๑.๒ กรงสวาทมาเฟีย
“เดี๋ยวสักครู่ดิฉันจะยกเครื่องดื่มเข้าไปให้นะคะ เป็นชา กาแฟ หรือว่า...” วาเนสซาหันมาถามสาวน้อยที่ยืนอยู่ข้างเจ้านายด้วยน้ำเสียงสุภาพ
“น้ำส้ม” ไบรอันบอกเสียเอง ฟ้าลดาหันหน้าไปมองเสี้ยวหน้าคมคายนั้นแวบหนึ่ง เพราะนั่นเป็นเครื่องดื่มสุดโปรดของเธอ
“ได้ค่ะสักครู่นะคะ เอ่อ...ท่านคะ อีกสิบนาทีท่านมีประชุมวีดีโอคอลกับ...”
“บอกยกเลิก” เสียงห้าวดุพูดขึ้นก่อนที่วาเนสซาจะพูดจบด้วยซ้ำ
“ไม่ต้องก็ได้ค่ะ ถ้าคุณติดธุระเดี๋ยวฉันค่อยมาใหม่” ฟ้าลดาพูดขึ้นบ้าง มือเล็กกระชับกระเป๋าสะพายของตัวเองพลางเม้มปากเข้ากันจนเป็นเส้นตรง
ดวงตาสีฟ้าอมเทาหรี่มองสาวน้อยตรงหน้า ดูเหมือนว่าเธอกำลังระวังตัวแจราวกับกลัวว่าถ้าเข้าไปในห้องกับเขาจะถูกเขาจับกินเป็นอาหารอย่างนั้นล่ะ ซึ่งอาการเช่นนี้ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนแสดงกับเขามาก่อน...ทว่าคนที่ทำมันเป็นคนแรกกลับเป็นภรรยาสาวของเขา ไบรอันรู้ดีว่าเธอเตรียมจะเผ่นกลับหลังจากที่มากระตุ้นต่อมบางอย่างของเขาให้พลุ่งพล่าน แต่ไม่มีทางเสียหรอก เธอจะไม่มีทางได้ทำเช่นนั้น หากเขาไม่อนุญาต!
“เข้าไปข้างใน” เสียงเขาห้วนขณะพูดเป็นเชิงออกคำสั่งกับฟ้าลดา จากนั้นร่างสูงก็ขยับตัวมาโอบเอวเล็กเป็นการบังคับให้เธอเดินตามเข้าไปในห้องทำงานของเขา โดยไม่ได้สนใจท่าทีฮึดฮัดขัดขืนของเธอแต่อย่างใด
“แต่คุณ...”
“เชิญ”
นั่นเขากำลังเอ่ยชวนหรือกำลังออกคำสั่งกับเธอกันแน่นะ ฟ้าลดาเกิดคำถามขึ้นในใจ แต่ยังไม่ทันได้ตอบตัวเอง เท้าเล็กๆ ก็ต้องก้าวเข้าไปข้างในเมื่อเขาผลักประตูห้องทำงานให้เปิดกว้างพอสำหรับสองคน
ร่างบางเข้าไปยืนกลางห้อง ดวงตาดำขลับกลมโตทำหน้าที่กวาดมองห้องทำงานซึ่งกว้างขวางอย่างพอใจในความหรูหราสวยงามของมัน ห้องๆ นี้ถูกตกแต่งด้วยโทนสีเรียบเย็นดูดุขรึมเหมือนบุคลิกของเจ้าของห้อง ข้างๆ ผนังมีตู้โชว์ขนาดใหญ่ตั้งอยู่ ซึ่งในนั้นบรรจุโมเดลสิ้นค้าขนาดจิ๋วของบีเอเค ทั้งเฮลิคอปเตอร์ เครื่องบินรบ และอื่นๆ อีกมากมาย ด้านหลังห้องเป็นกระจกใสที่กรองแสงและกันความร้อนจากด้านนอกได้เป็นอย่างดี...เป็นอีกครั้งที่เธอรู้สึกทึ่งในตัวของไบรอันเป็นอย่างมาก เวลาแค่สี่ปีที่เขาแยกตัวออกมาจากครอบครัว เขาสามารถสร้างอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่แบบนี้ขึ้นมาได้อย่างไรกัน
แล้วภวังค์ความคิดทุกอย่างของสาวน้อยก็ถูกทำลาย เมื่อเธอหันมาด้านหลังก็เห็นว่าเจ้าของอาคารกำลังยืนเอามือไพล่หลังอยู่ห่างจากเธอแค่ไม่ถึงฟุต
“อุ๊ย!” เสียงหวานใสอุทานอย่างตกใจและหวาดหวั่นในความใกล้ชิดเช่นนั้น
“ขวัญอ่อนเสียจริง” เสียงห้าวทรงอำนาจที่ดังขึ้นนั้นไม่เชิงว่าตำหนิ แต่ฟังเหมือนรำพึงมากกว่า ถือโอกาสสูดเอากลิ่นสาปสาวที่หอมละมุนดุจดอก ไม้ที่ผลิบานในเทือกเขาเสียเลย คนตรงหน้าไม่รู้หรอกว่าอยากจับเธอกินเป็นอาหารมากแค่ไหน ยิ่งเห็นใกล้ๆ ก็ยิ่งโหยหาจนแทบจะอดใจไม่ไหว แต่ต้องอด ทนเอาไว้ก่อน เพราะรู้ดีว่า ‘เธอยังไม่พร้อม’ เขาไม่ชอบคำนี้เลย ให้ตายสิ เขาจำต้องอดทน ทั้งๆ ที่ปกติเขาไม่เคยต้องอดทนกับอะไร
“ฉันไม่คิดว่าคุณจะยืนอยู่ตรงนี้นี่คะ”
“นั่งก่อนสิ”
นั่นเป็นอีกครั้งที่ฟ้าลดารู้สึกว่าเขาออกคำสั่งกับเธอ
ร่างสูงเดินไปยืนพิงโต๊ะทำงาน โดยที่สายตาจ้องมองมายังฟ้าลดาด้วยสายตาบางอย่างที่ทำเอาสาวน้อยรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวเหมือนจะจับไข้ขึ้นมาครามครัน เมื่อครู่นี้เธอยังรู้สึกถึงแต่เย็นเฉียบอยู่เลย ทำไมตอนนี้กลับรู้สึกว่าร่างกายของตัวเองร้อนวูบวาบราวกับถูกเปลวไฟลามเลียยังไงยังงั้น...
