ตอนที่ 3 เจ้าของร้าน
“พ่อครับ หยกไปไหนครับผมไม่เห็นตั้งแต่เช้า” เสือเดินรอบบ้านไปแล้วหลายรอบยังไม่เห็นภรรยา ด้วยความสงสัยจึงเดินเข้ามาถามพ่อตาที่พึงกลับมาจากไร่อ้อย
“ออกไปดูร้านตั้งแต่เช้าแล้ว”
“ร้าน?” เสือมีคำถามในใจ เขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับภรรยาของตัวเองสักอย่าง
“ก็ร้านคาเฟ่ที่ตีนเขานั้นไง กูถามมึงจริงเถอะ มึงรู้อะไรเกี่ยวกับลูกสาวกูบ้าง หรือทำไปเพราะหน้าที่เท่านั้น” มานพอดไม่ได้ที่จะถามลูกเขยจำยอมที่ต้องจำใจรับมาเป็นเขย
“ผมกำลังเรียนรู้ไงครับ งั้นผมไปหาหยกก่อนนะครับ” เขายกมือขึ้นไหว้แล้วรีบตรงไปขึ้นรถยนต์ของตนเอง เสือยิ้มเล็กน้อยเพราะเขาอยากออกมาจากบ้านตั้งแต่เช้าแต่ยังหาโอกาสไม่ได้
รถยนต์ของเสือจอดนิ่งที่หน้าคาเฟ่ร้านดังในแถวปากช่อง ซึ่งเป็นคาเฟ่ที่บรรยากาศดีมากคนผ่านไปมาต่างแวะถ่ายรูปเพราะที่ร้านจัดแต่งเป็นพื้นที่เช็กอินสำหรับนักท่องเที่ยวที่ผ่านไปมา และแน่นอนว่าพื้นที่จอดรถแทบจะไม่มีที่จอดคงเป็นเพราะวันนี้เป็นวันหยุดชดเชย
ชายหนุ่มเดินขึ้นบันไดมาช้า ๆ สำรวจบรรยากาศโดยรอบเขารู้สึกพอใจ แต่ไม่รู้ว่าเจ้าของที่นี่เป็นใครภรรยาของเขาคงทำงานเป็นลูกจ้างที่คาเฟ่แห่งนี้ เขามาที่นี่จะรบกวนเธอหรือเปล่า แต่คงไม่เป็นอะไรเพราะเขามาในฐานะลูกค้า
“รับอะไรดีคะ” เสียงหวานที่คุ้นหูดังขึ้น ก่อนที่ใบหยกจะเบิกตากว้าง “พี่มาอยู่ที่นี่ได้ยังไงคะ”
“ถามพ่อ พ่อบอกว่าเธออยู่ที่นี่ พึ่งแต่งงานไม่ลาหยุดหน่อยเหรอ” เขาเอ่ยก่อนที่จะสั่งเครื่องดื่มให้กับตัวเอง
“ทานข้าวมาหรือยังคะ” เธอถามด้วยความเป็นห่วงไม่รู้ว่าเสือจะได้ทานข้าวมาหรือยัง เพราะที่บ้านอาหารเช้าคือเจ็ดโมงหากตื่นสายจะไม่เหลือของกินเอาไว้ให้
“ยัง ที่นี่มีอะไรกินบ้าง” เขามองเมนูที่อยู่ในกระดานด้านหลังเหนือศีรษะของใบหยก
“เดี๋ยวหยกจัดการให้ค่ะ เอาอันนี้ดีไหมรอไม่นาน” เธอยิ้มก่อนที่เขาจะพยักหน้าแล้วเดินไปหาที่นั่ง
รอไม่นานอาหารและเครื่องดื่มถูกจัดเสิร์ฟ ใบหยกยิ้มแล้วนั่งลงตรงกันข้าม เสือมองสบตากับเธอก่อนที่เขาจะนิ่งอยู่นาน เพราะตอนนี้เขากำลังตั้งคำถามไม่รู้จะถามเธอออกไปดีไหม
“มีอะไรหรือเปล่าคะ”
“มานั่งตรงนี้เจ้าของร้านจะไม่ว่าเหรอ? ไปทำงานเถอะกินเสร็จแล้วพี่ก็จะไป พอดีจะเข้าไปดูงานที่โรงงานหน่อย” คำถามของเขาจบลง รอยยิ้มขำของหญิงสาวตรงหน้าก็ปรากฏขึ้น
“เจ้าของร้านไม่ว่าหรอกค่ะ”
