ทัณฑ์สวรรค์
" ห๊าาาา... ว่าไงนะ เจ้าบ้านั่นเป็นมนุษย์ ทั้งยังมาทางแม่น้ำสุ่ยเปียน เป็นไปได้ยังไง เฮ้ย...!!"
หวังตี้อ๋องอุทานอย่างกึกก้อง จนเลขาจวงต้องรีบเตือน
" อืม... จริงของเจ้าเรื่องนี้จะให้เบื้องบนรู้ไม่ได้ ไม่เช่นนั้น นรกภูมิเราจะมีหน้าไว้ไหน ถึงปล่อยปะละเลยให้มนุษย์เข้ามายังแดนนรกได้ เจ้ามีความเห็นเช่นไร เลขาจวง "
หวังตี้อ๋องปรึกษาหารือ กับเลขาจวงจนได้ข้อสรุป ทั้งยังไม่ขัดกับบัญชาสวรรค์ จึงเรียกทั้งสามเข้ามาฟังคำพิพากษา
เมื่อยมฑูตนำทั้งสามเข้ามา ทั้งหวังตี้อ๋องและเลขาจวงอยู่ในท่าทีขึงขังเพื่อไม่ให้เป็นที่สงสัยแก่ทั้งสาม
" ฟัง... เจียงสง ในยามที่เจ้าเป็นมนุษย์ ประพฤติแต่กรรมดี มากกว่ากรรมชั่ว ทั้งยังซื่อสัตย์มั่นคง ใจคอกล้าหาญ เสียสละ แต่บัดนี้เจ้าสิ้นอายุไขแล้ว จึงขอแต่งตั้งให้เจ้าเป็นยมฑูตฝึกหัดในแดนนรกภูมิสร้างสมความดี ตั้งใจปฎิบัติหน้าที่ ต่อไปข้าจะได้เลื่อนตามลำดับขั้น ส่วนเจ้า ไป้หลง แท้จริงเจ้าคือดาวพยัฆค์ขาวที่สวรรค์ส่งมาจุติเพื่อช่วยฮ่องเต้ปราบยุคเข็ญ และกลียุคที่จะเกิดในรอบพันปี จึงขอส่งตัวเจ้ากลับสู่ดินแดนมนุษย์แต่ สวรรค์มีบัญชาให้เจ้าฝึกฝนเพิ่มพูนพลังวิญญาณที่นี่เป็นเวลา เจ็ดวันนรก เมื่อเจ้าฟื้นพลังแห่งดาวพยัฆค์ขาวแล้ว การเข้าสู่พลังวรยุทธของมนุษย์ก็ไม่ใช่เรื่องยากของเจ้าอีกต่อไป ส่วนเจ้าเฟิงอิง เนื่องจากที่มาที่ไปของเจ้ายังไม่ชัดเจน รอการตรวจสอบของแดนสวรรค์ ในระหว่างนี้ให้อยู่ในความดูแลของไป้หลง ช่วยไป้หลงปฎิบัติภาระกิจในแดนมนุษย์จนสำเร็จ ข้าจะได้เสนอความดีความชอบเจ้า ต่อสวรรค์จะได้ไม่เป็นวิญญาณเร่ร่อน"
เอ่ย... ถึงตอนนี้ หวังตี้อ๋องลอบสบตากับเลขาจวง ว่าให้เล่นตามน้ำ เจ้านั่นยังไม่รู้ว่าตนยังคงอยู่ในสภาพมนุษย์ จึงวางอุบายส่งเฟิงอิงกลับสู่แดนมนุษย์โดยให้อยู่ในความดูแลของไป้หลง
" อ่อ อีกอย่าง ไป้หลงภาระกิจเจ้าสำคัญไม่ใช่น้อย สวรรค์จึงมีบัญชาให้ข้าส่งมือปราบยมฑูตแห่งแดนนรกไปช่วยเจ้าอีกแรง โดยให้แฝงตัวในร่างเจียงสง เป็นการชั่วคราวจนกว่าภาระกิจจะสำเร็จลุล่วง"
จากนั้นจึงหันไปสั่งการเลขาจวง
" โทษกักบริเวณเจ้านั่น ใกล้ถึงกำหนดแล้วกระมัง ไปลากคอมันมาหาข้าหน่อยซิ "
เลขาจวงรับคำจึงสั่งการให้ยมฑูตไปตามบุคคลผู้หนึ่งเข้ามารับฟังภาระกิจ เฟิงอิงสงสัยในท่าทีของหวังตี้อ๋องหันมองทางไป้หลง ซึ่งก็ทำหน้าสงสัยไม่แพ้กัน มือปราบยมฑูตผู้นี้ทำสิ่งใดผิดถึงถูกลงโทษด้วยการกักบริเวณ
