บทที่ 4
ลอร์ด อลิสแตร์ นิ่งเงียบไปทันที เขาไม่คิดจะเอ่ยปากถาม เพียงแต่เลิกคิ้วสูงแทน และราวกับจู่ๆ เขาก็ต้องการสิ่งปลอบใจ จึงเอื้อมไปหยิบแก้มบรั่นดีขึ้นมาดื่มเข้าไปอึกใหญ่
ขณะเดียวกัน ท่าทางของมิสเตอร์ฟอล์คเนอร์ก็คล้ายไม่รู้จะเริ่มต้นพูดอย่างไรอยู่เหมือนกัน
“คือ...ใต้เท้าขอรับ ข่าวที่กระผมนำมาแจ้งให้ใต้เท้าทราบครั้งนี้ เป็นข่าวที่น่าเสียใจอย่างยิ่งขอรับ...” เขาเอ่ยขึ้นช้าๆ ค่อยๆ ปล่อยคำพูดออกมาทีละคำอย่างใช้ความคิด
“คือกระผมจำเป็นต้องมากราบเรียนให้ใต้เท้าทราบว่า ท่านมาควิส แห่ง คิลโดนอน พี่ชายใหญ่ของใต้เท้ากับลอร์ด โคลินพี่ชายคนรองของท่านได้เสียชีวิตด้วยสาเหตุจมน้ำตาลเมื่อสี่วันที่ผ่านมานี้เอง เนื่องจากเกิดพายุใหญ่ขึ้นกลางทะเลทำให้เรือพ่น มันเป็นเหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดฝันเลยขอรับ”
ลอร์ด อลิสแตร์ ตะลึงงันกับข่าวที่ได้รับ นั่งตัวแข็งราวร่างของเขาได้กลายเป็นแท่งศิลาไปแล้ว...สายตาที่จดจ้องอยู่กับใบหน้าของมิสเตอร์ฟอล์คเนอร์ยามนี้ ราวกับเขาไม่เข้าใจเรื่องที่อีกฝ่ายหนึ่งกำลังบอกกล่าวให้ทราบอยู่
“นี่หมายความว่า...เอียนกับโคลิน...ตายทั้งสองคนเลยงั้นหรือ?” เขาเอ่ยถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่ราวไม่ใช่ของเขาเอง
“ขอรับ ใต้เท้า”
“เรื่องใหญ่ขนาดนี้เกิดขึ้นได้ยังไง...?” มันเป็นคำถามกึ่งปรารภอยู่กับตัวเอง
“ทั้งสองท่านออกไปตกปลาขอรับ แต่จู่ๆ มันก็เกิดพายุใหญ่ขึ้น สันนิษฐานว่าเรือลำนั้นมันไม่เหมาะที่จะใช้ออกทะเลอย่างที่คิดน่ะขอรับ”
“แล้วพี่ชายผมไปกันลำพังเพียงแค่สองคนเท่านั้นน่ะหรือ?”
“ไม่ได้ขอรับ มีผู้เชี่ยวชาญเรื่องการตกปลาไปด้วยอีกคนหนึ่ง แต่เขาก็ตายเช่นกันขอรับ”
ลอร์ด อลิสแตร์ วางแก้วบรั่นดีลงบนโต๊ะ ยกมือขึ้นลูบหน้าผาก
“บอกตามตรงว่าผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเรื่องที่คุณพูดอยู่นี่มันจะเป็นความจริง”
“ใต้เท้าขอรับ ที่เราพบศพได้ก็เพราะถูกคลื่นซัดมาเกยฝั่ง และวันนี้ก็จะมีพิธีฝังศพท่านทั้งสองที่สุสานประจำตระกูล ซึ่งทุกคนในเผ่าจะมาร่วมพิธีด้วยขอรับ”
ลอร์ด อลิสแตร์ รู้แท้แก่ใจว่าที่มิสเตอร์ฟอล์คเนอร์พูดมาทั้งหมดนี้หมายถึงอะไร ผู้คนในเผ่า ไม่ว่าจะอยู่ ไกลแสนไกลสักแค่ไหน เมื่อได้รู้ข่าวนี้ จะต้องรีบรุดมายังปราสาทอันเป็นศูนย์กลางของเผ่าทันที นักเป่าปี่สก็อตต์ จะเข้าสมทบกับวงประจำตระกูล และบทเพลงอันแสดงถึงความโศกเศร้าเสียใจอาลัยรักก็จะถูกบรรเลงอยากต่อเนื่องอยู่บนเชิงเทินปราสาทนับเป็นชั่วโมงๆ ทีเดียว
ส่วนร่างของพี่ชายทั้งสองจะทอดอยู่บนแท่นภายในห้องโถงกลางของปราสาทซึ่งถูกจัดขึ้นเป็นห้องพิธี ก่อนจะถูกแห่แหนไปยังสุสานประจำตระกูล ซึ่ง ณ ที่นั้น บาทหลวงจะทำพิธีสวดส่งดวงวิญญาณเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนหน้าที่ร่างจะถูกหย่อนลึกลงไปใต้พื้นดิน
และราวกับจะรอให้ภาพต่างๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นผ่านดวงความคิดของลอร์ด อลิสแตร์ ไปจนจบสิ้นเสียก่อนในที่สุด มิสเตอร์ฟอล์คเนอร์ก็เอ่ยช้าๆ ว่า
“ใต้เท้าขอรับ... ขณะนี้ท่านบิดาของท่าน มีความประสงค์ให้ท่านเดินทางกลับบ้านและจะต้องรีบออกเดินทางในทันทีที่ได้รับทราบข่าวด้วยขอรับ”
“ให้ผมกลับไปที่นั่น...? ” ลอร์ด อลิสแตร์ ผุดขึ้นนั่งตัวตรงทันที “กลับไปทำไมกัน?”
