บทที่ 2 ผู้แทรกแซงชะตากรรม 3
อย่างที่บอกไป...เลือดของนางมีพลังฟื้นฟูมหาศาลแม้แต่ในยามที่ร่างกายของนางเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา เมื่อครั้งที่นางบูชาเทพยดาที่บนเขายอดเขาในเมืองอี๋โดยไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วนั่นคือปีศาจ ควันธูปนั้นได้นำพาเลือดของนางล่องลอยมาสู่เขายังแดนซวีเฮยเมิ่ง นั่นจึงทำให้ในร่างกายของเขาในตอนนี้มีเลือดของนางปะปนอยู่
ทว่า...เหตุใดเขาจึงเป็นผู้ได้รับควันธูปและเลือดนั้นแทนที่จะเป็นปีศาจที่สิงอยู่ในรูปปั้นนั้นเขาเองก็สุดจะรู้
และเมื่อไม่นานมานี้เขาเองก็ได้ใช้วิชาคืนวิญญาณกับนาง ทำให้นางกลับไปมีชีวิตในโลกมนุษย์อีกครั้งทั้งๆ ที่สมควรตายและกลับสู่แดนสวรรค์ ทำให้เวลานี้ภายในดวงจิตของนางนั้นมีไอวิญญาณของเขาปะปนอยู่
แน่นอนว่ามันจะไม่มีทางหายไปแม้ว่านางจะตายจากความเป็นมนุษย์อีกครั้งก็ตาม เพราะไอวิญญาณของเขาที่ผสานเข้าไปในร่างของนางนั้นย่อมผสานเข้ากับดวงจิตที่แท้จริงที่เป็นดวงจิตเทพของนางด้วย
แบบนี้แล้วภายหน้านางจะไม่กลายมาเป็นมารเช่นเดียวกับเขาได้อย่าง?
ทุกอย่างอยู่ที่ช้าเร็วเท่านั้น
ลู่เสียนไม่คิดว่าการพักสายตาเอาแรงเพียงชั่วครู่ของเขานั้นจะกินเวลาไปถึงหนึ่งชั่วยามกว่าๆ ครั้นเมื่อรู้สึกตัวได้เขาก็เร้นกายหายตัวมายังโลกมนุษย์ทันทีด้วยเพราะกลัวว่าจะไปไม่ทันเวลา ไม่ทันช่วงชิงทั้งตัวคนทั้งดวงวิญญาณของนางกลับมายังแดนมารก่อนที่นางจะเร้นกายหายไปยังแดนสวรรค์หรือก็เผ่าพฤกษา
ขึ้นชื่อว่าเป็นเทพเซียนชอบสันโดษ หากไม่ฉกฉวยเอาในเวลาที่นางไม่ทันตั้งตัวเช่นนี้มีหรือที่เขาจะหานางพบ คาดว่าทันทีที่เปิดเผยร่างจริงออกมาไม่ว่าจะเป็นต้นไม้หรือแม้แต่หญ้าต้นหนึ่งก็ล้วนแต่หน้าตาคล้ายกันหมด เช่นนั้นแล้วเขาคงไม่มีทางหานางพบเป็นแน่
ทว่าเมื่อมาถึงยังโลกมนุษย์แล้วสิ่งที่เขาพบเห็นกลับมิใช่งานศพของเทพพฤกษาสุ่ยหลันอย่างที่เขาคิด แต่เป็นกลับเป็นภาพของชายหนุ่มหญิงสาวคู่หนึ่งกำลังโอบกอดกันพร้อมกับดูทิวทัศน์ในยามค่ำที่ดวงอาทิตย์สีแดงสดกำลังจะลาลับขอบฟ้า
ลู่เสียนเบ้ปาก เขาหรือก็คิดว่านางกำลังจะตายแล้วแท้ๆ ถึงได้รีบมา แต่พอมาถึงแล้วกลับเห็นแต่คนสองคนยืนพลอดรักกันไม่อายดินฟ้า
น่าหมั่นไส้ยิ่ง!