ไม่นานยมฑูตได้นำคนผู้หนึ่งเดินเข้ามา คนผู้นี้ร่างสูงโปร่งหน้าตาวัยไล่เรี่ยกับเฟิงอิง อาวุโสไม่น่าห่างกันไม่ถึงปี มาในชุดยมฑูต แต่แต่งกายทะมัดทะแมงกว่า เมื่อมาถึงทำทีจะเอ่ยทัก หวังตี้อ๋อง แต่โดนหวังตี้อ๋องถลึงตาใส่เป็นเชิงบอกให้สงบปาก สงบคำ จากนั้นจึงแจ้งภาระกิจที่ได้รับมอบไปให้รับรู้ และกำชับ การแฝงตัวในร่างเจียงสงครั้งนี้ ไปในฐานะมือปราบยมฑูตภาระกิจหลัก ปราบมารและปีศาจ ที่ก่อความวุ่นวาย สร้างความเดือดร้อนในดินแดนมนุษย์ เท่านั้นห้ามใช้อำนาจยมฑูตยุ่งเกี่ยวกับอายุไขของมนุษย์ ที่สำคัญอย่าเปิดเผยให้มนุษย์รู้ถึงฐานะยมฑูตโดยเด็ดขาด จากนั้นจึงประทานป้ายทองยมฑูตแก่ไป้หลงเพื่อไว้ควบคุม สามารถลงโทษได้ตามสมควรหากไม่เชื่อฟัง จากนั้นสั่งการให้เลขาจวงนำไป้หลง และเฟิงอิงไปเตรียมตัวเข้ารับการฝึกเพื่อเตรียมพร้อมในการทำภาระกิจในแดนมนุษย์ เจียงสง เอ่ยอำลาอดีตผู้เป็นหัวหน้าและฝากฝังมารดาและพี่สาวตนต่อไป้หลงจากนั้น เลขาจวงจึงนำทั้งสองออกไป ทิ้งไว้แต่มือปราบยมฑูตที่หวังตี้อ๋องรั้งไว้ เพื่อสั่งการเป็นการส่วนตัว ทันทีที่ทั้งหมดจากไป หวังตี้อ๋องลงจากแท่นบัลลังก์ตรงมาที่มือปราบหนุ่มแห่งแดนนรก ก่อนยกมือตบไปที่ศรีษะของชายหนุ่มอย่างแรง
" เจ้าลูกบ้า... ครานี้สวรรค์เมตตาให้เจ้าทำคุณไถ่โทษ ขึ้นไปเมืองมนุษย์คราวนี้หากก่อเรื่องวุ่นวายเหมือนตอนที่ถูกส่งตัวไปแดนสวรรค์อีกล่ะก็ ต่อให้สิบบิดาเจ้าผู้นี้ก็ช่วยไว้ไม่ได้ จำใส่สมองขี้เลื่อยเจ้าไว้ด้วย"
" โถ่... ท่านพ่อ คราวนั้นข้าไม่ตั้งใจจะก่อเรื่อง ก็เจ้านั้นมาหาเรื่องข้าก่อนนี่ หาเรื่องข้าไม่ว่า ด่าฝากมาถึงท่านพ่อด้วยนา"
มือปราบหนุ่มรีบตรงเข้าไปเกาะแขนหวังตี้อ๋องทำทีประจบประแจง ที่แท้มือปราบยมฑูตผู้นี้คือ หวังเฉิน บุตรชายคนเดียวของอ๋องหวังตี้ ผู้เป็นใหญ่แห่งแดนนรกภูมิ ด้วยอายุพลังตบะแค่ สองหมื่นปี นับเทียบได้ ยี่สิบห้าปีอายุมนุษย์ถือว่ายังอยู่ในวัยหนุ่ม ต่างกับหวังตี้อ๋องที่มีอายุตบะสามแสนปี ตามหลัง เทียนตี้อ๋องผู้เป็นใหญ่ในแดนสวรรค์อยู่แค่ ห้าพันปี นับว่าตามหลังกันไม่มาก
" เจ้าไม่ต้องเอาข้ามาอ้าง อีกฝ่ายเป็นองค์รัชทายาทของเทียนตี้อ๋อง ให้เจ้าไปล้อเล่นได้รึไง มันก็สมควรให้เค้าว่าเจ้าได้ มีอย่างเรอะ ไปเจ้าชู้ใส่น้องสาวเค้า พี่ชายเค้าไม่โมโหก็แปลกล่ะ ดี ที่เจ้าแม่สวรรค์เมตตาให้เจ้าโดนทัณฑ์สวรรค์แค่ สิบเก้าครั้ง และให้กักบริเวณ ทัณฑ์สวรรค์สิบเก้าครั้งเป็นไง สลบไสลสิ้นเรี่ยวแรง ข้านี่ๆ เคยโดนสามสิบเก้าครั้งยังเฉยๆ โถ่.... "