“ก็เพราะว่า...บัดนี้ ...เอ้อ...กระผมคิดว่าใต้เท้าคงจะทราบอยู่ก่อนแล้วนะขอรับ ว่าเมื่อพี่ชายของท่านเสียชีวิตลงพร้อมกันทั้งสองคนเช่นนี้ ท่านย่อมจะมีบรรดาศักดิ์เป็นมาควิส แห่ง คิลโดนอนคนใหม่ เนื่องจากท่านเป็นทายาทคนเดียวที่ยังเหลืออยู่ของท่านพ่อ ซึ่งเป็นเจ้าผู้ครองแคว้นของเรานะขอรับ”
ลอร์ด อลิสแตร์ เปล่งเสียงหัวเราะอย่างปราศจากอารมณ์ขันออกมาเบาๆ
“มันไม่น่าจะเป็นตำแหน่งที่เหมาะสมสำหรับบุคคลที่ถูกเนรเทศออกจากสก็อตแลนด์เมื่อสิบห้าปีก่อนเลยนี่นา”
“แต่ถึงอย่างไร ใต้เท้าก็ยังเป็นชาวสก็อตต์อยู่ดีขอรับ”
“เรื่องนั้นน่ะผมรู้... แต่มันก็แค่สายเลือดเท่านั้นเพราะเมื่อมาถึงวันนี้ทั้งชีวิตจิตใจและความสนใจทั้งหมดของผมมันมีแต่ความเป็นอังกฤษเพียงอย่างเดียวเท่านั้น”
“เรื่องนั้นกระผมเข้าใจดีขอรับ” มิสเตอร์ฟอล์คเนอร์ตอบ “แต่ขณะนี้ ท่านบิดาต้องการตัวท่านนะขอรับ รวมทั้งชนเผ่าแมคโดนอนทั้งหมดด้วย”
“แต่ก่อนหน้านี้พวกเขาก็อยู่กันมาได้โดยไม่เห็นจำเป็นต้องมีผมเลย” ลอร์ด อลิสแตร์ ค้าน
“ก็เพราะว่าตอนนั้น พี่ชายทั้งสองของท่านยังมีชีวิตอยู่นี่ขอรับ เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่า เมื่อท่านพ่อของใต้เท้าถึงแก่อสัญกรรมลงเมื่อใด เมื่อนั้นก็จะมีทายาทขึ้นครองตำแหน่งแทนอยู่แล้ว”
มันมีอารมณ์ขุ่นเคืองแฝงอยู่ในน้ำเสียงของมิสเตอร์ฟอล์คเนอร์คล้ายกับเขากำลังคิดอยู่ว่า มันช่างน่าแปลกใจเสียจริงที่ลอร์ด อลิสแตร์ ยังต้องการคำอธิบายเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก ทั้งที่น่าจะเข้าใจอะไรต่อมิอะไรได้ทะลุปรุโปร่งอยู่แล้ว
ความเงียบตกลงปกคลุมบรรยากาศภายในห้องนั้นอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนที่ลอร์ด อลิสแตร์ จะเอ่ยถามต่อ
“มิสเตอร์ฟอล์คเนอร์ถามจริงๆ เถอะว่า...นี่คุณกำลังจะบอกผมงั้นหรือว่า เวลานี้ท่านพ่อต้องการให้ผมเดินทางกลับไปที่นั่นและใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับท่านต่อไป เหมือนมันไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นเลย...?”
