สายน้ำแห่งยมโลก
ท่ามกลางความมืดของรัตติกาล เป็นความมืดที่มืดมิดอย่างไร้แสงสว่างแม้นเพียงแสงอันน้อยนิดของหิ่งห้อย ณ.ที่แห่งนี้ ยังมีสายน้ำที่ทอดตัวยาวในความมืด ดูเสมือนว่าเป็นสายน้ำที่ไร้จุดสิ้นสุดของสายน้ำ นิ่งสงบราบเรียบไร้แม้นริ้วรอยของระรอกคลื่น ไม่นาน เสียงของบางสิ่งค่อยๆดังแว่วใกล้เข้ามา เสียงแหวกของสายน้ำ ฟังดูเชื่องช้าแต่มั่นคง ไม่นานก็เห็นแสงริบหรี่ของตะเกียง แสงตะเกียงทำให้เห็นเรือน้อย ในลำเรือ มีเงาคน นับจำนวนได้ สามคน ตะเกียงถูกถือไว้ในมือคนผู้หนึ่ง ที่ยืนนิ่งสงบอยู่ที่ท้ายเรือ คนผู้นี้ใส่หมวกดำปิดคลุมด้วยชุดทำไปทั้งตัว แม้นในมือจะถือตะเกียงก็ยากที่จะเห็นใบหน้าคนผู้นี้ได้ชัดเจน แต่ คนอีกสองคนที่นั่งในลำเรือ หนึ่งคือ เจียงสงมือปราบคนสนิท หัวหน้ามือปราบไป้หลง ที่ใช้ร่างตนรับลูกธนูให้ผู้เป็นหัวหน้า ฉะนั้นแล้วอีกคนจะเป็นใครไปมิได้นอกซ่ะจาก หัวหน้ามือปราบไป้หลงนั่นเอง แต่ เหตุไฉนคนทั้งคู่ถึงยังมีชีวิต ทั้งยังโดยสารมาในเรือลำน้อยแล่นมาในแม่น้ำที่เงียบสงบในยามราตรีที่มืดสนิทแห่งนี้ ยังมีชายผู้ซึ่งยืนถือตะเกียงอยู่ทางท้ายเรือ ที่แปลกประหลาดพิสดารกว่านั้น เรือลำนี้เคลื่อนที่ไปได้เองโดยไร้ผู้ใดเป็นผู้ทำให้เรือเคลื่อนที่
ใช่แล้วนี่คือเรือที่นำพา วิญญาณไปยังโลกหลังความตายหรือยมโลก ภพที่แม้นปีศาจรึมารยังเกรงกลัว ด้วยอำนาจแห่งหวังตี้อ๋อง ยมราชผู้เป็นใหญ่แห่งแดนนรกภูมิแห่งนี้ แม้นเทพเซียนยังต้องให้ความเกรงใจอยู่หลายส่วน
และนี่คือ แม่น้ำสุ่นเปียน แม่น้ำแห่งยมโลก แม่น้ำที่จะนำพาทุกสรรพชีวิตเมื่อก้าวเข้าสู่โลกหลังความตาย ต้องนั่งเรือล่องแม่น้ำสุ่นเปียน เพื่อเข้าสู่กระบวนการพิพากษาตัดสิน กรรมดี กรรมชั่ว จากหวังตี้อ๋อง ราชันย์แห่งยมโลก
เจียงสงสายตาเลื่อนลอยไร้จุดหมาย
มีเพียง หัวหน้ามือปราบไป้หลง แม้นเป็นวิญญาณแต่ยังมีสายตาที่แน่วแน่ บุคลิกมั่นคงดุจขุนเขา พร้อมเผชิญ การพิพากษาจากยมโลก เรือลำน้อยแล่นมาได้ครู่หนึ่งก็เห็น ประตูนรกภูมิอันกว้างใหญ่ไพศาลขวางกั้นกลางแม่น้ำสุ่ยเจียน เหนือประตูมีอักษรเขียนไว้
" ประตูแห่งยมโลก
ทำดี ทำชั่ว อยู่ที่ตัวทำ ไร้กรรม คือว่างเปล่า"
" ท่านหัวหน้า ข่ะ ข้ากลัว....."
