พลังธาตุทั้งสาม
" ต่ะ ต่ะ ....ใต้เท้าขอรับ ดูนั่น "
ทันทีที่ฝุ่นควันแท่นทัณฑ์อัสนีค่อยๆจางลง ภาพที่ปรากฎให้ทุกคนได้ประจักษ์แก่สายตา เฟิงอิงที่ถูกล่ามติดกับเสาอัสนีทัณฑ์สวรรค์ ยังคงเป็นปรกติดี ไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน ได้แต่ หันรีหันขวาง เหลียวซ้ายแลขวา ทั้งยังอ้าปากหาวไปสามสี่วอด
สร้างความประหลาดใจให้แก่ เหล่ายมฑูตและผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ เพราะต่างนึกในใจ เคราะห์ครานี้ของเจ้าหนุ่มผู้นี้เห็นทีหนทางรอดน่าจะยากยิ่งกว่าป่ายปีนบันไดสวรรค์ หรือแทบไม่มีเอาซ่ะเลย ก่อนหน้าแม้ไป้หลงเองยังมิเข้าใจว่าทัณฑ์สวรรค์คือสิ่งใด เมื่อหวังเฉินอธิบายให้ฟัง ไป้หลงรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก ขนาดจ้าวนรกเช่นหวังตี้อ๋องผู้มีพลังตบะสามแสนปี เจอเข้าไป สามสิบเก้าครั้งยังนอนหยอดน้ำข้าวต้มอยู่หลายวัน รึ แม้นแต่ หวังเฉินผู้เป็นบุตรชาย เจอไปแค่สิบเก้าครั้งถึงกับสลบมอด แต่เจ้าหนุ่มเฟิงอิงที่ตนเพิ่งรู้จักได้ไม่กี่วัน จากการได้ฝึกฝนวรยุทธร่วมกันทั้งตนยังชี้แนะ รู้สึกถูกอัธยาศัยของเจ้าหนุ่มประหลาดนี่ ถือเสมือนหนึ่งดั่งน้องชายของตน เมื่อได้รู้ได้รับฟังฤทธิ์เดชแห่งทัญฑ์สวรรค์จะไม่รู้สึกเป็นห่วงได้เช่นไร
" เลขาจวง เจ้าเห็นอย่างที่ข้าเห็นรึไม่ "
หวังตี้อ๋องถามย้ำไปยังเลขาจวงเพื่อให้ยืนยันในภาพที่ตนเห็นอยู่เบื้องหน้า
" ก็ใต้เท้า เห็นเช่นไร ตัวข้าน้อยก็เห็นเช่นนั้นแหล่ะขอรับ...."
" เอะ...!! เจ้านี่ยอกย้อนข้าเดี๋ยวเหอะ"
หวังตี้อ๋องนึกฉิวในคำตอบเลขาประจำตัวของตน เลขาจวงยิ้มรับเบาๆเป็นนายบ่าวกันมาร่วมแสนปีทำไมจะไม่รู้อุปนิสัยใจคอผู้เป็นเจ้านาย ทำปากร้ายไปงั้นเอง แต่แท้จริง จ้าวนรกภูมิผู้นี้มีน้ำใจต่อผู้ใต้บังคับบัญชามิใช่น้อย
จากนั้นเลขาจวงรับบัญชาหวังตี้อ๋อง สั่งการให้ยมฑูตไปแก้ไขพันธนาการให้แก่เฟิงอิง และนำตัวเข้ามาโดยไว
" เจ้านี่ มันตัวประหลาดโดยแท้ "
หวังตี๋อ๋องบ่นพึมพำกับเลขาคู่ใจ
" นั่นสิ ขอรับใต้เท้า ข้าน้อยว่า งานนี้มีเงื่อนงำแน่ขอรับ "
เลขาจวงกระซิบเบาๆกับผู้เป็นเจ้านาย
หวังตี้อ๋อง พยักหน้ารับเบาๆก่อนกระซิบตอบกลับไป
" ไว้เราค่อยสืบหาเบาะแส เจ้านั่นไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว "
ทันทีที่เฟิงอิงเดินเข้ามา ไป้หลงและหวังเฉินรีบเข้าไปสำรวจตรวจตราผู้เป็นสหายเมื่อไม่เห็นอาการบาดเจ็บใดๆจึงรู้สึกเบาใจไปได้เปราะหนึ่ง
" เจ้านี่ มันหนังเหนียวตายยากจริงๆสหายข้า ฮ่า ฮ่า ฮ่า....."
หวังเฉินเข้าไปตบบ่าสหาย พร้อมหันมาถามผู้เป็นบิดา
" ท่านพ่อ ทัณฑ์สวรรค์สี่สิบเก้าครั้ง ผ่านพ้นไปแล้ว ล้วนทำอะไร เฟิงอิงไม่ได้ เช่นนี้สวรรค์ มิ...."