“ทั้งหมดนี้เป็นหน้าที่ของท่านขอรับ... ใต้เท้า” มิสเตอร์ฟอล์คเนอร์พูดอย่างเน้นหนักในความหมาย
“หน้าที่...ท่านว่าหน้าที่ยังงั้นเรอะ...?” เสียงถามนั้นปนหัวเราะเยาะหยัน “เพียงคำว่าหน้าที่คำเดียวก็สามารถจะปิดบังความผิดบาปนับร้อยพันประการ รวมทั้งความแตกร้าวอย่างไม่มีวันกลับมาประสานให้สนิทได้อีกแล้วอย่างนั้นสิ?...ฟังนะ มิสเตอร์ฟอล์คเนอร์ถ้าคุณพิจารณาเหตุการณ์ต่างๆ ที่มันเคยเกิดขึ้นเมื่อสิบห้าปีก่อน คุณก็จะเห็นว่า มันเป็นเรื่องที่ใครก็เหลือจะทนได้จริงๆ”
“ทำไมหรือขอรับ ใต้เท้า กระผมยังไม่เข้าใจ?”
“คุณนั่นแหละเข้าใจดีที่สุดมิสเตอร์ฟอล์คเนอร์...” ลอร์ด อลิสแตร์ พูดเสียงเข้ม “เพราะตอนที่ท่านแม่เดินทางออกจากที่นั่นและเอาตัวผมมาด้วยนั้น ท่านได้พูดอย่างชัดเจนเลยว่าท่านมอบลูกชายสองคนให้ท่านพ่อเป็นผู้ดูแลส่วนตัวผมนั้นเป็นของท่าน เพราะฉะนั้น ผมถึงได้ถูกอบรมเลี้ยงดูมาตามแบบที่ท่านต้องการ และจะคิดแบบเดียวกับที่ท่านคิดด้วย”
น้ำเสียงของลอร์ด อลิสแตร์ เข้มขึ้นกว่าเดิมเมื่อกล่าวต่อ
“และเนื่องจากคุณเป็นเพื่อนสนิทของครอบครัวเราทั้งยังเป็นผู้ดูแลบัญชีทรัพย์สินและทั้งหมดของท่านพ่อคุณย่อมจะต้องรู้เท่าๆ กับที่ผมรู้ ว่าตอนที่ท่านแม่ใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นมันเหมือนกับท่านตกนรกทั้งเป็น จนในที่สุด มันก็ถุงวันที่ท่านไม่อาจทนอยู่ที่นั่นต่อไปได้”
มิสเตอร์ฟอล์คเนอร์ยกมือขึ้นเหมือนจะขอเวลาก่อนที่จะพูดขึ้นว่า
“กระผมขอพูดอย่างไม่อ้อมค้อมหรอกนะขอรับใต้เท้าว่าท่านทั้งท่านพ่อและท่านแม่ของใต้เท้านั้น ถึงแม้จะเป็นบุคคลผู้ปรีชาสามารถ เป็นบุคคลที่น่าสนใจที่สุดคู่หนึ่ง ทว่า มันก็ยังมีอะไรที่แตกต่างกันอยู่มาก แต่ถึงอย่างไร กระผมก็ยังขอยืนยันว่าบ้านที่แท้จริงของใต้เท้าอยู่ในสก็อตแลนด์ เพราะที่นั่นเป็นแผ่นดินเกิดแห่งบรรพบุรุษของท่าน และไม่ว่าท่าน”
จะเดียดฉันสักเพียงไร แต่ท่านก็ไม่อาจปฏิเสธได้หรอกนะขอรับ ว่าในร่างกายของท่านมีสายเลือดของชาวสก็อตต์ที่เข้มข้นไหลเวียนอยู่”
“มันก็แค่คำพูดเพราะๆ ที่พร่ำพรรณนาโดยนักประวัติศาสตร์เท่านั้น” ลอร์ด อลิสแตร์ ยิ้มหยัน “สิ่งที่มันมีความสำคัญกว่าอยู่ตรงความคิดของผมต่างหากเล่านอกจากความคิดแล้วก็ยังสัญชาตญาณและชีวิตที่แสนจะมีความสุขภายหลังจากที่ผมได้ออกจากแผ่นดินสก็อตต์มาแล้ว”
“แต่พี่ชายของใต้เท้าก็ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขที่นั่นนะขอรับ” มิสเตอร์ฟอล์คเนอร์ค้าน
“ก็เพราะพวกเขาไม่เคยรู้ว่ายังมีที่อื่นในโลกนี้สามารถให้ความสุขได้มากกว่าน่ะสิ ไม่ต้องสงสัยเรื่องนั้นหรอกเพราะเขาไม่มีโอกาสที่จะได้ใช้ความคิดของตัวเองเท่าไหร่นักตราบใดที่ยังผูกชีวิตตัวเองไว้กับท่านพ่อ”
