ตอนที่4 ไร้ใจ
แขนของพายุภัคพาดตัวตะวันฉายไว้นิ่ง มีเพียงหญิงสาวที่ทำตัวไม่ถูก เธอรีบเช็ดน้ำตาอย่างรีบ ๆ ชายหนุ่มขยับเข้ามาใกล้ ๆ เธอมากขึ้นก่อนจะจับตัวของหญิงสาวให้หันกลับมา แววตาจ้องมองเธออย่างไม่พอใจ
“ร้องไห้ทำไม” เสียงโทนต่ำถามอย่างไม่พอใจ ตะวันฉายรู้ดีกว่าพายุไม่ชอบให้เธอร้องไห้เสียใจเวลาอยู่กับเขา
“ปะ...เปล่าค่ะ”
“โกหก! เสียใจมากหรือไงที่เป็นผู้หญิงของฉัน ตะวันฉาย” เขาเริ่มตะคอกใส่เธอ ทั้งน้ำเสียงทั้งสายตาที่ดุดันมองคนตัวเล็กอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ เนื้อตัวหญิงสาวเริ่มสั่น เธอเริ่มทำต้วไม่ถูกไม่รู้จะตอบเขาอย่างไรดี
“เงียบ เอาแต่เงียบสินะ ผู้หญิงอย่างเธอมันน่าเบื่อ” เขาพูดอย่างไม่พอใจก่อนจะลุกขึ้นพร้อมใส่เสื้อผ้า
หญิงสาวสะอื้นอีกครั้ง น่าเบื่อ? แล้วทำไมไม่เลิกยุ่งกับเธอสักที ตะวันฉายได้แต่คิดในใจ
พายุภัคถอนหายใจออกมาดังเฮือกก่อนจะออกไปจากห้องนอนของหญิงสาว ทันทีที่เขาออกไปน้ำตาใส ๆ ก็ไหลออกมายกใหญ่ เธอเจ็บทั้งตัว แต่สิ่งเดียวที่ตะวันฉายทำได้ก็คือทนและก็ทน ชีวิตเธอได้ดีได้เพราะครอบครัวเขา
ร่างอรชรได้รูปพยายามลุกขึ้นก่อนจะย่ำเท้าเดินตรงไปห้องน้ำ มือทั้งสองเอาผ้าขนหนูที่ห่มกายไว้ออก ร่างกายของเธอมีแต่ร่องรอยของ
ชายหนุ่ม เขาไม่เคยอ่อนโยนกับเธอเลย
เช้าวันใหม่
วันนี้เป็นอีกวันที่พายุภัคหนุ่มโสดที่ใคร ๆ ต่างหมายปองเพราะเขาทั้งหล่อ ดูดีทั้งฐานะหน้าตาทางสังคม และเป็นคนที่เก่งฉลาดอีกด้วย ภายในไม่กี่ปีเขาทำให้ธุรกิจมีกำไรหลายหมื่นล้าน สาว ๆ มากหน้าหลายตามักจะเข้ามาเขาเสมอ
ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งแต่งชุดสูทสีเทามองตัวเองในกระจกเงาบานใหญ่ ในหัวของเขามีเพียงภาพของตะวันฉายยิ่งคิดเขาก็ยิ่งหงุดหงิดขึ้นมา
“อ้าวลูก มาทานข้าวต้มก่อนสิ จะรีบไปไหน” คุณหญิงรุจีผู้เป็นมารดาบอกลูกชายที่กำลังจะออกไปทำงาน
“ผมไม่หิว” น้ำเสียงนิ่ง ๆ พูดออกมา
“หนูตะวันเป็นคนทำกับมือ ลูกไม่ทานน้องคงเสียใจแย่”
หน้าตาของตะวันฉายซีดลงไปเมื่อคุณหญิงรุจีพูดอย่างนั้น พายุภัคยิ้มมุมปากก่อนจะมองหน้าหญิงสาวนิ่ง เธอเอาแต่ก้มหน้าไม่กล้าแม้จะสบตากับเขา
“สงสัยคงต้องลองกินแล้ว ว่าจะอร่อยขนาดไหน” เขาพูดเน้นคำก่อนจะเดินไปนั่งที่เก้าอี้
ตะวันฉายตักข้าวต้มใส่ชามก่อนจะยกไปวางตรงหน้าของพายุภัค เธอก้มลงเล็กน้อยเผยให้เห็นหน้าอกที่มีร่องรอยจากฝีมือของเขา เขามองนิ่งก่อนจะเบี่ยงสายตาหนี
“เอ๊ะ ขาไปโดนอะไรมาหนูตะวันเดินแปลก ๆ” คุณหญิงรุจีถามหญิงสาวอย่างสงสัย ตะวันฉายทำตัวไม่ถูก
“คือว่าตะวันเดินไม่ทันระวังเผลอไปเตะขอบเตียงคะคุณแม่” เธอพูดโกหกออกไป พายุภัคตักข้าวต้มเข้าปากด้วยท่าทีที่เรียบนิ่ง
