงยามนี้อวิ๋นจื่อเหยานั้นได้คิดแล้วและนางก็ได้คําตอบแล้วในทันที
แต่...
ไป๋ชิงหลางกลับขมวดคิ้วมุ่น เหมือนว่านางคิดไม่ออก
ชิงชิงส่งเสียงจิ๊ปากขึ้นมาจากนั้นนางก็พูดกระซิบกระซาบ “สงสัยคุณหนูไป๋ชิงหลางนางจะทายไม่ถูกแล้วนะเจ้าคะคุณหนูช่างน่าเสียดายจริงๆ"
"อืม.." อวิ๋นจื่อเหยาขมวดคิ้วแล้วพูดต่อ “ปริศนานี้จะว่ายากก็ไม่ยาก จะว่าง่ายก็ไม่ง่ายจริงๆนั้นแหละ"
หลังจากใคร่ครวญคำถามและคำตอบของปริศนาอยู่นั้นภายในใจของอวิ๋นจื่อเหยาก็เต้นโครมขึ้นมา คุณพระช่วย! นี่มันไม่ใช่นิทานปริศนาอักษร ของจีนโบราณที่ได้ยินกันจนคุ้นหูในยุคปัจจุบันที่นางจากมาหรอกเหรอ
คิดไม่ถึงเลยว่านางนั้นจะพบเจอเรื่องบังเอิญเข้าที่นี่แล้ว
ชิงชิงขมวดคิ้วดวงตาเบิกกว้างด้วยความตะลึง นางรีบถาม “คะ คุ คุณหนู ท่านทราบคำตอบอย่างนั้นหรือเจ้าคะ?”
อวิ๋นจื่อเหยายกคิ้วขึ้นจากนั้นนางก็พยักหน้า ยิ้มแต่ไม่ได้พูดอะไร
"อ๊าก...คุณหนูท่านรู้คำตอบจริงๆหรือเจ้าคะ?"
"ชู่ว...เบาเบาสิ" เสียงที่ตื่นเต้นของชิงชิงเมื่อสักครู่ดังขึ้นจนทำลายความสงบของผู้คนที่อยู่รอบข้างให้ตื่นตัวแล้วหันกลับมามอง
"เอ๋ คุณหนูท่านนี้เมื่อสักครู่เจ้าบอกว่าเจ้าสามารถทายปริศนาทั้งสามข้อที่เหลือได้อย่างนั้นหรือ?" ชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่ไม่ไกลหันกลับมาถาม
"บ้าน่า..ขนาดอัจฉริยะอันดับหนึ่งอย่างคุณหนูไป๋ชิงหลางยังตอบไม่ได้เลยแล้วนางจะตอบได้หรือ?" หญิงวัยกลางคนพูดขึ้นมาอย่างดูแคลน
"นั่นสิ ข้าก็ว่าอย่างนั้นคนพวกนี้ชอบอวดฉลาดทั้งที่ตนเองนั้นโง่" หญิงสาวนางหนึ่งที่ยืนอยู่ด้านข้างของไป๋ชิงหลางพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงดูแคลน
ไป๋ชิงหลางขมวดคิ้ว นางหันกลับมาก็เห็นหญิงสาวนางหนึ่งที่สวมใส่ชุดคลุมขนสุนัขจิ้งจอกที่มีหมวกปกคลุมศรีษะเอาไว้ นางจึงเอ่ยถาม"แม่นางท่านนี้เจ้าคือ?"
อวิ๋นจื่อเหยาชะงักจากนั้นนางก็ค่อยๆยกมือขึ้นเปิดหมวกที่คลุมศรีษะออก พลันใบหน้าที่งดงามของนางก็ปรากฎแก่สายตาของผู้คน
"งดงามมากจริงๆแต่ก็ไม่แน่ว่าจะทายปริศนานั้นถูก"
ไป๋ชิงหลางขมวดคิ้ว ที่ผ่านมาที่นางพบอวิ๋นจื่อเหยา นางจะเห็นเพียงบนใบหน้าของอวิ๋นจื่อเหยานั้นจะคาดผ้าคลุมสีดำบางๆเอาไว้ชั้นหนึ่ง นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของนาง
ไม่คิดเลยว่าใบหน้าที่แท้จริงของอวิ๋นจื่อเหยาจะงดงามมากเช่นนี้ ฉับพลันคิ้วของนางก็ขมวดมุมปากของนางกระตุกไปคราหนึ่ง
บุตรีจวนแม่ทัพอวิ๋นเดิมทีก็เป็นคนเก็บตัวไม่เคยไปร่วมงานเลี้ยงที่ไหนยิ่งหลายปีมานี้แม่ทัพอวิ๋นได้จากไปแล้ว ครอบครัวนี้ก็ไม่ค่อยจะมีชื่อเสียงอำนาจคนหนุนหลังมากนักจะเหลืออยู่ก็มีไม่มากเพราะถึงอย่างไรนางก็ยังมีพี่ชายที่เป็นแม่ทัพอยู่อีกหนึ่งคน
ดังนั้นคนเช่นนางจะไปมีความรู้ความสามารถมากกว่าตนที่เป็นถึงหลานสาวของราชครูได้อย่างไร อีกอย่างหลายปีมานี้ไม่มีผู้ใดมีความสามารถมากกว่านางที่เป็นอัจฉริยะด้านศาสตร์และศิลป์ของเมืองหลวงแห่งนี้แล้ว
อย่าพูดถึงการทายปริศนาอักษรบนโคมไฟนี้เลย ยังคิดที่จะอภิเษกกับอ๋องสามอีก นางมีอะไรคู่ควรกัน
ไป๋ชิงหลางหันไปมองยังอักษรบนโคมไฟสีเหลืองที่เหลืออีกสามข้อแวบหนึ่ง มั่นใจแล้วว่าเป็นปัญหาที่ยากมากและเชื่อว่าแม้แต่นางที่เป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งยังทายไม่ได้คนเช่นบุตรีจวนแม่ทัพจนๆผู้หนึ่งจะสามารถแก้ปัญหานี้ได้อย่างไร
ที่ด้านบนชั้นสามของหอไห่สือ ชายสวมหน้ากากที่นั่งชมอยู่เห็นเหตุการณ์ด้านล่างแล้วเขาก็หันกลับไปเอ่ยถามชายอีกคนที่นั่งถือพัดอยู่ด้วยน้ำเสียงราบเรียบ "นางคือบุตรีจวนไหน?"
