บทที่ 2 ผู้แทรกแซงชะตากรรม 1
บทที่ 2 ผู้แทรกแซงชะตากรรม
ใช้เวลาเพียงอึดใจเดียวลู่เสียนก็เร้นกายมาถึงยังโลกมนุษย์ซึ่ง สถานที่แรกที่จอมมารหนุ่มเลือกที่จะมาเยือนก็คือเทวสถานที่ตั้งอยู่บนยอดเขาในเมืองอี๋แห่งนี้
ณ สถานที่แห่งนี้...เขาเคยเห็นมันตอนที่เขายังหาทางออกจากสถานที่ที่จิตของเขาหลุดลอยเข้าไปอยู่ไม่ได้และเป็นสถานที่เดียวกันกับที่เขาเห็นว่าเทพพฤกษาสุ่ยหลันในร่างมนุษย์เคยมากราบไหว้บูชาเทพยดาองค์หนึ่ง...
เทพยดารึ?
แท้จริงแล้วก็เป็นเพียงปีศาจต้อยต่ำตนหนึ่งเท่านั้น
ลู่เสียนไม่คิดเสียเวลากับปีศาจต่ำต้อยตนนั้นต่อ เขาไม่อยากรู้ด้วยซ้ำว่าเหตุใดปีศาจตนนี้ถึงได้เข้ามาอยู่ในเทวสถานแห่งนี้แทนที่จะเป็นเซียนเจ้าที่อย่างที่ควรจะเป็น
เพราะมันไม่ใช่เรื่องของเขา…
แดนสวรรค์หย่อนยานด้านการปกครองเพียงใดก็ดูเอาเถิด ขนาดเซียนเจ้าที่ยังอ่อนแรงกำลังถึงเพียงนี้ แค่อาณาเขตเล็กๆ ในโลกมนุษย์ยังรักษาไว้ไม่ได้จนถูกปีศาจชั้นต่ำยึดเอาอาณาเขตไป ยิ่งกว่านั้นเซียนชั้นสูงแดนสวรรค์ยังไม่ลงมาเหลียวแลแม้แต่หางตา...เจริญจริงๆ
อีกอย่าง ต่อให้เอ่ยถามเรื่องอะไรไป ปีศาจที่มีพลังชีวิตน้อยนิดเช่นนี้ (แต่พลังมากกว่าเซียนเจ้าที่อยู่) ก็คงจะไม่รู้เรื่องอันใด อีกฝ่ายรู้จักเขาผู้เป็นถึงประมุขแห่งแดนมารหรือไม่ก็สุดจะรู้ เช่นนี้แล้วจะให้อีกฝ่ายรู้จักเทพพฤกษาสุ่ยหลันผู้ลึกลับได้เช่นไร...
ก่อนเดินทางมายังโลกมนุษย์ ฉางเฮ่าได้บอกรายละเอียดเกี่ยวกับเทพพฤกษาที่อีกฝ่ายไปสืบมาได้ให้เขาฟังหมดแล้ว
ฉางเฮ่าเล่าว่าเทพพฤกษาสุ่ยหลันนั้นเมื่อครั้งกำเนิดมาก็มีพลังวิญญาณเข้มข้นสูงส่งพลังบำเพ็ญของนางรุดหน้าอย่างรวดเร็ว อายุไม่ถึงสามหมื่นปีก็สามารถบรรลุเป็นเซี่ยเซียนได้แล้ว เรียกได้ว่าเป็นผู้มีพรสวรรค์ด้านนี้โดยแท้จริง
ทว่าเมื่ออายุครบสามหมื่นปีก็ได้ข่าวนางเก็บตัวปิดด่านบำเพ็ญเพียรอยู่ในเผ่าพฤกษา กลับออกมาสู่โลกภายนอกอีกครั้งลำดับขั้นก็เลื่อนขึ้นอีกจากเซี่ยเซียนขึ้นเป็นซ่างเซียนแล้ว แน่นอนว่าพรสวรรค์เช่นนี้ของสุ่ยหลันทำให้เทพเซียนหลายคนเกิดความอิจฉาริษยา บ้างก็หูตามืดมัวถึงขั้นคิดพรากชีวิตและลมหายใจของนางเพียงเพราะทนเห็นผู้อื่นได้ดีไปกว่าตนเองไม่ได้
และหลังจากนั้นมา เทพพฤกษาสุ่ยหลันก็ได้เร้นกายหายไปจากแดนสวรรค์อีกครั้ง เนิ่นนานหลายหมื่นปีผ่านมานางก็ไม่ออกมาพบหน้าผู้ใดอีก กระทั่งสงครามสองดินแดนครั้งล่าสุดนางก็ปรากฏตัวออกมา แต่นั่นคือภายหลังมีการเจรจาสงบศึกไปแล้วหลายปี
