"ข้าตายแล้วรึนี่"
แดนนรกภูมิ
บรรยากาศ ชวนให้ขนหัวลุก มีทั้งความหนาวเหน็บสุดขั้ว และความร้อนจากเปลวไฟอัคคีนรก ที่ร้อนแรงเหลือประมาณ แว่วเสียงสำเนียงกรีดร้องดังสะท้านมาเป็นระยะๆ และนี่ วังนรก แดนอเวจี สถานที่สุดท้าย ซึ่งพิพากษาเหล่าวิญญาณ ยามเมื่อหลุดพ้นจากพันธนาการของชีวิต ณ.ที่แห่งนี้จะเป็นเป้าหมายสุดท้าย สำหรับการตัดสินกรรมดี กรรมชั่ว เมื่อครั้งยังมีชีวิต กรรมดีรอการไปเกิดใหม่ รึไปเกิดยังภพภูมิที่สูงขึ้น กรรมชั่ว ก็จงชดใช้หนี้กรรมในนรกแห่งนี้ ทั้งนี้ยังต้องรอคำบัญชาจากสวรรค์ โดยผ่านทางเลขาจวง เลขาของราชันย์หวังตี้ประมุขดินแดนนรกภูมิ ผู้ถือสมุดทองบัญชีดีชั่วแห่งโลกวิญญาณ ทั้งยัง เป็นผู้เดินสารติดต่อแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างภพสวรรค์ ภพนรก
ยมฑูตได้นำพา สองวิญญาณมือปราบ ไป้หลง และเจียนสง เข้ารอรับการพิพากษาจาก อ๋องหวังตี้ แต่ ณ. เวลานี้กลับเพิ่มชายอีกผู้หนึ่ง ผู้ซึ่งผุดขึ้นจากแม่น้ำสุ่ยเปียนได้รับความช่วยเหลือจาก ยมฑูตผู้ล่องเรือและสองวิญญาณมือปราบ
หน้าแท่นบัลลังค์มีอ๋องหวังตี้หน้าตาดุดัน ดวงตาแดงดั่งเพลิงกัลป์ หนวดเครายาว รูปกายสูงใหญ่ดุจนักรบโบราณ ผู้เป็นจ้าวนรกแห่งนี้ ประทับเป็นประธานตัดสินคดี พิพากษาเหล่าวิญญาณมานับหมื่นปี เคียงข้างกัน คือ เลขาจวงหน้าเสียมตาคมดุจตาพญาเหยี่ยวหนวดเรียวยาวดั่งหนวดของกุ้งใส่หมวกทรงสูง ในมือขวายังคงถือไว้ซึ่ง ปากกาที่ทำจากขนวิหคพันปี มือซ้ายเกาะกุมอยู่ด้วยบัญชีสมุดสีทองเล่มใหญ่
" ผู้มาเป็นใคร"
เลขาจวงทำหน้าที่ไต่ถาม โดยมีหวังตี้อ๋องประทับเป็นประธาน
" ข้าน้อย ไป้หลง"
" ข้าน้อย เจียงสง ขอรับใต้เท้า"
สองมือปราบขานรับ แต่ อีกผู้หนึ่งแลดู ใบหน้ายังเยาว์อายุยี่สิบเศษ เครื่องแต่งกายประหลาด หันรีกันขวางไปมา ยังคงทำสีหน้างุนงงว่าตนโผล่มายังสถานที่ประหลาดอย่างนี้ได้เยี่ยงไร ครุ่นคิดไปมาครู่หนึ่งก่อนร้องตะโกนถามกลับไป
" เฮ้ย.... รู้แล้ว พวกคุณกำลังถ่ายทำหนังกันใช่มั้ยเนี้ย แหม อลังการณ์งานสร้างจริงๆ ตัวแสดง ฉาก เหมือนจริงมากๆ ว่าแต่ ผมแค่หลงทางมานะ แสดงไม่เก่งหรอกนะ ถึงหน้าตาดีใช้ได้ก็เหอะ ใครก็ได้บอกหน่อยได้มั้ย โรงถ่ายนี่ตั้งอยู่ที่ไหน ผมจะได้หาทางกลับถูก เผอิญผมตกเรือ จมน้ำ โผล่ขึ้นมาแถวนี้พอดี"
ชายหนุ่มผู้แต่งกายประหลาดร้องถามซ้ำยังใช้ถ้อยคำประหลาดอีกด้วย สร้างความงุนงง ให้แก่ สองมือปราบ และ อ๋องหวังตี้อีกรวมทั้งเลขาจวง
" เจ้าคนประหลาดนี่ พูดจาก็ยิ่งเลอะเลือน ถ่ายหนังบ้าบออะไรของเจ้า ที่แห่งนี้ คือดินแดนนรกภูมิ เจ้าตายไปแล้ว ตายไปแล้ว ก็ธรรมดาหล่ะนะ มีบ้างที่ตายโดยมิรู้ว่าตัวเองตาย เจ้าจงบอกชื่อเจ้ามาเดี๋ยวนี้......"
