ตอนที่5 คืนมืดมน
“อึก ฮื่อ...” เสียงสะอื้นของคนใต้ร่างที่อดกลั้นน้ำตาไม่ได้อีกแล้วถึงแม้จะรู้ว่า เขาไม่ชอบที่เธอร้องไห้ แววตาของชายหนุ่มร่างกำยำผงกหัวขึ้นมาก่อนจะมองใบหน้าหญิงสาวอย่างไม่พอใจ ทำไมเธอต้องเสียใจมากมายขนาดนี้
“เสียใจมากขนาดนั้นเลยหรือตะวันที่ได้ฉันเป็นผัว” เขาตะคอกใส่หญิงสาวอย่างไม่พอใจ
สองมือบางเรียวกำเข้าหากันแน่น เธอไม่พูดอะไรออกมาอีกเพราะกลัวว่ามันจะแย่ไปกว่านี้
“โธ่เว้ย!” พายุภัคกัดฟันแน่นก่อนจะลุกออกจากร่างของเธอ พอเห็นท่าที่ของตะวันฉายเขาก็อารมณ์ไม่ดี ชายหนุ่มตรงไปหน้าต่างก่อนจะหยิบบุหรี่ขึ้นมา
หญิงสาวพอรู้ว่าปลอดภัยแล้วเธอพยายามยันกายลุกขึ้นนั่งก่อนจะจับชุดเสื้อผ้ามาสวมใส่เหมือนเดิมช้า ๆ เธอรู้ว่ากำลังทำให้เขาไม่พอใจ
ทุกครั้งที่ชายหนุ่มสูบบุหรี่ คือเขากำลังควบคุมอารมณ์ตัวเองอยู่ เสียง
ถอนหายใจดังออกมาอย่างเห็นได้ชัด มือหนากำเข้าหากันแน่นยิ่งตะวันฉายที่มีท่าทีรังเกียจเขามากเท่าไหร่ใจของเขาก็ยิ่งเจ็บปวดและไม่พอใจมากเท่านั้น
ไม่นานนักรถหรูก็ขับกลับเข้ามา ตลอดทางต่างคนต่างไม่พูดไม่จา เขาจอดให้ตะวันฉายลงที่หน้าหมู่บ้านส่วนเขาย้อนกลับไปที่ทำงาน ทันทีที่ลงจากรถน้ำตาใส ๆ ของหญิงสาวก็ไหลออกมา เธอยังจำคำพูดของเขาได้ดี
'อย่าทำตีหน้าเศร้า เธอคิดหรือว่าผู้หญิงอย่างเธอจะมีค่าให้ฉันสงสาร ฉันแค่ต้องการและเธอก็ต้องสนอง อย่าสำคัญตัวเองว่าพอพ่อกับแม่รักเธอเชิดหน้าชูตาเธอแล้วจะมาเป็นภรรยาถูกต้องตามกฎหมายของฉัน มันไม่มีวันนั้นแน่ตะวันฉาย!'
คำพูดของเขาทำให้เธอเจ็บปวด เธอดูไร้ค่าขนาดนั้นเชียวหรือ หญิงสาวสีหน้าไม่สู้ดีนัก เธอถอนหายใจหยุดอยู่หน้าบ้านหลังใหญ่พร้อมมองไปข้างในบ้าน ที่ ๆ เหมือนกรงคอยขังเธอไว้ให้มีชีวิตสุขสบายแต่ไร้อิสระ เธอไม่มีความสุขเลยสักนิด
“อ้าว หนูตะวันลูก ทำไมวันนี้กลับมาเร็ว แล้วนี้นั่งรถมาเองหรือ”
“ค่ะคุณแม่ พอดีส่งงานเสร็จอาจารย์ก็ปล่อย” เธอจำต้องโกหกออกไป ถ้าคุณแม่รู้เธอต้องโดนบ่นแน่ ๆ ว่าวันนี้ไม่ได้ไปเรียน
“ทีหลังโทร.ให้คนขับรถที่บ้านไปรับสิมาเองได้ไง คนสมัยนี้ไว้ใจไม่ได้ยิ่งว่าที่ลูกสะใภ้แม่ทั้งสวยทั้งน่ารักอย่างนี้โดนคนเลวรังแกจะทำยังไง”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ คนดีก็มีเยอะไปนะคะคุณแม่ อีกอย่างตะวันเห็นว่ามันยังกลางวันอยู่คงไม่มีอันตราย ตะวันขอตัวไปบนห้องก่อนนะคะ”
“ได้สิจ๊ะ แม่จะออกไปทำธุระพอดีหนูพักผ่อนเถอะ” เธอยิ้มให้หญิงชราทันทีที่เดินขึ้นห้องไปสีหน้าอมทุกข์ก็เผยให้เห็น ยิ่งหนักใจเมื่อ
คนอื่นในบ้านดีกับเธอขนาดนี้