ฉางเฮ่าสืบรู้มาได้ว่าในตอนนั้นนางถูกวางตัวให้เป็นว่าที่พระชายาของเทพสงครามเหวินเยี่ยน ทว่านางกับเทพสงครามนั้นไม่เคยแม้แต่จะพบหน้ากันสักครั้ง การหมั้นหมายที่ว่านั่นแท้จึงเป็นเพียงแค่การข่มเขาโคขืนให้กินหญ้า แต่มีหรือที่นางผู้มีฐานะเป็นถึงซ่างเสินจะยอมกระทำในสิ่งที่ตนเองไม่เต็มใจง่ายๆ
ใช่แล้วล่ะ
พอออกมาจากการบำเพ็ญในคราวนี้เทพพฤกษาสุ่ยหลันก็บรรลุขึ้นเป็นซ่างเสินโดยที่มีอายุยังไม่ครบหนึ่งแสนปีดีด้วยซ้ำ
ไม่แน่ว่าพรสวรรค์ด้านการบำเพ็ญของนางนี้จะนำพานางบรรลุไปไกลถึงขั้นเทียนเสินเลยก็เป็นได้
นั่นคือสิ่งที่เทพเซียนหลายๆ คนคิดด้วยความอิจฉา บ้างก็เลื่อมใส บ้างก็เทิดทูน แต่ในความเป็นจริงแล้วหากมิได้กำเนิดมาจากเทพบิดาที่เป็นเทพผู้สร้างนั้น การจะบรรลุไปถึงขั้นเทียนเสินได้นับว่าเป็นเรื่องยากที่สุดแล้วในโลกานี้
และด้วยเหตุที่มีพรสวรรค์ด้านการบำเพ็ญที่โดดเด่นนี้เอง วันหนึ่งเทพสาวผู้นี้จึงมิวายถูกสาดโคลนตมใส่จนต้องสละเวลาบำเพ็ญเพียรมาเผชิญวิบากกรรมในโลกมนุษย์
เรื่องเล่าจากฉางเฮ่ามีเพียงเท่านั้น แต่ลู่เสียนคิดว่านั่นไม่ใช่เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นแน่ๆ
จอมมารหนุ่มหันหลังให้เทวสถานแห่งนั้น แต่ในจังหวะที่เขากำลังจะเร้นกายหายไปความแปลกประหลาดอย่างหนึ่งพลันเกิดขึ้นในตัวเขา เลือดในร่างกายในยามนี้คล้ายกับถูกเร่งความถี่ในการไหลเวียนขึ้นหลายระดับ จอมมารหนุ่มรู้สึกถึงพลังบางอย่างที่พลุ่งพล่านอยู่ในตัวเอง เสี้ยวหนึ่งลู่เสียนถึงกับคิดว่าเลือดในร่างกายของเขาไม่ใช่ของเขาอีกต่อไป คล้ายกับว่ามันมีความรู้สึกนึกคิดเป็นของตนเอง
“นี่มันเรื่องอะไรกัน?” จอมมารหนุ่มเอ่ยกับตนเองอย่างงุนงง
ทว่าไม่นานร่างทั้งร่างของเขาก็ถูกลมสายหนึ่งพัดพามายังริมฝั่งแม่น้ำ ซึ่งอยู่ที่แห่งหนตำบลใดเขาก็สุดจะรู้ แต่ที่รู้ๆ คือตรงหน้าเขาเวลานี้กลับมีร่างของสตรีนางหนึ่งนอนแน่นิ่งอยู่ราวกับศพ
และเมื่อก้มหน้าเข้าไปดูใกล้ๆ จอมมารหนุ่มก็พบว่าร่างร่างนั้นเป็นศพสตรีจริงๆ ทั้งยังเป็นสตรีผู้เดียวกันกับเทพพฤกษาที่เขากำลังตามหาอยู่ด้วย!
“ท่านเทพพฤกษาผู้เก่งกาจ เหตุใดเจ้าจึงตายไปง่ายดายเช่นนี้เล่า?” จอมมารหนุ่มเอ่ยพร้อมผุดรอยยิ้มร้ายกาจออกมา
ทันใดนั้นเองเขาก็ได้กระทำการบางอย่างอันเป็นการฝืนลิขิตชะตาฟ้า ถึงขนาดที่ว่าหากเทพชะตารู้เข้าอาจจะถึงขึ้นโกรธกริ้วจนผมขาวโพลนไปทั้งศีรษะได้ในเวลาเพียงพริบตาเดียว
“ข้าจะช่วยให้เจ้ามีชีวิตและกลับหวนคืนไปอีกครั้ง แต่เพียงแค่สิบสองปีเท่านั้น และเมื่อใดที่เจ้าตายตกไปอีกครั้ง จำไว้ว่าข้าคือผู้เป็นเจ้าของตัวเจ้าและเป็นเจ้าของดวงวิญญาณของเจ้า”