เลขาจวงถามกลับไป พลางหันมาสบตากับอ๋องหวังตี้ พร้อมเปิดสมุดบัญชีในมือขึ้นตรวจสอบ
" ห๊าาา... ที่นี่นะหรือนรก ไม่เอาน่า ผมบอกแล้ว ผมไม่เล่นหนัง ผมแสดงไม่เก่ง เหอะๆๆๆ... "
ผู้มาใหม่นั่งลงข้างๆสองมือปราบที่คุกเข่าเบื้องหน้าแท่นบัลลังก์อยู่ก่อนแล้ว เกาหัวแกร๊กๆอย่างมึนงง สงสัย จากนั้นนึกขึ้นได้ว่าตนเพิ่งถูกยิงที่อกด้านซ้ายแต่ไม่ตายเพราะตนมีหัวใจอยู่ด้านขวา จึงหันมาสำรวจร่างกายตนเองพบว่าที่หน้าอกด้านซ้ายไม่มีแม้นรอยกระสุนปืนถึงกับตกใจ มองสำรวจรอบๆบริเวณ ก่อนร้องขึ้นด้วยความตกใจ
" เฮ้ย... นี่ๆเราตายไปแล้วจริงๆเหรอ ไม่จริงอ่ะ เราไม่น่าตายจากกระสุนปืน รึว่าตายเพราะจมน้ำ แต่ จำได้เมื่อต่ะกี้เรารอดมาได้ ถูกพี่ชายสองคนเนี้ยช่วยขึ้นมาจากนี่ รึว่าๆ เราจมน้ำตาย ฮือๆๆทำไมเป็นเช่นนี้ไปได้ เรายังไม่มีเมียเลยน่าาา ฮือๆๆๆ"
แท้จริงแล้วคนผู้นี้คือเฟิงอิง นักฆ่าเงา ผู้ถูกหยุนกวง ทำทีเป็นลั่นกระสุนใส่นั่นเอง เจ้าตัวเมื่อรู้ว่าที่แห่งนี้คือนรกภูมิถึงกับคร่ำครวญในชะตากรรมของตนเอง เป็นนักฆ่าฆ่าคนมานับไม่ถ้วนแต่กลับเสียดายโอกาสตอนมีชีวิตยังไม่ทันได้มีเมีย แต่เหตุไฉน นรกภูมิแห่งนี้ถึงมีแต่คนแต่งกายชุดโบราณเช่นนี้
" ใช่แล้วที่นี่คือ ดินแดนนรกภูมิสถานที่ซึ่งพิพากษาเหล่าวิญญาณ เจ้ารู้ตัวก็ดีแล้ว ว่าไงบอกชื่อเจ้ามาได้รึยัง"
เสียงอันกังวาลและทรงอำนาจจากราชันย์แดนนรกหวังตี้อ๋องดังขึ้น
" เอาว่ะ ลงนรกยุคโบราณคงต้องใช้ภาษาโบราณสิน่ะ ดีนะเราดูหนังแนวนี้มาเยอะ" เฟิงอิงคิดในใจจึงตอบกลับไป
" เรียนใต้เท้าเปา ข้าน้อย เฟิงอิงขอรับ "
" ใต้เท้าเปา ใต้เท้าเปาคือผู้ใด เจ้านี่ยิ่งพูด ยิ่งเหมือนคนบ้า เลขาจวง ตรวจสอบบัญชีสมุดทองซิ มีชื่อเจ้านี่ในสมุดรึเปล่า"
หวังตี้อ๋องเอ่ยด้วยอารมย์หงุดหงิดร้องสั่งเลขาจวงให้เร่งหาข้อมูล ของชายหนุ่มผู้มีที่มาไม่ชัดเจน เลขาจวงรีบเปิดสมุดทองพลิกหน้าสมุดไปมา จนหวังตี้อ๋องต้องร้องเตือน
" ไฉนช้าป่านนี้ว่าไง ท่านเลขา.... "
" ร่ะ ร่ะ.. เรียนใต้เท้าคือว่า เออ คือว่า "