ที่บริษัท
ท่านมานพมองดูลูกชายเข้ามาในบริษัทก่อนจะสั่งให้เลขาตาม
ชายหนุ่มมาพบ สีหน้าเรียบนิ่งของพายุภัคเดินเข้ามาในห้องท่านประธานก่อนจะนั่งเก้าอี้ตัวหรูตรงหน้า
“พ่อให้คนไปตามผมมีอะไรรึเปล่าครับ”
ชายชรานอนคิดวิตกทั้งคืนเมื่อตัวเขาเองก็พอเดาเรื่องลูกชายกับตะวันฉายได้ ยิ่งคุณหญิงรุจีเร่งอยากให้จัดการแต่งงานของทั้งสองคนขึ้น
“เรื่องลูกกับหนูตะวัน”
ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมาสบตาบิดาก่อนจะเบี่ยงหน้าหนี
“เรื่องผมกับเธอ ไม่เห็นจะเกี่ยวอะไรกันนี่ครับ”
“พายุ ลูกก็รู้ว่าแม่เขาอยากจะให้ลูกแต่งงานกับหนูตะวัน ถ้าไม่รักไม่ชอบลูกจะไปยุ่งกับน้องทำไม อย่าคิดว่าพ่อไม่รู้นะเรื่องลูกกับน้อง”
“หึ ยัยนั่นคงขี่ม้าสามศอกไปฟ้องคุณพ่อสินะครับ ไงล่ะเรียกเงินเท่าไหร่”
ตุ้บ! เสียงตบโต๊ะดังลั่นอันที่จริงเขาเองก็เป็นเคยเห็นบิดาจริงจังแบบนี้
“นี่ไม่ใช่เรื่องตลก สรุปลูกจะแต่งงานกับหนูตะวันรับผิดในสิ่งที่ตัวเองทำไหม”
“พ่อกับแม่เองไม่ไปถามยัยเด็กนั่นดูบ้างล่ะครับว่า เธอสมยอมผมเองรึเปล่า อีกอย่างคุณแม่ก็บอกเองว่า เธอเป็นของผม ผมจะแต่งหรือไม่แต่งคุณพ่ออย่าเดือดร้อนเลย”
“นี่พ่อไม่คิดเลยนะว่าลูกจะใจร้ายขนาดนี้ ตกลงลูกจะไม่ยอมแต่งงานใช่ไหมพายุ”
ชายหนุ่มถอนหายใจก่อนจะลุกขึ้นเดินออกมาจากห้องทำงานบิดาโดยที่เจ้าตัวยังไม่ตอบอะไรเขาสักคำ แต่งงานอย่างนั้นหรือ? สำหรับ
พายุภัค เขาไม่เคยคิดเรื่องนี้ด้วยซ้ำ ยิ่งเเต่งกับตะวันฉาย เขาไม่ยอมเด็ดขาด
Rrrrrrr เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นทำให้คนตัวเล็กที่นอนหลับอยู่อย่างเหนื่อยล้าสะลึมสะลือตื่นขึ้นมากดรับสาย
“ตะวัน นี่พี่เตนะครับ” ทันทีที่ได้ยินเสียงดวงตากลมโตก็เบิกกว้างขึ้นมาพร้อมดึงโทรศัพท์มาดูเบอร์ปลายสาย
“ค่ะพี่เต มีอะไรรึเปล่าคะ” เธอถามเขา อันที่จริงเธอไม่อยากติดต่อกับเขาอีก เพราะกลัวพายุภัคมาต่อว่า แต่ในตอนนี้เธอไม่สนใจแล้วว่าเขาจะต่อว่าอย่างไร หญิงสาวตัดสินใจแล้วว่าจะไม่อ่อนข้อให้กับเขาอีก
“คือพรุ่งนี้วันเกิดพี่ พี่จะเอาของไปบริจาคให้บ้านเด็กกำพร้า เลยอยากชวนน้องตะวันไปด้วย”
ทันทีที่ได้ยินเธอก็ยิ้มดีใจ หญิงสาวคิดถึงคุณแม่ปราณีที่เคยเลี้ยงดูเธอมา
“ไปค่ะ ตะวันไป” หญิงสาวรีบตอบตกลงเพราะตั้งแต่ถูกอุปการะเธอก็ไม่ค่อยได้กลับ นาน ๆ ถึงจะเอาของไปให้น้อง ๆ ที่บ้านเติมฝันสิ่งที่เธอเคยจากมาสักที
ตกเย็นของวัน
เป็นช่วงเวลาเดิมที่เธอแสนจะกดดันก่อนที่ทั้งท่านมานพ และ
พายุภัคจะกลับมา หญิงสาวลงมาช่วยแม่บ้านจัดเตรียมของ