“เอ๊ะ? นั่นมิใช่เจ้าโง่เว่ยจีหรอกหรือ?”
ลู่เสียนเอ่ยขึ้นด้วยความแปลกใจเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มคนที่กำลังโอบกอดเทพพฤกษาสุ่ยหลันในร่างมนุษย์อยู่นั้นคือเทพอัคคีเว่ยจี...เทพหนุ่มผู้ครั้งหนึ่งเคยเป็นคู่แข่งหัวใจของเขา!
อะไรมันจะบังเอิญขนาดนี้!
ความรู้สึกไม่ชอบใจบางอย่างปะทุขึ้นกลางอกของจอมมารหนุ่มอย่างรวดเร็วชนิดที่ว่าพายุหมุนยังมิอาจเทียบความเร็วได้
ด้วยเหตุนั้นเองลู่เสียนจึงพาตนเองหลีกหนีไปให้ไกลจากภาพอุจาดตานั้น เขาหายตัวกลับที่แดนมาร นั่งปรับอารมณ์อยู่ครู่หนึ่งก่อนจะสั่งให้ฉางเฮ่าไปเอาสุรามาให้ดื่ม
เจี้ยนสือเห็นพี่ชายตนเองหายตัวแวบมาแวบไปภายในระยะเวลาเพียงไม่ถึงเค่อก็ถึงกับขมวดมุ่นด้วยความไม่เข้าใจ เหตุใดภายหลังฟื้นคืนมาได้จอมมารผู้เคร่งขรึมเช่นพี่ชายเขาถึงได้กลายเป็นบุรุษอารมณ์แปรปรวนราวกับสตรีในยามมีระดูไปได้นะ?
ยิ่งคิดเจี้ยนสือก็ยิ่งสงสัย และความสงสัยของเขาก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเห็นว่าพี่ชายของตนเร้นกายหายตัวไปอีกแล้ว!
นั่งอยู่เพียงชั่วครู่เดียว ก้นยังไม่ทันอุ่นก็จากไป...นี่มันเรื่องอะไรกันแน่นะ?
ลู่เสียนคิดผิดมหันต์ที่เมื่อครู่นี้เร้นกายกลับไปยังแดนมาร เพราะทันทีที่กลับมายังโลกมนุษย์เขาก็พบว่าเทพพฤกษาในร่างมนุษย์นามว่าอู๋เยว่ฉินนั้นได้สิ้นลมหายใจลงแล้ว
ทว่า...ดวงวิญญาณของนางกลับไม่อยู่ในโลกมนุษย์แล้ว!
เพราะความหุนหันพลันแล่นของตนเองเมื่อครู่นี้แท้ๆ จึงทำให้เขาพลาดจากช่วงเวลาที่เฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อไปอย่างน่าเสียดาย...
“นายท่าน รับอะไรดีขอรับ?”
ชายขายสุราในเพิงไม้เล็กๆ หลังหนึ่งใกล้กับจวนตระกูลหยางเอ่ยถามเขา ลู่เสียนปรายหางตามองด้วยความรำคาญ ทว่าในเวลาที่รู้สึกหัวเสียเพราะมีตนเองเป็นสาเหตุเช่นนี้การดื่มสุราระงับอารมณ์ก็เป็นหนทางผ่อนคลายที่ดีไม่น้อย...
“เอาเหล้าแรงๆ มา แล้วก็กับแกล้มด้วยสองอย่าง!” ลู่เสียนเอ่ยสั่งก่อนจะเดินไปนั่งตรงโต๊ะไม้เล็กๆ ที่เจ้าของร้านเตรียมเอาไว้
เวลาผ่านไปไม่นานจอมมารหนุ่มก็ได้รับสุราอาหารที่เขาสั่ง มือใหญ่รินเหล้าเข้าปากไป หูก็ฟังเทพอัคคีในร่างมนุษย์พรรณนาถึงความรักที่ตนเองมีต่อภรรยาผู้ล่วงลับไป
ยิ่งได้ยินอีกฝ่ายบอกว่าจะรักเดียวใจเดียวตลอดจนสิ้นลมหายใจโดยจะไม่มีใครมาแทนที่นางผู้เป็นที่รักได้ ไหนจะให้คำสาบานว่าชั่วชีวิตจะไม่รักไม่แต่งสตรีอื่นใดอีก ยิ่งได้ฟังถ้อยคำเหล่านั้นจอมมารหนุ่มก็ยิ่งรู้สึกเหยียดหยามอีกฝ่ายอยู่ในใจ
รักเดียวใจเดียวหรือ?
