ตอนที่ 1 เที่ยวงานโคมไฟ
ตายแล้วคนเราจะต้องไปที่ไหน นรก สวรรค์ หรือวนเวียนอยู่ไม่ไปไหน..
นี่ช่างเป็นคำถามที่ไร้ซึ่งคำตอบที่แท้จริงมากเลยจริงๆ เมื่ออวิ๋นจื่อเหยาหญิงสาวผู้ที่มีชีวิตที่รุ่งโรจน์ งดงามต้องตายลงแล้วดวงวิญญาณของเธอนั้นไม่ได้ไปนรก หรือสวรรค์ดั่งที่คาดคิดเอาไว้
ยามนี้ดวงวิญญาณอันน้อยๆของเธอทะลุมิติมาอยู่ในยุคโบราณที่นึกคิดมากเพียงใดก็นึกไม่ออกว่าอยู่ในราชวงศ์ไหนเพราะเมื่อชั่งใจดูแล้วน่าจะอยู่ในช่วงสองพันห้าร้อยปีมาแล้วเป็นอย่างต่ำ
เมื่อสิบวันก่อนหลังจากห้องวิจัยพิษชั้นใต้ดินของเธอระเบิดเธอก็โผล่มาอยู่ในร่างอันบอบบางของบุตรีแม่ทัพอวิ๋นที่แคว้นเป่ยเยี่ยนแห่งนี้
หลังจากฟื้นขึ้นมาอวิ๋นจื่อเหยาก็ตกใจอยู่บ้างเพราะไม่คิดว่าจะมีเรื่องเหนือธรรมชาติเช่นนี้เกิดขึ้นกับตน เดิมทีในทศวรรษที่ยี่สิบสองเธอเป็นศาสตราจารย์แพทย์พิษวิทยาที่อายุน้อยที่สุดและอีกมุมหนึ่งของเธอนั้นเธอก็เป็นถึงหัวหน้าแกงส์ใต้ดินที่ฝีมือเก่งกาจชื่อเสียงโด่งดังอันดับหนึ่งที่ถูกตามหาตัวตนที่แท้จริง
แต่สุดท้ายก็ไม่คิดเลยว่าจุดจบของสุดยอดอัจฉริยะรอบด้านผู้มากฝีมือเช่นเธอจะมีจุดจบเช่นนี้ เมื่อคิดเรื่องนี้ขึ้นมาหญิงสาวก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา
"เห้อ....."
"คุณหนูตั้งแต่ท่านฟื้นขึ้นมาท่านถอนหายใจเช่นนี้วันนึงเป็นสิบๆรอบเลยนะเจ้าคะ" ชิงชิงสาวใช้ข้างกายของเจ้าของร่างเดิมเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าหนักใจ
เมื่อสิบวันก่อนคุณหนูของนางเกิดอุบัติเหตุรถม้าของคุณหนูใหญ่จวนราชครูไป๋เฉี่ยวชนสลบไปถึงสองวันสองคืนพอฟื้นขึ้นมาก็เอาแต่ถอนหายใจและนั่งเหม่อลอยจนฮูหยินเป็นกังวลเชิญหมอมารักษาอยู่บ่อยครั้งหมอเหล่านั้นก็บอกร่างกายของนางปกติดี
ชิงชิงทนมองผู้เป็นนายนั่งทอดถอนหายใจอยู่เช่นนั้นต่อไปอีกไม่ไหวนางจึงเอ่ยชวน "จริงสิเจ้าคะคุณหนูวันนี้มีงานโคมไฟของลั่วหยางที่หกเดือนจัดขึ้นหนึ่งครั้ง คุณหนูพวกเราออกไปเดินเล่นดีหรือไม่เจ้าคะ?"
อวิ๋นจื่อเหยาเบิกตา "จริงหรือ? ไปสิ!" นี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่ทะลุมิติมาที่นางมีความรู้สึกตื่นเต้น
หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว นายบ่าวก็เดินออกไปจากจวน อวิ๋นจื่อเหยาสวมชุดคลุมสีฟ้าขาวขนสุนัขจิ้งจอกที่เจ้าของร่างนี้ชื่นชอบเพื่อไม่ให้ผิดสังเกตุถึงการเปลี่ยนไปกระทันหันของนางจึงหยิบมันขึ้นมาสวมทับชุดด้านใน
เดิมทีเจ้าของร่างก็เป็นเด็กสาวที่รู้ความ เพราะมารดาของนางอบรมเลี้ยงดูด้วยตนเอง เจ้าของร่างเดิมมีพี่ชายคนหนึ่งซึ่งหลังจากแม่ทัพอวิ๋นผู้เป็นบิดาเสียชีวิตลง ยามนี้เขาก็เป็นแม่ทัพประจำอยู่แดนเหนือแม่ทัพอวิ๋นจื่อหยาง
ในความทรงจำของนางอวิ๋นจื่อเหยาเจ้าของร่างเดิมถูกรถม้าของหลานสาวคนโตจวนราชครูไป๋เฉี่ยวชนศรีษะกระแทกก้อนหินถูกจุดสำคัญของร่างกาย ส่งผลให้นางนั้นเสียชีวิตทันทีโดยที่เจ้าของรถม้าไม่คิดที่จะลงมาดูเลยสักนิด
อวิ๋นจื่อเหยากระตุกริมฝีปาก แค้นนี้เราจะได้เห็นดีกัน!