“หนูตะวันอย่ามาช่วยป้าเลย ป้าไม่อยากโดนคุณท่านบ่น”
“ป้าอ่อนคะตอนนี้ยังไม่มีใครกลับมา ไม่มีใครรู้หรอกค่ะ ใช่ไหมใบตอง”
“จริงจ้ะพี่ตะวัน ป้าอะกลัวมากไปแล้ว"
“แหมใคร ๆ ก็รู้ว่า คุณท่านสั่งห้ามไม่ให้หนูตะวันมาทำงานบ้าน ยิ่งไปกว่านั้นถ้าคุณพายุรู้มีหวังป้าโดนบ่นตาย”
จู่ ๆ เสียงรถคันหรูก็เลี้ยวเข้ามาจอด ทุกคนต่างรีบออกไปแต่แปลกที่ไม่เห็นรถท่านมานพ เห็นแต่รถของพายุภัคคนเดียว แม่บ้านยัน
คนสวนมายืนก้มหน้าก้มตารอต้อนรับ
“ยินดีต้อนรับกลับบ้านค่ะ/ครับ” ทุกคนต่างพูดพร้อมกัน
“ว้ายคนใช้ที่นี่น่ารักดีนะคะคุณพายุ วันนี้เป็นเกียรติจริง ๆ ที่คุณพาแซนดี้มาทานมื้อค่ำด้วย” เสียงสาวสวยปากแดงที่ยืนเกาะแขนพายุภัคดังขึ้นพร้อมทำเสียงออดอ้อนชายหนุ่มอย่างเอาใจ ทุกคนยังคงก้มหน้าไม่พูดไม่จารวมถึงตะวันฉาย หางตาของพายุภัคมองมาที่หล่อนก่อนจะยกมือขึ้นมาโอบเอวบางของแซนดี้นางแบบดาวรุ่งที่เขารู้จักได้ไม่นาน
“เข้าบ้านกันก่อนเถอะครับ อีกสักพักก็ได้เวลาทานอาหารแล้ว ผมพาไปเดินดูรอบ ๆ บ้านดีไหม”
“ดีค่ะ ตั้งแต่เข้ามา บ้านคุณพายุสวยถูกใจแซนดี้มากจริง ๆ สวยจนอยากเข้ามาอยู่มากเลยค่ะ” หญิงสาวพูดพร้อมมองชายหนุ่มหวานซึ้งเขายิ้มมุมปากก่อนจะพาแซนดี้ไป
ป้าอ่อนและใบตองต่างมองมาที่ตะวันฉายแต่เธอกลับไม่แสดงท่าทีใด ๆ ออกมาเลย
“พี่ตะวัน คุณท่านทั้งสองจะไม่เข้ามาทานข้าวเย็นด้วยนะคะ ท่านคงกลับดึก” เสียงเด็กสาววัยสิบเจ็ดปีรายงานให้หญิงสาวทราบ
“งั้นก็จัดขึ้นโต๊ะเลยได้เวลาแล้ว แค่สองที่นะใบตอง พี่ไม่อยากรบกวนคุณพายุกับแขก” ตะวันเห็นว่าวันนี้ป้าอ่อนเจ็บแขนเธอจึงอาสาช่วยจัดโต๊ะให้ แซนดี้เดินมาก่อนจะมองดูหญิงสาวอย่างไม่พอใจที่เห็นคนหน้าตาดีอยู่ในบ้านเดียวกับพายุ
“นี่หล่อนไปเอาน้ำส้มมาให้ฉันหน่อย!” เสียงเรียกใช้ของแซนดี้
ทำให้หญิงสาวหันไปมองก่อนจะยอมทำตามที่เขาบอกเพราะไม่อยากมีปัญหา พายุภัคออกมาคุยโทรศัพท์อยู่ข้างนอก ตะวันฉายถือแก้วน้ำส้มก่อนจะวางให้แซนดี้ที่เดินชมบ้านอยู่
“ขอบใจ! เธอเป็นคนใช้ที่นี่นานรึยัง” เธอซักถามตะวันต่อ
“นานแล้วค่ะ”
“ก็คงพอรู้สินะ คุณพายุมีผู้หญิงมาที่นี่บ่อยไหม”
“ไม่ค่ะ” เธอตอบสั้น ๆ แซนดี้ยิ้มอย่างพอใจ
“งั้นก็ดี จำไว้นะ ฉันเป็นเเฟนคุณพายุอีกไม่นานก็คงเข้ามาอยู่ที่บ้านหลังนี้ในฐานะภรรยาของเขา ถ้าเธอดูแลฉันอย่างดีฉันอาจจะเอ็นดูเธอให้เธอเป็นรับใช้คนสนิท”
“ไม่เป็นไรค่ะ ดิฉันเป็นคนของคุณมะ เอ่อคุณหญิงรุจี ถ้าไม่มีอะไรเเล้วดิฉันขอตัว”
เมื่อถูกปฏิเสธสีหน้าแซนดี้ก็แสดงความไม่พอใจออกมา
“นี่แกจะไปไหนฉันยังไม่สั่งให้แกไปนะ!”
เพล้ง!