ชายหนุ่มคนนั้นหรี่ตามองลงมา เขาเองก็รู้สึกคุ้นเคยกับหญิงงามผู้นั้นอยู่มาก หลังจากจ้องมองอย่างถี่ถ้วนแล้วเขาก็พลันนึกออก "อ่า...อ๋องสามนั่นคือคู่หมั้นของเจ้าไงคุณหนูอวิ๋นจื่อเหยา อย่าบอกนะว่าเจ้าไม่เคยพบหน้านาง?" ชายหนุ่มคนนั้นรวบพัดเข้าแล้วเอ่ยถามอีกครั้ง
"นี่พวกเจ้ายังไม่เคยพบหน้ากันจริงๆหรือ? นี่อีกไม่กี่เดือนก็จะอภิเษกกันแล้วนะ เหตุใดถึงยังไม่ทำความรู้จักกันหล่ะ?"
"เอิ่ม..นายน้อยหยวน นายท่านของข้าน้อยใช้ชีวิตอยู่ชายแดนตั้งแต่วัยเยาว์ เพิ่งจะกลับมาอยู่เมืองหลวงไม่ถึงสองปีเลยด้วยซ้ำจะให้รู้จักกับนางได้อย่างไรกันขอรับ" ถังหลงองครักษ์ส่วนตัวของอ๋องสามเซียวรั่วเฟิงเอ่ยแย้ง
นายท่านของเขาปีนี้ก็เพิ่งจะเสด็จออกจากจวนเป็นครั้งแรกในรอบหนึ่งปีนี้ไม่ใช่หรือจะให้พบคนนั้นรู้จักคนนี้ได้อย่างไร
เซียวรั่วเฟิงได้ยินเช่นนั้นดวงตาลึกล้ำของเขาก็หรุบลง เขาเองก็เกือบลืมไปแล้วว่าตัวเขานั้นได้มีคู่หมั้นอยู่
เซียวรั่วเฟิงขบเม้มริมฝีปากบางทอดมองสถานการณ์ด้านล่างอย่างเหม่อลอยโดยที่เขานั้นไม่ได้พูดอะไรอีก
ด้านล่างไป๋ชิงหลางเห็นผู้คนเริ่มมามุงดูความสนุกมากยิ่งขึ้น นางเองก็อยากจะเห็นอวิ๋นจื่อเหยาเสียหน้าจนกลายเป็นตัวตลกของคนในเมือง จึงนึกเรื่องสนุกขึ้นมาแล้วพูดว่า
“ในเมื่อคุณหนูอวิ๋นบอกว่าสามารถทายปริศนาทั้งสามข้อสุดท้ายนี้ได้ เช่นนั้นเงินรางวัลและโคมไฟนั่นยกให้เจ้าเป็นองรางวัลเลยแล้วกัน
แต่หากเจ้าไม่สามารถทายปริศนาอักษรทั้งสามข้อนั้นได้เช่นนั้นเจ้าก็จงขอโทษทุกคนที่กล่าวเท็จอวดดีเกินความสามารถของตน”
หลังจากไป๋ชิงหลางพูดจบคนที่อยู่รอบๆต่างก็ส่งเสียงเห็นด้วยกับนางออกมา
"ใช่แล้วๆคุณหนูไป๋พูดถูกต้อง"
"จริงใช่ข้าเห็นด้วย"
"คุณหนูอวิ๋นไม่ทราบว่าเจ้ารับคำท้าหรือไม่?" เมื่อเห็นอวิ๋นจื่อเหยาไม่พูดอะไรมุมปากของไป๋ชิงหลางก็ยกยิ้มเย้ยหยัน
"คุณหนูอวิ๋นมีคนมอบของรางวัลเป็นเงินอีกสองร้อยตำลึงหากเจ้าสามารถทายปริศนาอักษรสามข้อนั้นได้" ในตอนนี้เอง จู่ๆ ก็มีชายหนุ่มใบหน้าเกลี้ยงเกลา คมเข้มในชุดสีดำทะมัดทะแมงรูปร่างสูงโปร่งในมือถือกระบี่เอาไว้ก้าวเดินเข้ามา
ครั้นเมื่อเดินมาถึงเขาก็พูดขึ้นเสียงดังว่า "ในงานเทศกาลโคมไฟของทุกปีปริศนาอักษรสามข้อสุดท้ายนี้ไม่เคยมีผู้ใดทายถูก
วันนี้หากผู้ใดมีความสามารถในการทายปริศนาอักษรได้ทั้งสามข้อ ก็ขอเชิญรับเงินรางวัลจากนายท่านของข้าไปเลยสองร้อยตำลึง"
"สองร้อยตำลึง?"
"สองร้อยตำลึงเชียวหรือ?"
อวิ๋นจื่อเหยาหรี่ตาสองร้อยตำลึงกับการทายปริศนาอักษรสามข้อ?
นี่คนพวกนี้กำลังดูถูกใครกัน?
..