“?” เสือไม่เข้าใจคำตอบของเธอ “เจ้าของร้านใจดีจังนะ ถ้าใจดีก็ควรให้คนพึ่งแต่งงานได้นอนตื่นสายบ้าง”
“เจ้าของร้านใจดีมากค่ะ แต่วันนี้เป็นวันหยุดยาวลูกค้าเยอะหยกก็เลยต้องเข้ามาช่วยที่ร้านนะคะ ถ้าวันปกติก็ไม่ต้องมาก็ได้ พรุ่งนี้ไม่มาก็ได้ค่ะ” เธอยังคงยิ้ม
“ที่จริงถ้าลาหยุดก็ไม่จำเป็นต้องมาไม่ใช่เหรอ แบบนี้เขาเรียกเอาเปรียบลูกจ้างนะ” เสือยังพูดต่อ เขายกแก้วกาแฟดำขึ้นดื่มมองอาหารตรงหน้าที่ถูกจัดแต่งจานมาอย่างดีแล้วอดชมคนทำไม่ได้
“ชิมดูหน่อยดีไหม แซนด์วิชง่าย ๆ หยกทำสุดฝีมือเลยนะคะไม่รู้ว่าพี่เสือจะชอบไหม”
“ทำเองเลยเหรอ ทำตำแหน่งเชฟด้วยเหรอ?” เขาหยิบอาหารขึ้นมาชิม ก่อนที่จะพยักหน้าชมว่าอร่อย “รสชาติดี ผักที่ใส่มาสดมาก”
“ผักสดเราเอามาจากสวนของชาวบ้านค่ะ ส่งสดใหม่ทุกวันค่ะ ปลอดสารด้วยนะคะ” เธอพรีเซนต์อาหารจากนี้ให้ฟังนานหลายนาที นั่งคุยจนกระทั่งเสือทานอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว
“ถามอีกรอบ มานั่งแบบนี้เจ้าของร้านจะไม่ว่าอะไรเหรอ?” เขารู้สึกไม่ดีที่ดึงตัวของใบหยกเอาไว้ ต่อให้เจ้าของร้านใจดีก็ไม่ควรทำ
“วันนี้พี่เข้าไปโรงงานนานไหมคะ” ใบหยกเปลี่ยนเรื่องคุย
“เข้าไปดูงานสักบ่ายสามก็คงกลับ แล้วเธอเลิกงานกี่โมงจะให้แวะรับด้วยไหมจะได้เข้าบ้านพร้อมกัน”
“เลิกงานตอนนี้เลยค่ะ หยกขอเข้าไปดูโรงงานของพี่เสือด้วยได้ไหมคะ” เธอขออนุญาตเขาก่อน เพราะไม่อยากมัดมือชกให้เสือลำบากใจ ชายหนุ่มพยักหน้าก่อนที่ทั้งสองจะเดินออกจากคาเฟ่พร้อมกัน
“คาเฟ่นี้มีมานานแล้วเหรอ” ในขณะที่เขากำลังถอยรถออกถนนใหญ่ สายตามองเห็นจุดนั่งชมวิวด้านข้างคาเฟ่ “ทำออกมาได้ดีทีเดียว ดึงนักท่องเที่ยวที่เดินทางผ่านได้ดีเลยนะ”
“เปิดมาสามปีแล้วค่ะ แต่ก่อนเป็นแผงขายของฝากนะคะ เจ้าของที่ประกาศขายพ่อก็เลยซื้อเอาไว้นะคะ ทิ้งร้างมาหลายปีไม่ได้ทำอะไรหยกเลยลองมาเปิดคาเฟ่นะคะ”
“อะไรนะ! ที่นี่ของหยกเหรอ!” เขาอุทานออกมาด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าคนอย่างใบหยกจะสามารถทำธุรกิจเช่นนี้ได้ ดูจากภายนอกเธอเป็นคนที่อ่อนต่อโลกเหมือนกับถูกเลี้ยงมาแบบไข่ในหิน
“ตกใจมากเหรอคะ” เธอหัวเราะขำ “หยกบอกแล้วไงคะ ว่าหยกเลี้ยงตัวเองได้ไม่ต้องให้พี่เสือมาเลี้ยงหยกหรอก”
“ยอมรับว่าตกใจ ใครจะคิดว่าหยกจะเป็นเจ้าของคาเฟ่” เขาพูดเสียงเบาในประโยคท้าย ตอนนี้เขาต้องมองพ่อตาของเขาใหม่อีกแล้ว แค่รู้ว่าพ่อตามีที่ดินมากมายก็ตกใจมากแล้ว ยังมาเจอใบหยกที่เปิดร้านคาเฟ่ยิ่งทำให้เขาตกใจเข้าไปใหญ่ แล้วจะมีอะไรที่ทำให้เขาตกใจได้มากกว่านี้ไหม