เลขาพูดเอ่ยตะกุกตะกัก ท่าทีลุกลี้ลุกลน จนหวังตี้อ๋องต้องเตือนเป็นครั้งที่สอง เลขาจวงจึงตรงไปกระซิบที่ข้างหู หวังตี๋อ๋อง ราชันย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งแดนนรกเลิกคิ้วหนาอยู่ครู่หนึ่งก่อนทำสีหน้าเป็นปรกติ จากนั้นกระซิบสั่งการเลขาจวงไปเบาๆให้ติดต่อฝ่ายข้อมูลยังแดนสวรรค์ และรายงานสองวิญญาณมือปราบ เลขาจวงรับคำสั่ง โบกปากกาขนวิหคพันปี ไปยังสมุดทองคราหนึ่ง ไม่นาน หน้าสมุดทองปรากฎรัศมีสีทองสว่างวาป มีม้วนสารประทัปครั่งฉบับหนึ่งปรากฎขึ้นมา เลขาจวงรีบนำไปให้ หวังตี้อ๋องเป็นผู้เปิดอ่าน
หวังตี้อ๋องอ่านสารจากสวรรค์อยู่ครู่หนึ่ง มองไปที่สองวิญญาณมือปราบ ลูบเคราใต้คางพิจารณาสารข้อความ จนมาถึง บรรทัดสุดท้ายถึงกับเลิกคิ้วสูง อ่านทวนไปมาอยู่หลายรอบ ก่อนส่งให้เลขาจวงอ่าน เลขาจวงรับสารสวรรค์มาอ่านแรกทีเดียวพยักหน้าอย่างเข้าใจในคำสั่ง แต่ จนถึง บรรทัดสุดท้าย ถึงกับตกใจ หันไปสบตากับหวังตี้อ๋องที่ฉงนไม่แพ้กัน เลขาจวงส่งคืนหนังสือให้แก่หวังตี้อ๋องจากนั้นเดินตรงเข้ามาหา เฟิงอิง ที่กำลังทำสีหน้างุนงง เลขาจวงโปกปากกาขนนกวิหคพันปีในมือไปที่เฟิงอิงคราหนึ่ง ปรากฎแสงรัศมีสีฟ้าครามแวปหนึ่งก่อนจางหายไป เลขาจวงรู้เช่นนั้นสีหน้าแปรเปลี่ยน ผลาเข้าไปกระซิบรายงานต่อหวังตี้อ๋อง
หวังตี้อ๋องรับฟังผลรายงานจากเลขาจวงจึงสั่งยมฑูตให้นำทั้งสามออกไปรอข้างนอก เพื่อรอการพิจารณาตัดสิน แต่เหตุผลหลักๆคือเพื่อต้องการหารือกับเลขาจวงเป็นการส่วนตัว
" เรียนใต้เท้า ตามที่ทางสวรรค์เบื้องบนส่งสารมา ไป้หลง คือดาวพยัฆค์ขาวสวรรค์ส่งมา เพื่อช่วยองค์ฮ่องเต้ของต้าหมิง ซึ่งแท้ที่จริงคือเทพไท้ฉิง ลงมาจุตินั่นเองขอรับ ภาระกิจเพื่อปราบกลียุคในแดนมนุษย์ที่จะเกิดในรอบพันปี ส่วนเจ้าตัวประหลาด เฟิงอิง ทั้งแดนนรกภูมิเรา และแดนสวรรค์ไม่มีข้อมูลของคนผู้นี้อยู่เลยว่ามีที่มาที่ไปจากที่ใดกันแน่ ดังนั้นจึงให้อยู่ในความดูแลของทางนรกเราไปก่อน จนกว่าจะสืบหาข้อมูลที่แท้จริงได้ "
เลขาจวงไล่เรียงลำดับเนื้อหาของสารจากสวรรค์
" อืม เรื่องนั่นข้าก็กำลังคิดอยู่ว่าควรทำประการใด แล้วเจ้าตัวประหลาดนั่นมีอะไรอีกรึไม่เห็นเจ้าร้อนรนถึงเพียงนี้ "
หวังตี้อ๋องถามกลับไปยังเลขาจวงที่ยังคงมีท่าที่ตกใจ หลังจากได้พิสูจน์เจ้าตัวประหลาดเฟิงอิงตามที่หวังตี้อ๋องกล่าวไว้
" เออ.... คือ... เออ ระ เรียนใต้เท้า เจ้าตัวประหลาดนั่น ไม่.... ไม่ใช่ สถานะวิญญาณขอรับ เจ้านั้น เป็นมนุษย์ขอรับ"
เลขาจวงรายงานไปด้วยน้ำเสียงแหบพร่า....
" ห๊าาาาา....!! ว่าไงนะ เจ้านั้น เป็นมนุษย์ "
%%%%%%%%%%%%%%%%
โปรดติดตามตอนต่อไป