และก่อนที่สาวน้อยจะว้าวุ่นไปมากกว่านั้น เลขานุการสาวสวยหน้าห้องของไบรอันก็ก้าวเข้ามาพร้อมกับแก้วน้ำส้ม เธอวางทั้งหมดลงบนโต๊ะกระจกใสเตี้ยๆ ตรงหน้าฟ้าลดา ก่อนจะก้าวฉับๆ ออกไปอย่างมาดมั่น
“เรียนจบแล้วสิ”
“เพิ่งทำเรื่องขอจบเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว”
“งั้นก็คงถึงเวลา”
เหมือนไบรอันจะหลุดอะไรบางอย่างออกมาขณะจ้องหน้าฟ้าลดาด้วยประกายตาวาววาม แต่ประโยคนั้นก็ติดอยู่แค่ริมฝีปากของเขาเท่านั้น
“ถึงเวลาอะไรคะ ในเมื่อคุณเองก็มีผู้หญิงอยู่ไม่ได้ขาดนี่”
ฟ้าลดานึกอยากจะกัดลิ้นตัวเอง เพราะคำพูดนั้นมันไม่ต่างอะไรกับการเผยไต๋ว่าเธอเองก็สนใจเขาอยู่ตลอดเวลา แต่ก็ต้องโทษไบรอันด้วยเพราะสายตา ของเขาทำให้เธอต้องหลุดประโยคนั้นออกไป
“ก็รู้ไม่ใช่เหรอ ว่าคนอื่นไม่เคยมีความหมาย” ไบรอันตอบสบายๆ ไม่ได้มีท่าทีขุ่นเคืองแต่อย่างใด นั่นทำให้สาวน้อยรู้ว่าเธอช่างห่างไกลกับเขาหลายขุมนักในเรื่องการควบคุมอารมณ์ ถามเสร็จเขาก็เอามือถูกคางที่เต็มไปด้วยไรหนวดไรเคราของเขาแต่เลือกจะส่งสายตาซึ่งเต็มได้ด้วยประกายเสน่ห์ชวนวาบหวามจับจ้องมายังเธอ
โอ...ให้ตายสิ! สามีทางนิตินัยของเธอเซ็กซี่เป็นบ้า ฟ้าลดารู้สึกว่าตัวเอง กำลังเกิดอาการเข่าอ่อนไปกับเสน่ห์ที่เขาจงใจโปรยใส่ ดีว่าที่เธอนั่งอยู่ไม่อย่างนั้นคงได้ล้มพับลงต่อหน้าต่อตาเขาแน่ๆ
“สุดสัปดาห์หน้าคุณว่างหรือเปล่า” ฟ้าลดารีบเปลี่ยนเรื่องพูด เมื่อรู้สึกว่าอารมณ์ของตัวเองเริ่มออกนอกลู่นอกทางจนเกือบจะเสียการควบคุมอยู่รำไรแล้ว
“ทำไม”
“ที่บ้านจะมีปาร์ตี้ฉลองวันเกิดให้พ่อ แม่อยากให้คุณไป”
พูดเสร็จฟ้าลดาก็รู้สึกว่าตนเองตัวเกร็งจนแทบเป็นตะคริวเมื่อเห็นสาย ตาของเขาเย็นชาขึ้นอีกครั้ง เธอไม่รู้ว่าเขาจะตอบว่ายังไง แต่ถ้าครั้งนี้เขาไม่ยอมไป เธอจะเกลียดเขา!
“ขอคิดดูก่อน”
“มีอะไรต้องคิดเหรอคะ” คิ้วเรียวเล็กผสานเข้าหากันเพียงนิด “คุณจะโกรธพ่อไปจนตลอดชีวิตหรือไง”
“ก็อาจจะเป็นอย่างนั้น ถ้าเขายังจะยืนยันความคิดของเขาเหมือนที่ผ่านมา”