" เฮ้ย...เบาใจได้ เมื่อรับโทษทัญฑ์ตามบัญชาไปแล้ว ยังจะมีสิ่งใดอีก ไป พาสหายเจ้าไปเตรียมตัว คืนนี้ ข้าสั่งเลขาจวงจัดเลี้ยงส่งพวกเจ้าเป็นการส่วนตัว "
หวังตี้อ๋องกล่าวอย่างอารมย์ดี
" โอ้ว...เป็นไปได้ เฟิงอิงเจ้านี่โชคดีจริงๆบิดาข้าปรกติ คร่ำเคร่ง ไม่เคยใจดีเยี่ยงนี้มาก่อน เจ้ามาไม่นานถึงกะเป็นเจ้าภาพเลี้ยงส่ง ฮ่า ฮ่า ฮ่า......"
ท่านอ๋องหวังส่ายหน้าด้วยระอาในนิสัยของบุตรชาย จากนั้นสั่งให้เลขาจวงนำตัวเฟิงอิง ไปตรวจหาสิ่งผิดปรกติ ก่อนส่งกลับแดนมนุษย์
คืนสุดท้าย คืนเลี้ยงส่งทั้งสามเพื่อไปปฎิบัติภาระกิจยังแดนมนุษย์ เนื่องจากทั้งสามอยู่ด้วยกัน ฝึกร่วมกัน จึงรู้สึกผูกพันธ์หวังเฉินเสนอให้ทำพิธีเพื่อเป็นพี่น้องร่วมสาบานทุกคนล้วนเห็นด้วย พิธีจัดแบบเรียบง่าย โดยมีหวังตี้อ๋องนั่งเป็นประธาน เลขาจวงเป็นพยาน ไป้หลงอาวุโสมากกว่าให้เป็นพี่ใหญ่
หวังเฉินอาวุโสรองลงมาเป็นพี่รอง เฟิงอิง อาวุโสน้อยสุดเป็นน้องเล็ก ทั้งนี้หวังเฉิน เสนออีกว่าเมื่อเป็นพี่น้องกันแล้ว บิดาตนก็เสมือนบิดาของพี่น้องทั้งสองด้วย ทั้งไป้หลงและเฟิงอิง จึงใช้สุราแทนน้ำชายกจอกคารวะให้แก่หวังตี้อ๋อง เรียกบิดาบุญธรรม หวังตี้อ๋องรับสุราจากทั้งสองยิ้มแย้มอารมย์ดีต่างจากบุคลิกของจ้าวนรกภูมิโดยสิ้นเชิง
" เอาหล่ะ บัดนี้เมื่อเจ้าทั้งสองถือว่า ข้าคือบิดาบุญธรรมแล้วนั้น กิจการใดของพวกเจ้าในภายภาคหน้า ข้าล้วนต้องมีส่วนในความรับผิดชอบด้วยเช่นกัน ไป้หลงเจ้าเป็นพี่ใหญ่ การปกครองน้องๆต้องใช้ทั้งพระเดชและพระคุณ เห็นสิ่งใดไม่เหมาะไม่ควร จงทักท้วงตักเตือน และลงโทษให้สมแก่เหตุ ส่วนพวกเจ้า หวังเฉิน เฟิงอิง จงดูแลกันและกัน เคารพเชื่อฟังคำสั่งของพี่ใหญ่เจ้า เสมือนเป็นตัวแทนแห่งบิดา อย่าได้สร้างปัญหา ทำได้รึไม่"
ทั้งสามรับคำอย่างหนักแน่น จากนั้นจึงขอตัวเพื่อไปเตรียมการกลับสู่แดนมนุษย์ในวันรุ่งขึ้น เมื่อทั้งสามเดินออกไปเลขาจวงเข้ามาแสดงความยินดีต่อหวังตี้อ๋องที่ได้บุตรชายเพิ่มมาอีกสองคน
" เลขาจวง ดูเหมือนเจ้ามีข้อมูลสำคัญอะไรจะรายงานข้าใช่รึไม่ "
หวังตี้อ๋องถามไปยังเลขาจวงแต่สายตายังคงมองไปยังบุตรชายทั้งสามที่กำลังเดินจากไป
" ขอรับใต้เท้า เออ....."
" มีอะไรก็ว่ามา อึกอักๆ ข้ารำคาญ "
" เออ คือ ....ใต้เท้าขอรับผลการตรวจสอบเฟิงอิง เป็นเรื่องเหลือเชื่อมากขอรับ "
" เหลือเชื่อ เหลือยังไง ก็ดูปรกติดีนี่ "
" คือ คุณชายเฟิงตอนมาก็มาแบบไม่ธรรมดา โผล่มาจากแม่น้ำสุ่ยเปียนแม่น้ำที่ไม่ว่า เทพ ปีศาจ รึ มาร หากได้ตกลงไป อย่าหวังว่าจะได้ กลับขึ้นมาอีก ทั้งยังฝ่าสระอัคคีมรกต เพลิงอัคคีแห่งแดนสวรรค์ ตามที่ข้าน้อยสอบถาม เฟิงอิงเผลอยังดื่มเข้าไปหลายอึกอีกด้วย ...."