“งั้นตะวันขอตัวไปมหาลัยก่อนนะคะ” เธอรีบหยิบกระเป๋าจะเดินออกไป แต่ทว่าคุณหญิงรุจีบอกให้พายุภัคไปส่ง ไม่ว่าเธอจะพยายามปฏิเสธแค่ไหนก็ทำไม่ได้ แววตาของคนตัวโตมองข่มหญิงสาวนิ่งก่อนจะลุกขึ้นพร้อมเดินออกไปที่รถ
นายอาดคนดูแลรถหยิบกุญแจรถคันโปรดของพายุภัคมาให้ก่อนจะยิ้มทักทาย ตะวันฉายยกมือไหว้อย่างอ่อนน้อม เธอไม่เคยคิดว่าตัวเองเหนือกว่าใครเพราะเธอรู้ดีว่ามาอยู่ที่นี่ในฐานะลูกเลี้ยงของเจ้าของบ้านเท่านั้น
“ตั้งใจเรียนนะครับคุณตะวัน” นายอาดชายวัยห้าสิบปีบอก
หญิงสาวอย่างเอ็นดู
“จ้ะลุงอาด”
“เร็ว ๆ ชักช้าจริงเวลาฉันมีค่าไม่ใช่จะให้มานั่งรอเธอนะตะวัน”ชายหนุ่มดุก่อนจะขึ้นไปนั่งตำแหน่งคนขับพร้อมเสียงปิดประตูดังตามมา หญิงสาวสะดุ้งก่อนจะถอนหายใจออกมา แล้วขึ้นรถไปกับเขา
นายอาดมองตามอย่างอดสงสารไม่ได้ที่ตะวันฉายเหมือนเป็นคนรองรับอารมณ์ของเจ้านายหนุ่ม
บรรยากาศบนรถตอนนี้มันช่างอึดอัดอย่างมาก ตะวันฉายที่ไม่พูดไม่จาได้แต่นั่งเงียบอย่างเจียมเนื้อเจียมตัว สองมือของเธอก็กอดกระเป๋าแน่นเหมือนกลัวอะไรบางอย่าง
“หึ! คนแก่อย่างนายอาดก็ไม่เว้น อ่อยไปทั่ว” คำพูดถากถางน้ำใจของพายุภัคดังขึ้นมา
“ตะวันเปล่านะคะ” เธอปฏิเสธ
“เปล่า? อย่างนั้นหรือ ถ้าไม่ติดว่าคุณแม่ดีกับเธอ เธอคงคิดจะจับพ่อฉันอีกคนใช่ไหม”
เธอได้ยินอย่างนั้นก็ไม่พอใจขึ้นมา “มันจะมากไปแล้วนะคะคุณพายุ ทำไมคุณต้องพูดจาแบบนี้กับฉันด้วย”
“ทำไม พูดไม่ได้หรือ”
“จอดรถค่ะ ตะวันจะไปเอง” เธอแทบไม่อยากร่วมเดินทางไปกับเขาอีกต่อไป
ชายหนุ่มกัดกรามดังลั่นก่อนจะหักพวกมาลัยเลี้ยวเข้าข้างทางอย่างรวดเร็วสีหน้าตกใจของตะวันฉายเเสดงให้เห็นเพราะเขาเหยียบเบรกจนเธอเกือบหัวทิ่มลงไป
“เป็นบ้าไปแล้วหรือคะคุณพายุ”
“ฉันบอกเธอกี่ครั้งว่าอย่ามาตีฝีปากกับฉัน” เขาหันหน้ามาจ้องมองคนตัวเล็กอย่างไม่พอใจที่ตะวันฉายเถียงเขา
“โอ๊ย ตะวันเจ็บนะคะ!” เธอร้องเมื่อมือหนาของพายุบีบคางของตัวเองอย่างแรง
“เจ็บแต่ก็ไม่เคยจำ ฉันบอกกี่ครั้งว่าไม่ชอบให้เธอมาทำนิสัย
แบบนี้”
“แล้วทีคุณล่ะพูดจาทำร้ายจิตใจฉันทุกวัน ฉันก็เหนื่อยเป็นนะที่ต้องมารองรับอารมณ์ของคุณ”
“มันคือหน้าที่ เธอช่วยไม่ได้ เธอพลาดตั้งแต่ก้าวเท้ามาเหยียบที่บ้านหลังนี้แล้ว”
หญิงสาวจ้องมองเขาอย่างเสียใจแววตาแดงก่ำเผยให้เห็นทั้งที่เธอพยายามเก็บซ่อนน้ำตาไม่ให้มันไหลออกมา
“สักวันตะวันจะไปจากคุณ ไปจากที่นี่” เธอพูดออกมาเสียงสั่น คำพูดของเธอทำให้ชายหนุ่มอึ้งไปก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นไม่พอใจเธอมากขึ้นกว่าเดิม
“จะออกไปจากฉันหรือ ฮะ! อยากไปมากใช่ไหม ได้!”
