บทที่ 2 ผู้แทรกแซงชะตากรรม 2
เสร็จสิ้นการกระทำนั้นแล้วจอมมารหนุ่มก็เร้นกายหายไปในอากาศ ไม่นานเขาก็พบว่าเทพพฤกษาในร่างมนุษย์ที่มีนามว่าอู๋เยว่ฉินนั้นได้ฟื้นตื่นคืนชีวิตกลับมาจากความตายแล้ว
จอมมารหนุ่มยิ้มกริ่ม แผนการเปลี่ยนเทพให้เป็นมารของเขาได้สำเร็จไปขั้นหนึ่งแล้ว
ครั้นเห็นว่าหญิงสาวได้มีชีวิตอีกครั้งหลังจากตายไปแล้วจอมมารหนุ่มก็อันตรธานหายไปและคิดว่าจะกลับมายังโลกมนุษย์ใหม่ในอีกประมาณหนึ่งชั่วยามข้างหน้า ถึงตอนนั้นเวลาในโลกมนุษย์ก็คงผ่านไปสักสิบปีพอดี
ด้วยเหตุนั้นเองจอมมารหนุ่มจึงไม่ทันได้เห็นว่าชายหนุ่มอีกคนที่เข้ามาช่วยเทพพฤกษาสุ่ยหลันในร่างมนุษย์ไว้นั้นคือยางเฟิงอวิ๋นหรือเทพอัคคีเว่ยจีนั่นเอง
เพราะถ้าหากลู่เสียนรู้ว่าเว่ยจีเองก็ลงไปเกิดเป็นมนุษย์ เขาย่อมไม่มีทางปล่อยหญิงสาวไว้โดยไม่จับตามองเป็นแน่
เพราะหากจะบอกว่าเทพสงครามเหวินเยี่ยนคืออริศัตรูของลู่เสียน เช่นนั้นเทพอัคคีก็คงจะเป็นยิ่งกว่านั้น...เพราะนอกจากจะเป็นอริทางด้านเผ่าพันธุ์และดินแดนกันแล้ว ลู่เสียนกับเว่ยจียังเคยเป็นศัตรูหัวใจกันด้วย
ใช่...พวกเขาเคยเป็นศัตรูหัวใจกันและในปัจจุบันสตรีต้นเหตุนางนั้นก็คือเทียนโฮ่วแห่งแดนสวรรค์นั่นเอง
แต่สุดท้ายแล้วกาลเวลาเปลี่ยน คนเปลี่ยน สตรีนางนั้นมีใจมักใหญ่ใฝ่สูงการที่ปล่อยให้นางเชิดหน้าชูคอเป็นเทียวโฮ่วแห่งแดนสวรรค์ดินแดนแห่งคนปลิ้นปลอกนั้นก็เป็นเรื่องสมควรแล้ว
“ท่านพี่ ท่านกลับมาแล้ว?” เจี้ยนสือเอ่ยถาม สีหน้าของคนเป็นน้องชายฉายแววแปลกใจไม่ปิดบัง
“กลับมาแล้ว แต่อีกสักครู่จะกลับไปใหม่”
คนฟังชะงักไปชั่วครู่ “เทพพฤกษาท่านนั้น...ยังหาตัวมิเจอหรือขอรับ?”
“เจอ” ชายหนุ่มเอ่ยตอบด้วยสีหน้ากรุ้มกริ่ม ทำเอาคนเป็นน้องชายฉายแววแปลกใจเสียยิ่งกว่าเก่า
“เจอแล้ว? แล้วท่านพี่จะทำเช่นไรต่อไปหรือขอรับ ข้าคิดว่าท่านจะพาตัวนางมาที่แดนมารเสียอีก” นางเป็นผู้ลอบสังหารประมุขแห่งแดนมาร แม้จะเป็นเทพชั้นสูงของแดนสวรรค์แต่นัยหนึ่งก็ถือเป็นนักโทษของแดนมารด้วยเช่นกัน แดนสวรรค์กระทำการอุกอาจทั้งยังเจ้าเล่ห์สกปรกเช่นนี้ควรหรือจะปล่อยให้เรื่องราวจบลงอย่างง่ายดาย
ลู่เสียนหันหน้าไปมองน้องชายตน เขายกยิ้มครั้งหนึ่งก่อนเอ่ยตอบ “ยังไม่ถึงเวลา เมล็ดพันธุ์ที่หว่านไว้งอกเงยแตกใบอ่อนเมื่อใดค่อยพานางมายังแดนมารก็มิสาย”
ยิ่งฟังคนเป็นพี่ชายเล่า เจี้ยนสือก็ยิ่งขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความงุนงง อะไรคือยังไม่ถึงเวลาที่จะพานางมา อะไรคือเมล็ดพันธุ์ที่ถูกหว่านเอาไว้...นี่พี่ชายของเขาพูดถึงเรื่องอะไรกันแน่?
ลู่เสียนไม่สนใจสีหน้างงงวยของน้องชายอีก ร่างสูงปิดเปลือกตาลงหมายจะพักผ่อนเอาแรงเล็กน้อย อีกสักประเดี๋ยวเขาค่อยกลับไปยังโลกมนุษย์ใหม่ ถึงเวลานั้นเทพพฤกษาสุ่ยหลันในร่างของมนุษย์ก็คงใกล้ถึงเวลาสิ้นอายุขัยเต็มที
และทันทีที่นางหมดลมหายใจตายจากการเป็นมนุษย์ เขาก็จะปรี่ไปฉกชิงเอาตัวนางมายังแดนมารทันที ถึงเวลานั้นลองเล่าเรื่องราวเท้าความให้นางฟังสักหน่อย ใส่สีตีไข่เพิ่มเติมรสชาติเข้าไปเล็กน้อย ไม่แน่ว่าสิ่งเหล่านั้นอาจจะไปกระตุ้นจิตมารในกายของนางให้มีชีวิตและเจริญเติบโตขึ้นก็เป็นได้
ลู่เสียนยกยิ้มทั้งๆ ที่หลับตา เมื่อเขาคิดได้ว่าแท้จริงแล้วการเปลี่ยนเทพเซียนให้เป็นมารนั้นง่ายดายอย่างเหลือเชื่อ
ไม่ต้องไปสร้างความรำคาญอะไรหรือก่อกวนพวกเขาขณะบำเพ็ญอะไรทั้งนั้น แค่หาวิธีผสานเลือดและลมหายใจของมารผู้หนึ่งเข้าไปในตัวของเทพเซียน เพียงเท่านั้นไอมารที่แฝงอยู่ในเลือดก็จะทำหน้าที่ของมันเอง
และในกรณีของเทพพฤกษาสุ่ยหลันนี้ ลู่เสียนก็มั่นใจเกินสิบส่วนว่าด้วยระยะเวลาไม่เกินสองปี อีกฝ่ายจะต้องการเป็นมารเช่นเดียวกับเขาแน่ๆ
หากจะถามว่าเพราะอะไร?
คำตอบของคำถามนั้นก็คือตัวของเทพฤกษาสุ่ยหลันเอง