เลขาจวง เว้นวรรคเพื่อสังเกตสีหน้าอาการของผู้เป็นนาย ซึ่งขณะนี้จ้องเขม็งมาที่เลขาคู่ใจเป็นเชิงบอก ขืนเจ้ายังสาธยายไปชะงักไป เดี๋ยวได้เรื่องเป็นแน่
เลขาจวงกลืนน้ำลายไปอึกใหญ่ก่อนสาธยายต่อ
" นี่ไม่นับท้อสวรรค์ที่กินลงไป ทั้งยังได้รับทัณฑ์อัสนีสวรรค์ถึงสี่สิบเก้าครั้ง ... เออ ดังที่เรา ทราบกันดีว่า ไม่สามารถมีผลต่อเจ้านี่ เอ้ย...คุณชายเฟิง บุตรบุญธรรมท่านได้ "
" เลขา จวงงงงง.......!! "
หวังตี้อ๋อง สีหน้าแสดงอาการหงุดหงิดที่เลขาจวง บรรยายซ่ะยืดยาว แต่ยังไม่เข้าประเด็นที่ตนอยากรู้
" แหะ แหะ แหะ.... ข้าน้อยกำลังจะสรุปให้ใต้เท้าขอรับ ผลจากแม่น้ำสุ่ยเปียน ทำให้คุณชายเฟิง มีพลังวิญญาณที่สามารถข้ามขอบเขตแห่งโลกวิญญาณ คือสื่อกับทุกๆภพได้ ผลจากสระมรกตอัคคีสวรรค์ไม่สามารถมีผลต่อคุณชายได้ทั้งยังซึมซับพลังแห่งเพลิงอัคคีสวรรค์ได้อีก เท่านั้นยังไม่พอ ผลจากอัสนีสวรรค์สี่สิบเก้าครั้ง ทำให้คุณชายเฟิงรับเอาพลังอัสนีสวรรค์เป็นฐานพลัง เท่ากับว่าในตัวคุณชาย มีทั้งพลังธาตุวิญญาณ พลังธาตุอัคคีสวรรค์ พลังธาตุอัสนี ที่จริงน่าจะเป็นผลเลิศต่อคุณชายแต่ ทว่า....เส้นลมปราณ พลังวิญญาณ และพลังวัทธยังคงมีพื้นฐานมาจากมนุษย์ ไม่ช้าไม่นาน เมื่อเกินขีดจำกัดหากคุณชายเฟิงไม่สามารถควบคุมพลังเหล่านั้นได้ สุดท้าย คงไม่เหลือ แม้เศษเสี้ยวของวิญญาณ "
" เลขาจวง เจ้าว่ากระไรนะ แทนที่จะเป็นผลดีกลับตาลปัต เป็นผลเสียกระนั้นรึ นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน...สวรรค์ เช่นนี้มิสู้ตายซ่ะตั้งแต่ ทัณฑ์สวรรคมิดีกว่าหรือ..."
หวังตี้อ๋องรู้สึกนึกเวทนาในชะตากรรมของบุตรบุญธรรมคนเล็กของตน
" เออ ใต้เท้าขอรับข้าน้อยยังสรุปไม่จบเลยขอรับ "
" อ้าว เฮ้ย...ก็พูดมาให้จบซ่ะเลย เจ้านี่ "
" เหอะๆๆ ขอรับ ในคราวเคราะห์ร้าย ยังมีเคราะห์ดีขอรับ เนื่องด้วยคุณชายรับประทานผลท้อสวรรค์เข้าไป อันท้อสวรรค์นี้มีสรรพคุณช่วยสะกดข่มธาตุทั้งสาม ให้กลับสู่ธาตุแรกเริ่ม ณ.ตอนนี้ ธาตุเหล่านั้นดุจเมล็ดพันธ์ คุณชายเฟิงต้องเรียนรู้ที่จะนำไปใช้ ผสานกับวรยุทธของตนเองขอรับ จึงจะสัมฤทธิ์ผล "
" ฮ่า ฮ่า ฮ่า....ให้มันได้ยังนี้สิ นี่ยกให้เป็นหน้าที่เจ้าเลขาจวง ให้มันไปเรียนรู้ด้วยตนเองในแดนมนุษย์ เจ้าค่อยไปแนะนำเอาก็แล้วกัน แล้วเจ้านั่นรู้ตัวรึไม่ ว่ามีพลังเหล่านี้อยู่กับตัว "
" ไม่ทราบขอรับ ถึงบอกไปก็ไม่เข้าใจอยู่ดี "
" อืม....ดีแล้ว คิดจะเหินดั่งอินทรี ก็ต้องเริ่มจากลูกนกนี่หล่ะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า...."
จากนั้นหวังตี้อ๋องสั่งการให้เลขาจวงไปเตรียมดำเนินการส่งทั้งสามกลับสู่แดนมนุษย์ ทั้งยังกำชับให้เก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ ถ้าเรื่องรู้ถึงภพสวรรค์ เซียน ปีศาจ และมาร ย่อมมีผลร้าย มากกว่าผลดีต่อเฟิงอิงเป็นแน่
%٪%%٪%%%%%%%%%%%%%
ตอนหน้า ทั้งสามกลับสู่แดนมนุษย์
จะสนุกสนาน น่าสนใจ เพียงใด
โปรดติดตาม ตอนต่อไป ขอบคุณครับ