แควก! แควก! จู่ ๆ มือหนาก็กระชากเสื้อนักศึกของเธอออกจนกระดุมเสื้อหลุดออกไปสองเม็ดสีหน้าตกใจของเธอมีมากขึ้นกว่าเดิม
หญิงสาวพยายามดันตัวเขาออกเมื่อชายหนุ่มดึงเธอเข้ามาชิดกาย มืออีกข้างของพายุภัครวบเอวบางอรชรของเธอไว้แน่น
“อย่านะ คุณพายุปล่อยตะวันเดี๋ยวนี้”
“ฉันไม่ปล่อย เก่งจริงก็หลุดให้ได้สิ” ริมฝีปากหนาซุกไซ้ตาม
ซอกคอระหงของตะวันฉาย เธอเบี่ยงหน้าหนีแล้วหนีอีกพร้อมมือที่พยายามดันตัวเขาออก เธอจะไม่ยอมให้เขามาทำอะไรทุเรศแบบนี้อีกแล้ว
“กรี๊ดดดด ปล่อยนะคนใจร้าย ปล่อยตะวันเดี๋ยวนี้” ครั้งนี้เธอทุบตีแผ่นหลังของชายหนุ่มอย่างเอาเป็นเอาตาย นี่เป็นครั้งแรกที่ตะวันฉายทำแบบนี้กับเขา มือหนาของพายุภัคจับกดแขนทั้งสองของเธอไว้แน่นจนเธอเบะหน้าเจ็บขึ้นมา
“เก่งนักใช่ไหม ฉันชอบจริง ๆ คนอวดดีอวดเก่งอย่างเธอ!” พูดจบชายหนุ่มก็แกะเนกไทในคอดึงออกมาอย่างแรงก่อนจะเอามันมามัดมือทั้งสองของตะวันฉายไว้
“จะทำอะไร! อย่านะ! คุณบ้าไปเเล้วรึไง แล้วนี่จะไปไหนฉันไม่ไปกับคุณนะคุณพายุ ปล่อยเดี๋ยวนี้!" เขาไม่ฟังก่อนจะเลี้ยวรถไปอีกทาง
สองมือบางกำเข็มขัดนิรภัยแน่น เธอมองไปตามทางที่เขาพาไปด้วยท่าทีที่หวาดกลัว
แววตาแดงก่ำเหมือนคนกำลังร้องไห้ของตะวันฉายทำให้พายุภัคโมโหขึ้นไปกว่าเดิมอีก เขาขับรถคันหรูมาที่บ้านพักตากอากาศแถบ
ชานเมือง บ้านหลังนี้ห่างไกลผู้คนมาก มีเพียงตาจันและเมียมาดูแลให้อาทิตย์ละครั้งสองครั้ง เมื่อรถจอดนิ่งแววตาของคนตัวเล็กก็ยิ่งมองเขาอย่างสั่นเครือ ชายหนุ่มเปิดประตูรถก่อนจะเดินอ้อมมาอีกทางพร้อมเปิดประตูออกมาอย่างแรง
“ลงมาสิ” เขาพูดโทนเสียงต่ำ เธอส่ายหน้าก่อนจะหันหน้าหนีไปอีกทาง
“ก็บอกว่าให้ลงมาไง อยากลองดีใช่ไหม!” เขาพูดจบก็ก้มตัวเปิดปลดเข็มขัดนิรภัยออกก่อนจะดึงตัวของตะวันฉายออกมาจากรถ
“ตะวันเจ็บนะ คุณมันบ้าไม่มีใครเกิน!” เธอร้องเจ็บเมื่อแรงที่กระชากเธอมันรุนแรงจนรับไม่ไหว
ด้านพายุภัคเมื่อได้ยินคำด่าทอของหญิงสาวเขายิ่งชอบใจที่เห็นเธอเจ็บ