เดินออกมาจากจวนราวหนึ่งเค่อทั้งสองก็เข้าสู่ถนนที่ประดับประดาเอาไว้ด้วยโคมไฟหลากสีสวยงามหลากหลายชนิด
เมื่อเดินตรงไปเรื่อยๆท้องฟ้าที่เริ่มมืดลงแสงสว่างจากโคมไฟหลากสีก็ทอประกายสว่างจ้าสวยงาม
อวิ๋นจื่อเหยามองเห็นร้านโคมไฟที่อยู่ไม่ไกลซึ่งร้านนั้นมีคนมากมายกำลังมุงอยู่ คิ้วงามก็ขมวดเข้าหากัน
"เขามีอะไรกันไปดูกันเถอะ" จากนั้นอวิ๋นจื่อเหยาก็ดึงเสื้อชิงชิงให้รีบก้าวเดินตามนางไป
ทั้งสองเดินไปถึงตรงหน้ากลุ่มคนที่กำลังกินดื่มส่งเสียงอึกทึกที่สุดจุดหนึ่ง จากนั้นก็เห็นผู้หญิงชุดสีชมพูคนหนึ่ง นางกำลังทายปริศนาโคมไฟอยู่ ทุกครั้งที่นางทายถูก ก็จะเรียกเสียงโห่ร้องจากเหล่าคนที่อยู่โดยรอบ
ทั้งสองยืนดูอยู่พักหนึ่งชิงชิงก็พูดขึ้นด้วย น้ำเสียงแผ่วเบาแฝงไว้ด้วยความหงุดหงิด “คุณหนูนั่นมันแม่นางไป๋ชิงหลางนี่เจ้าคะ"
อวิ๋นจื่อเหยาขมวดคิ้วกวาดสายตามองหญิงสาวในชุดสีชมพูจากทางด้านหลังด้วยความสนใจ
เวลานี้ไป๋ชิงหลางทายปริศนาบนโคมไฟมาถึงข้อท้ายๆแล้ว
ถ้าทายปริศนาโคมไฟสามข้อสุดท้ายได้ ก็จะ ชนะได้โคมไฟเก้าสีดวงสวยที่สุดดวงนั้นมา
“แม่นาง เหลือปริศนาโคมไฟสามข้อแล้ว ถ้า เจ้ายังทายถูก โคมไฟดวงนี้ก็จะตกเป็นของเจ้า แน่นางจะต่อหรือไม่ ถ้าทายไม่ถูก แม่นางจะไม่ได้เงินยี่สิบตำลึงคืนนะ แต่ถ้าทายถูกหมดจะได้ยี่สิบตำลังคืน แล้วแม่นางยังจะได้โคมไฟเก้าสีดวงนี้ไปด้วย"
ชายชราที่ดำเนินการทายปริศนาโคมไฟเห็น ไป๋ชิงหลางทายได้มากอย่างนี้แล้ว ใบหน้าจึงนึกสนุกขึ้นมาระบายรอยยิ้มเต็มหน้า
ถ้าจ่ายยี่สิบตำลึง ก็จะได้ลองทายปริศนาโคมไฟ ชนะได้โคมไฟเก้าสี ชนะยังดีแต่ถ้าแพ้ยี่สิบตำลึงก็หลุดลอย
สําหรับประชาชนคนทั่วไป ยี่สิบตำลังนี้ถือ เป็นเงินจํานวนมากแต่สำหรับจวนราชครูไป๋แล้วหากนางทายปัญหาที่ยากเหล่านี้ถูกหมดชื่อเสียงหญิงอัจฉริยะของนางก็จะโด่งดังขึ้นไปอีก
"คุณหนูไป๋เป็นถึงอัจฉริยะหญิงงามอันดับหนึ่งนางจะต้องทายถูกหมดเป็นแน่"
"ใช่แล้วหากนางทายไม่ถูกแล้วจะมีผู้ใดในที่แห่งนี้ทายถูกอีก"
"อัจฉริยะของเมืองลั่วหยางอย่างคุณหนูไป๋ต้องตอบได้อย่างแน่นอน คุณหนูไป๋ต่อเลยๆ"
"ใช่ๆ ต่อเลยๆ"
เสียงเชียร์จากผู้คนที่อยู่ละแวกนั้นดังกึกก้องเป็นวงกว้างขึ้นเรื่อยๆจนกลายเป็นจุดสนใจของผู้คนที่เดินเที่ยวชมในงาน
ถัดไปไม่ไกลบนหอไห่สือบุรุษในชุดสีขาวกำลังทอดมองลงมา ใบหน้าของเขาถูกครอบเอาไว้ด้วยหน้ากากสีเงินมองดูแล้วให้ความลึกลับและเย็นชาทำให้ผู้พบเห็นไม่กล้าเข้าใกล้
"ทุกปีจะมีปริศนาจากโคมไฟที่มีคนเสียเงินไม่น้อยในการทายปริศนาเหล่านั้นเพราะไม่สามารถทายได้หมด" ชายหนุ่มใบหน้างดงามราวสตรีที่นั่งถือพัดโบกไปมาอยู่ด้านของของเขาเอ่ยขึ้น
ชายหนุ่มภายใต้หน้ากากขมวดคิ้ว ริมฝีปากบางแดงระเรื่อของเขาขบเม้มเข้าหากันดวงตาลึกล้ำจ้องมองลงมาอย่างสนใจ
ที่ด้านล่างไป๋ชิงหลางได้รับแรงเชียร์จากคนรอบข้างใบหน้าของนางก็ยกขึ้น จากนั้นนางก็พยักหน้าแล้วพูด “ความรู้ความสามารถของข้ามีมากก็จริงแต่เกรงว่าต่อไปจะทายไม่ถูก แต่ถึงอย่างนั้นข้าก็ยังเชื่อมั่นในความรู้ความสามารถของตนเองอยู่ เช่นนั้นก็ขอลองดูสักหน่อยแล้วกัน”
“ได้”
...