ทั่วทั้งสามภพนี้จะหาได้จากที่ไหนกัน?
อย่าว่าแต่มนุษย์ผู้เต็มไปด้วยรัก โลภ โกรธ หลงเลย แม้แต่เทพเซียนหรือเทพมารก็หาคนรักเดียวใจเดียวได้ยากยิ่งกว่าหาฝุ่นในน้ำเสียอีก
คิดแล้วจอมมารหนุ่มก็ยกเหล้าเข้าปากอีกครั้ง ในตอนนี้ความคิดของเขาไม่ได้จดจ่ออยู่กับงานศพที่จัดอยู่ในจวนฝั่งตรงข้ามแล้ว แต่เปลี่ยนไปคิดเกี่ยวกับเรื่องดวงจิตและวิญญาณของเทพพฤกษาสุ่ยหลันต่างหาก
นางคงมิได้เดินทางไปยังแดนปรภพหรอกกระมัง?
ในเมื่อนางเป็นเทพที่เพียงแค่ลงไปเผชิญด่านเคราะห์ในโลกมนุษย์เท่านั้น มิใช่มนุษย์ที่ดวงจิตยังขุ่นมัวไปด้วยกิเลสเสียหน่อย เหตุใดนางจึงต้องไปยังแดนปรภพเพื่อเดินข้ามสะพานไน่เหอด้วยเล่า?
“หรือว่านางจะกลับไปยังแดนสวรรค์แล้ว?” จอมมารลู่เสียนครุ่นคิด
“หรือว่าจะกลับเผ่าพฤกษา?”
คิ้วกระบี่ขมวดมุ่นเข้าหากัน ใบหน้าหล่อเหลาจนหญิงสาวหลายคนต้องเหลียวหลังมามองเวลานี้เริ่มบิดเบี้ยวบูดบี้เพราะกำลังคิดไม่ตก
ยิ่งไม่รู้ว่าเวลานี้นางเร้นกายหายตัวไปที่ไหน เขายิ่งควรจะรีบออกไปตามหาในขณะที่เทพอัคคีหน้าโง่นั่นยังเผชิญด่านเคราะห์อยู่ในโลกมนุษย์
เว่ยจี…ครั้งก่อนนั้นเจ้ากับข้าเสมอกันในศึกรัก แต่แน่นอนว่าครั้งนี้ข้าจะไม่ยอมให้มันเป็นเช่นนั้น
สุ่ยหลันไม่ว่าอย่างไรข้าก็จะเอาเจ้ามาอยู่ในความครอบครองของข้าให้ได้!
เมื่อคิดได้จอมมารหนุ่มก็ไม่รอช้า เขาลุกจากที่นั่งทันทีก่อนจะเดินหายไปกับกลุ่มชนที่เดินผ่านไปผ่านมา ทั้งยังไม่ลืมทิ้งก้อนทองไว้ให้ชายวัยกลางคนเพื่อเป็นค่าสุราและกับแกล้มด้วย
“ขอบคุณ! ขอบคุณนายท่าน!”
ชายวัยกลางคนเอ่ยไล่หลังจอมมาหนุ่มด้วยความปีติยินดี ทองก้อนนี้สามารถเปลี่ยนชีวิตเขาและครอบครัวให้มีกินมีใช้อย่างสุขสบายไปได้ทั้งชาติโดยไม่ต้องดิ้นรนจนสายตัวแทบขาดเหมือนดังเช่นทุกวันนี้