“เจ็บสิดี จะได้จำว่าไม่ควรมาอวดดีกับฉัน เธอเป็นใคร แล้วฉันเป็นใครหัดจำใส่ใจไว้ด้วย” ชายหนุ่มไขกุญแจบ้านก่อนจะเหวี่ยงตัวของเธอเข้าไป คำพูดของเขามันทำให้เธอเจ็บไม่น้อย
“ฉันรู้ว่าฉันเป็นแค่คนต่ำต้อย ไม่สูงส่งเหมือนคุณ แต่ฉันก็เป็นคนนะคะไม่ใช่สิ่งของ ฉันมีเลือดมีเนื้อ มีหัวใจไม่ต่างจากคุณ”
สิ้นคำพูดมือหนาของพายุภัคก็เข้ามาบีบคางมนอย่างไม่พอใจ เขาดันตัวเธอจนไปติดกำแพงห้อง จู่ ๆ หยดน้ำตาของตะวันฉายก็ไหลออกมาจนโดนมือเขา สีหน้าเรียบนิ่งของพายุภัคเปลี่ยนไปเมื่อเห็นเธออย่างนั้น
"อยากออกไปจากชีวิตฉันมากใช่ไหมฮะ อยากเป็นอิสระมากเลยสินะ ใช่สิ ปีกกล้าขาแข็งแล้วนี่ สงสารแม่จริง ๆ ที่เลี้ยงคนไม่เชื่องอย่างเธอ”
“คุณพายุเลิกพูดแบบนี้สักที ตะวันไม่เคยอยากจะทิ้งคุณแม่ แต่ตะวันแค่ไม่อยากเป็นที่รองรับอารมณ์ของคุณ”
“หึ! ก็เป็นไปแล้วนี่ เธอไม่ควรจะบ่นนะ รู้ไหม” เขาขยับมากระซิบข้างใบหูของเธอเสียงแหบแห้งของเขายิ่งทำให้เธอกลัวมากขึ้น เมื่อเห็นว่าหญิงสาวไม่พูดอะไรออกมา สายตาที่มองตามซอกคอขาวระหงของตะวันฉายที่มีร่องรอยอยู่นิด ๆ เขาย่อมรู้ดีว่าเธอพยายามปกปิดรอยที่เขาทำไว้ ริมฝีปากหนายักได้รูปของพายุภัคขบเม้นซอกคอเธออย่างแรง พร้อมซุกไซ้ไปมา
หญิงสาวพยายามดันตัวเขาออกแต่ยิ่งเธอขัดขืนเขายิ่งกอดรัดแน่นขึ้น ไม่รู้ทำไมทุกครั้งที่กลิ่นกายในตัวของเธอ มันเหมือนยาเสพติดที่ทำให้เขาต้องการตลอดเวลา มืออีกข้างยกขึ้นมาปลดกระดุมที่เหลือก่อนจะดึงเสื้อนักศึกษาของเธอออกมาอย่างง่ายดาย
“อย่าค่ะ อย่า!” เธอร้องห้ามเมื่อเขาอุ้มเธอลงนอนบนเตียงคิงไซซ์
เขาไม่ฟังทั้งยังดันตัวเธอให้นอนลง มือทั้งสองจับมือของเธอขึ้นเหนือหัวก่อนริมฝีปากร้อนระอุจะเริ่มทำงานอีกครั้ง เขาสอดแทรกลิ้นสากเข้าไปสำรวจปากบางได้รูปอย่างช่ำชอง ถึงแม้ว่าตะวันฉายจะพยายามเบี่ยงหน้าหนีแต่ก็ยังหนีเขาไม่ได้
ผ่านไปไม่นานเสื้อผ้าของหล่อนก็ไม่เหลือแม้แต่ชิ้นเดียว พายุภัคลุกขึ้นนั่งพร้อมปลดกระดุมเสื้อตัวเองออกเผยให้เห็นกล้ามหน้าท้องเป็น ชั้น ๆ ผิวกายของเขาขาวนวลสมกับเป็นลูกคนมีชาติตระกูล