เจียงสงครางออกมาเบาๆด้วยบรรยากาศแห่งนี้ชวนให้ขนหัวลุกซ่ะนี่กระไร
" เจียงสง หากที่ผ่านมาเจ้ายึดมั่น ในความดี ปฎิบัติดี ปฏิบัติชอบ ก็อย่าได้เกรงกลัวสิ่งใด นรกภูมิก็คือสถานที่ๆพวกเราทุกคนล้วนมิอาจหนีพ้น ตัดสินดี ชั่ว ของทุกสรรพชีวิต เมื่อเหลือเพียงวิญญาณ"
หัวหน้ามือปราบไป้หลงปลอบลูกน้องตนเบาๆ
" ขอรับ ท่านหัวหน้า ข้าเป็นห่วงท่านแม่ และท่านพี่ ขาดข้า ทั้งสองคนจะอยู่ได้เยี่ยงไร "
เจียงสงกล่าวพลางสะอื้นขึ้นเบาเป็นที่เวทนาแก่ไป้หลงยิ่งนัก เจียงสงผู้นี้ตนเป็นผู้คัดเลือกเข้ามา ด้วยเห็นเป็นคนซื่อสัตย์มั่นคง ฝีมือดี แต่ กลับมาต้องสิ้นชีพเป็นเพราะต้องการช่วยตนโดยแท้ ตนเอง แม้นปล่อยวางไปได้ส่วนหนึ่ง เนื่องจากอยู่ตัวคนเดียว ไร้ซึ่งครอบครัวให้ห่วงหาข้างหลัง แต่ยังคงอดที่จะห่วงหน้าที่การงาน ที่ได้รับมอบจากองค์ฮ่องเต้มิได้ ข้อมูลสำคัญต้องมาตายไปพร้อมกับตนหรอกหรือนี่
ทั้งสองตกอยู่ในพะวงอยู่ครู่หนึ่ง ก็มีเสียงของผู้ที่ถือตะเกียง ดังแว่วขึ้นมา
" ที่เห็นนั่น คือ ประตูแห่งยมโลก จุดหมายปลายทางสุดท้ายของแม่น้ำสุ่ยเปียนพวกเจ้า เมื่ออยู่ต่อหน้า ท่านอ๋องหวังตี้ จงสำรวมกิริยา"
ผู้อยู่ในชุดคลุมดำเอ่ยเตือนขึ้นมา ทั้งคู่รับคำ เพราะรู้ว่าไม่ควรไปตอแยคนผู้นี้ ยมฑูตผู้นำพาเหล่าวิญญาณล่องสู่แม่น้ำสุ่ยเปียนแห่งแดนนรกนั่นเอง
แต่ ก่อนที่เรือน้อยจะเข้าสู่ประตูแห่งแดนนรกภูมิ ที่ค่อยๆเปิดอ่ารับคนทั้งสาม เข้าไป พลัน กราบเรือเอียงวูป สร้างความตกใจและประหลาดใจแก่วิญญาณผู้มาใหม่ทั้งสอง โดยเฉพาะยมฑูตผู้ถือตะเกียง ด้วยตน ทำหน้าที่นำพาวิญญาณล่องแม่น้ำสุ่ยเปียนมาหลายร้อยปี หาได้เคยเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ไม่
ภายใต้แม่น้ำสุ่ยเปียนหาใช่ที่ซึ่งสิ่งมีชีวิตใดๆจะอยู่อาศัยได้ แม้แต่วิญญาณหลังความตายหากพลัดตกลงสู่แม่น้ำสุ่ยเปียนนี้แล้ว ก็จะมิอาจหาทางออกหลงวนเวียนอยู่ในสายธารแม่น้ำนรกภูมิแห่งนี้ วิญญาณต้องดับสูญสลาย มิได้ผุดได้เกิดอีกต่อไป
เหตุเรือเอียงยังไม่เท่าไหร่ แต่ทันใดน้ำ มีมือข้างหนึ่งโผล่ขึ้นมาจากใต้น้ำ ตรงเข้ามาเกาะที่กราบเรือ
" เฮ้ย......!!??"
หนึ่งยมฑูต สองวิญญาณผู้มาใหม่ร้องขึ้นพร้อมกัน
%%%%%%%%%%%%%%%%%%
โปรดติดตามตอนต่อไป....
ขอบคุณครับ