" แฮะๆๆๆ ท่านพ่อแต่ที่ข้ารู้มา ท่านโดนไปสามสิบเก้าครั้ง นอนหยอดน้ำข้าวต้มอยู่ร่วมเดือน ถึงฟื้น จริงม่ะๆ "
หวังเฉินสวนกลับ
" เจ้า..... เจ้า ใครเล่าให้เจ้าฟัง เลขาจวงแน่ๆดีๆคราวหน้าถ้าเจ้าโดนอีก ข้าจะเสนอเลขาจวงให้โดนไปกับเจ้าด้วย "
หวังตี้อ๋องเอ่ยถึงตอนนี้ เลขาจวงที่แอบฟังอยู่ด้านนอกถึงกับสะดุ้ง
จากนั้น หวังตี้อ๋องเรียกเลขาจวงเข้ามาเพื่อแจงภาระกิจให้หวังเฉินรับทราบและกำชับให้ดูแลเฟิงอิงอย่าให้ก่อความวุ่นวาย เพราะหากผิดพลาดประการใด ทั้งแดนนรกภูมิต้องไม่พ้นร่วมกันรับผิดชอบเป็นแน่
เมื่อรับทราบภาระกิจแล้ว หวังเฉินจึงขอตัวเพื่อไปทำความรู้จักกับเพื่อนผู้ร่วมงาน และช่วยทั้งสองฝึกฝนให้รู้จักคุ้นเคยกับพลังวิญญาณตามที่หวังตี้อ๋องให้เวลาเจ็ดวันในแดนนรก
ผ่านไปห้าวันในแดนนรก เจียงสงถูกส่งไปเป็นยมฑูตฝึกหัดกับหน่วยรับวิญญาณ ไป้หลงทำความเข้าใจกับพลังวิญญาณโดยสามารถฟื้นพลังดาวพยัฆค์ขาวมาได้หลายส่วนจากการอยู่ในแดนนรกนำมาผสานใช้ร่วมกับพลังวัตรของตน จนวรยุทธก้าวหน้าถึงขั้นที่เจ็ด ส่วนเฟิงอิงเป็นที่ประหลาด พลังวิญญาณไม่สามารถวิเคราะห์ได้ว่ามีเท่าใด เพราะใช้ออกได้มั้งไม่ได้มั้ง ส่วนพลังวัตรต้องให้ไป้หลงชี้แนะบวกกับพรสวรรค์ที่มีอยู่เดิมจึงไต่ระดับมาได้ถึงขึ้นสี่ นับว่าก้าวหน้าอย่างน่าอัศจรรย์ เพียงแต่ยังดักดานในการใช้ออกซึ่งกระบวนท่า นำความหนักใจมาให้ทั้งไป้หลง และหวังเฉินพอสมควร
เรื่องที่กำลังดำเนินไปด้วยดี เหลือเพียงสองวันก็ถึงกำหนดเดินทางสู่แดนมนุษย์ เฟิงอิงก็ก่อเรื่องเข้าจนได้ วันหนึ่ง หลังการฝึกเฟิงอิงเดินพลัดหลงไปแดนต้องห้าม จนเจอต้นท้อสวรรค์ที่เจ้าแม่สวรรค์ฝากให้หวังตี้อ๋องนำมาปลูกเอาไว้อยู่ท่ามกลางสระมรกตรอบๆสระมรกตเต็มไปด้วยอัคคีมรกตแดนสวรรค์ แม้นแต่อ๋องหวังตี้ยังยากเข้าใกล้ แต่เฟิงอิงด้วยความอยากรู้อยากเห็น และเนื่องจากฝึกวรยุทธจนหิวโหยเห็นลูกท้อปลูกอยู่กลางสระจึงว่ายน้ำข้ามไปเด็ดกิน หารู้ไม่ อันท้อสวรรค์แห่งสระมรกตต้นนี้พันปีออกลูกเดียว และออกเพียงไม่กี่อึดใจเท่านั้น ช่างบังเอิญที่เฟิงอิงผ่านไปเห็น จึงคว้าใส่ปากอย่างสบายอารมย์ เมื่อว่ายน้ำกลับมา พบเลขาจวงและหวังตี้อ๋องยืนอ้าปากค้าง ด้วยไม่คิดว่าเจ้านี่จะทนทานต่ออัคคีมรกตได้ ความทราบถึงเจ้าแม่สวรรค์มีบัญชาสั่งการลงโทษเฟิงอิงรับทัณฑ์สวรรค์ สี่สิบเก้าครั้ง จนใจสุดท้ายหวังตี้อ๋องต้องรับบัญชาให้นำตัว เฟิงอิงไปยัง เสาอัสนีสวรรค์ เพื่อรับการลงทัญฑ์