“หยกแค่เป็นเจ้าของคาเฟ่ ถ้าได้ฟังเรื่องพี่สาวหยกจะไม่ตกใจมากกว่าเหรอคะ” เธอหันหน้าไปมองใบหน้าของเสือที่เอาแต่จ้องมองทาง เพราะต้องใช้สมาธิในการขับรถเนื่องจากถนนที่คดเคี้ยว
“พี่สาวเธอก็เป็นสัตวแพทย์ที่ไร่ไอ้ชาติไม่ใช่เหรอ” เขารู้เรื่องใบตองผ่านทางเพื่อนเพียงเท่านี้
“ก็ใช่ค่ะ”
“แล้วมีอะไรให้ต้องตกใจ? หรือว่าพี่สาวเธอเป็นเจ้าของที่ทั้งหมดในปากช่อง” เขาพูดล้อเล่นกับใบหยก ใช้เพียงหางตามองใบหน้าของเธอที่เอาแต่อมยิ้ม “ตอบมาสิ”
“พี่ตองไม่ได้เป็นเจ้าของที่หรอกค่ะ ก็แค่...พี่เห็นฟาร์มโคนมตรงทางเข้าหมู่บ้านไหมคะ”
“อืม” เขาขานรับในลำคอ
“ก็นั้นฟาร์มโคพี่ตองไงคะ มีโคนมหลายร้อนตัวเลยนะคะ พี่ตองเก่งมากเลยค่ะ ตอนแรกพ่อค้านหัวชนฝาว่าไปไม่รอดหรอกให้พี่ลองเอาโคนมมาเลี้ยงก่อนสามตัว” เธอทั้งคุยและหัวเราะเมื่อนึกถึงเรื่องวันวานที่เคยไปเลี้ยงโคนมช่วยพี่สาว
“ผู้หญิงตัวเล็ก แบบนั้นทำฟาร์มโคน่าเหลือเชื่อจริง ๆ” เขาไม่รู้มาก่อนว่าใบตองจะเก่งมากขนาดนี้ แล้วทำไมเธอถึงได้ไปเป็นสัตวแพทย์ที่ไร่ของสุชาติได้
“เห็นไหมคะ ว่าพี่ตองเก่งกว่าหยกเป็นไหน ๆ คาเฟ่ก็แค่ธุรกิจเล็ก ๆ เองนะคะ” เธอยิ้ม
“ถึงธุรกิจจะเล็กแต่รายได้ดีก็โอเคแล้ว เธอก็เก่งมากเหมือนกัน” เขาเอ่ยชมใบหยก ไม่ว่าจะทำอะไรถ้าหากมันสำเร็จก็คือคนที่เก่งมากแล้ว
“รายได้ดีมากจริงค่ะ ตอนนี้คงได้กำไรเล็กน้อยเพราะเมื่อก่อนร้านไม่ได้ขายดีเหมือนกับตอนนี้ กว่าหยกจะจับทางลูกค้าได้ก็หมดตังที่เก็บไปเยอะมากเลยค่ะ” เธอยิ้มอีกครั้ง
“เงินเก็บเหรอ?” เขาถามเสียงเบา ไม่รู้ว่าต้องมีเงินเก็บมากแค่ไหนถึงขับเคลื่อนธุรกิจคาเฟ่ที่เคยขาดทุนจนกระทั่งมีกำไร
“เงินเก็บที่ได้จากการทำงานตอนไปเรียนที่ต่างประเทศค่ะ” เธอเล่าต่อ นี้ก็เป็นอีกเรื่องที่เขาไม่เคยรู้มาก่อน คนอย่างใบหยกนะเหรอจะทำงานไม่อยากจะเชื่อนัก แต่คนเรามองเพียงภายนอกไม่ได้จริง ๆ
“ไปเรียนกี่ปี ทำไมถึงอยากไปเรียนต่างประเทศ”
“ไปตั้งแต่จบมอหกค่ะ ก็แค่อยากไปเรียนภาษาช่วงหยุดฤดูร้อน แต่อยู่ไปอยู่มาเพื่อนที่ไปด้วยกันเขามีญาติอยู่ที่นั่นแล้วชวนให้ไปช่วยงานในครัว เงินดีมากเลยนะคะ แค่ล้างจานก็ได้เงินเกือบ ๆ สองพันบาทต่อวันแล้วค่ะ” เธอยังคงพูดพร้อมรอยยิ้ม
“ติดใจอาชีพล้างจานจนมีเงินเก็บน่าเหลือเชื่อ” เขาพูดแล้วหัวเราะไม่ต่างจากใบหยก