มิสเตอร์ฟอล์คเนอร์นิ่งเงียบไปเป็นครู่ และลอร์ด อลิสแตร์ ก็ออกจะมั่นใจว่าเขาเป็นผู้ชนะในเกมนี้ เพราะว่ามันเป็นคำพูดที่ทำให้บุรุษสูงอายุจนปัญญาที่จะหาเหตุผลมาโต้แย้งได้
แต่ในที่สุด มิสเตอร์ฟอล์คเนอร์ก็กล่าวต่อ
“แต่ใต้เท้าจะต้องไม่ลืมนะขอรับ ว่ายังมีแคว้นของเราอีกทั้งแคว้นด้วย”
“จะเป็นเรื่องแคว้นหรือเรื่องชนเผ่ามาเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ด้วย?” ลอร์ด อลิสแตร์ ถามอย่างไม่เข้าใจ
“กระผมเพียงอยากให้ใต้เท้าได้ไตร่ตรองสักหน่อยว่า เวลานี้มันมีอะไรที่ยังเหลืออยู่สำหรับพวกเขาอีกบ้างอังกฤษดูดายสก็อตแลนด์อย่างที่สุด ทั้งยังสร้างความบีบคั้นลดค่าของสก็อตแลนด์มาตั้งแต่ครั้งที่ดยุคแห่งคัมเบอร์แลนด์ได้รับชัยชนะในสงครามคัลโลเดนแล้ว”
“เมื่อมาถึงวันนี้ยังมีใครอีกบ้างที่จะแคร์ว่าชาวสก็อตต์จะคิดหรือมีความรู้สึกยังไง?” ลอร์ด อลิสแตร์ กลับย้อนถาม
“ก็เห็นจะมีแต่ชาวสก็อตต์ด้วยกันเองเท่านั้นละ...ขอรับ” มิสเตอร์ฟอล์คเนอร์ตอบ “แต่ไม่ว่าจะยังไงก็ตามคนเหล่านั้นก็ยังคงเป็นพลเมืองของท่านอยู่ดีละขอรับใต้เท้าและเมื่อมาถึงวันนี้ พวกเขาต่างตั้งตารอคอยวันที่ท่านจะได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นผู้ครองแคว้นในอนาคตด้วย”
“เห็นจะไม่ใช่ตอนที่พ่อของผมยังปกครองพวกเขาอยู่และมีความสุขกับการได้แสดงบทบาทจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่อย่างทุกวันนี้แน่”
“ซึ่งมันก็เป็นความจริงอยู่หรอกขอรับ” มิสเตอร์ฟอล์คเนอร์ตอบอย่างใจเย็น “ในสก็อตแลนด์ โดยเฉพาะยิ่งทางภาคเหนือด้วยแล้ว ผู้ครองแคว้นไม่ได้เป็นเพียงแค่ผู้นำเท่านั้น แต่ยังเป็นทั้งพ่อและหัวหน้าฝูงแกะด้วยขอรับ” เขาหยุดเว้นระยะก่อนจะกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “ใต้เท้าขอรับ ท่านพ่อของท่านแก่ชรามากแล้วนะขอรับและผู้คนในเผ่าของเราต่างก็ต้องการความมั่นใจ ว่าเมื่อถึงวันที่ท่านพ่อเดินทางไปสู่โลกอื่นแล้ว พวกเขาจะมี
ผู้ปกครองคนใหม่ขึ้นมาปกครองแทน”
“ซึ่งเรื่องนี้ผมคิดว่าน่าจะมีญาติผู้ใหญ่ของผมหลายคนที่อยากเข้ามาสวมตำแหน่งแทนอยู่แล้วละ”
“เป็นความจริงขอรับ...” มิสเตอร์ฟอล์คเนอร์กลับตอบรับอย่างที่ ลอร์ด อลิสแตร์ ไม่คาดคิด “กระผมคิดว่าใต้เท้าคงจำท่านญาติที่ชื่ออวนได้นะขอรับ หลังจากที่ท่านพี่ทั้งสองของใต้เท้าเสียชีวิตลง ท่านก็ได้เสนอตัวที่เข้ามานั่งในตำแหน่งของใต้เท้า โดยขอให้ท่านพ่อแต่งตั้งให้ท่านขึ้นเป็นทายาทแทนใต้เท้า เพื่อที่จะได้เป็นผู้ครองแคว้นคนต่อไปแทนขอรับ”