ในระหว่างรอการลงทัญฑ์ ไป้หลงและหวังเฉินรู้สึกเป็นห่วงสหาย เข้าไปให้กำลังใจ หวังเฉินนั้นรู้ในรสชาตของทัญฑ์สวรรค์เป็นอย่างดีด้วยตนเป็นบุตรแห่งราชันย์นรกแท้ๆถูกลงทัญฑ์แค่ สิบเก้าครั้งยังสุดแสนจะทรมาน แต่นี่สหายเป็นเพียงแค่มนุษย์ธรรมดา พลัดหลงไปหยิบเข้าปากโดยมิได้ตั้งใจ แค่ผลไม้สวรรค์วิเศษแค่ผลเดียว สั่งลงทัญฑ์ถึงสี่สิบเก้าครั้งนับว่า สวรรค์ไร้ความปราณีอย่างแท้จริง
ทางด้านอ๋องหวังตี้และเลขาจวง ดูยมฑูตนำตัวเฟิงอิงไปพันธนาการกับเสาอัสนี ก็มีความคิดไม่ต่างกับบุตรชายเท่าไหร่ แต่โดยหน้าที่ทำให้ไม่อาจแสดงออกใดๆได้ ที่ผ่านมาทั้งสองแวะเวียนไปให้คำแนะนำเฟิงอิงบ้างเป็นครั้งคราวจึงรู้สึกเวทนาในชะตากรรมของมนุษย์ผู้นี้
" ใต้เท้า ข้าว่ามันแม่งๆอยู่นะขอรับ"
เลขาจวงกระซิบต่ออ๋องหวังตี้
" ข้าก็คิดเช่นนั้น ไหนเจ้าลองว่ามาซิ เจ้าคิดเหมือนข้ารึไม่"
อ๋องหวังตี้กระซิบเบาๆตอบกลับไป
" ประการแรก ดูเหมือนสวรรค์จะโหดร้ายผลไม้สวรรค์แค่ผลเดียวถึงกับตัดสินโทษตายเช่นนี้ นั่นแค่เพิ่งเริ่มนะขอรับ มองได้สองประเด็น ต้องการทำลายหลักฐาน การคงอยู่ผิดธรรมชาติของเจ้านี่ รึ กำลังทดสอบอะไรอยู่นี่ก็น่าสงสัย"
เลขาจวงตั้งประเด็นที่ตนสงสัยไว้
" อืม ข้าก็คิดเช่นนั้น ไหนว่าต่อซิ"
" ใต้เท้าคิดดู อยู่ๆเจ้าแม่สวรรค์นำผลไม้ต้องห้าม มาฝากให้พวกเราช่วยดูแล แล้วต้นไม้บ้านี่ใครก็เข้าใกล้ไม่ได้ด้วยแวดล้อมด้วยอัคคีมรกต นั่นยังไม่พอ พันปีออกผลแค่ครั้งเดียว ผลเดียว แป๊ปเดียว ทั้งข้าน้อยและท่านยังไม่เคยมีใครได้เห็นเลย ว่าเจ้าท้อสวรรค์นี่หน้าตาเป็นเช่นไร แต่เจ้านี่มาอยู่ไม่กี่วัน แค่เดินพลัดหลงไป แล้วเห็นเข้าพอดี ทั้งไฟอัคคีมรกตยังไม่สามารถทำอันตรายใดๆได้ คือ.... มันบังเอิญในความบังเอิญเกินไปมั้ยขอรับ "
อ๋องหวังตี้ไม่ตอบ เพียงยกมือลูบเครายาวที่ใต้คางช้าๆดูไปที่เสาอัสนีสวรรค์ บัดนี้ได้เวลาการลงทัณฑ์แล้ว
สายฟ้าอัสนีสายแรกฟาดเปรี้ยงไปที่ร่างเฟิงอิงที่มือสองข้างถูกพันธนาการไว้กับเสาอัสนี ครั้งแล้ว ครั้งเล่า ครั้งแล้ว ครั้งเล่า จนครบสี่สิบเก้าครั้ง
บริเวณเสาลงทัญฑ์เต็มฝุ่นควันแห่งการลงทัญฑ์ ทันทีที่ฝุ่นเหล่านั้นค่อยๆจางลง
"ตะ ตะ ใต้เท้าดูนั่น"
เลขาจวงชี้ให้อ๋องหวังตี้ดู ภาพที่ปรากฎอยู่เบื้องหน้า แทบไม่เชื่อสายตา
%%%%%%%%%%%%%%%%
โปรดติดตามตอนต่อไป
ขอบคุณครับ