บท
ตั้งค่า

๑ ความสำเร็จ (๒)

แล้วจะไม่ให้อติกานต์เป็นความหวังของครอบครัวได้อย่างไร...

“อ้าวกระต่าย มาหาพี่ปลื้มเหรอ” จอดรถจักรยานไว้ด้านข้าง แล้วเดินเข้าทางหน้าร้าน ดันเจอรุ่นน้องคนสนิทของอติกานต์อย่างปอม หรือปอมน สุขจิต

“ใช่จ้ะ พี่ปลื้มอยู่ในบ้านหรือเปล่า” เธอยิ้มแล้วถามหาเขาทันที หายใจหอบเหนื่อยจากการเร่งปั่นจักรยานสุดแรง

“อยู่สิ เข้าไปหาเลย” เท้าเรียวกำลังจะก้าวไปหลังร้าน แต่ร่างหนาก็ปรากฏกายพร้อมดึงมือหล่อนให้เดินตามไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ สร้างความสงสัยแก่หญิงสาวเป็นอย่างมากจนต้องร้องเสียงหลง พลางเอ่ยถามเขาไม่หยุด

“อ้าวพี่ปลื้ม...เดี๋ยวๆ จะพาต่ายไปไหนเนี่ย พี่ปลื้มตอบมาก่อน” มาถึงรถมอเตอร์ไซค์คันโปรดของเขา หมวกกันน็อคก็ถูกยื่นมาตรงหน้าพร้อมใบหน้าคมที่เรียบเฉย เธอจึงเดาเองว่าเขาอาจจะสอบไม่ติดหรือเปล่า

ปากหยักเม้มเป็นเส้นตรง ไม่กล้าเอ่ยเอื้อนวาจาออกมาสักคำ กลัวว่าจะไปกระทบจิตใจของชายหนุ่ม จึงได้ยอมนั่งซ้อนท้ายเขา แม้ไม่รู้ว่าจุดหมายคือที่ใดก็ตาม

ขับออกจากหมู่บ้านแล้วเลี้ยวไปยังถนนใหญ่ที่มีรถราวิ่งสวนเต็มไปหมด จากนั้นจึงข้ามถนนเพื่อจะได้ไปอีกหมู่บ้านที่อยู่ใกล้กัน ซึ่งเป็นเหมือนที่ประจำของพวกเธอในการทอดสายตามองอ่างเก็บน้ำที่มีต้นหูกวางขนาดใหญ่แผ่กิ่งก้านให้ร่มเงา

จอดรถจักรยานยนต์ไว้ข้างทาง จากนั้นจึงถอดหมวกกันน็อคออกค่อยเดินมานั่งลงตรงผืนหญ้ากว้าง ยามเที่ยงแดดแรงแต่ก็มีลมพัดเอื่อยไม่ร้อนจนเกินไป หล่อนมองร่างหนาที่เดินไปทอดกายนั่งมองอ่างเก็บน้ำด้วยแววตานิ่ง

มือบางกระชับเสื้อแขนยาวแล้วค่อยเดินตามไปนั่งลงข้างเขา หล่อนไม่กล้าพูดอะไรเลยสักคำ ไม่รู้ว่าควรใช้คำพูดอย่างไรในการปลอบเพราะรู้ดีว่าเขาอ่านหนังสือหนักมากแค่ไหน สิ่งที่ทำได้ก็คงมีแค่เอื้อมมือไปจับมือหนาเอาไว้ กระชับให้แน่นกว่าเดิมพลางยิ้มเพื่อเป็นกำลังใจ

รอบโค้วต้าไม่ได้ ใช่ว่ารอบต่อไปจะไม่ได้สักหน่อย...

“พี่สอบผ่านแหละ” ความเงียบที่ปกคลุมถูกทำลายด้วยประโยคเดียวของเขา หล่อนหันขวับไปมองร่างหนา เผยอปากค้างอย่างนั้นหลายนาที พยายามประมวลผลว่าที่อีกฝ่ายพูดหมายความว่าอย่างไร

สอบผ่าน...เขาสอบติดมหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ อย่างนั้นหรือเปล่า ถ้าผ่านทำไมถึงต้องนั่งหน้าเศร้า

“อะไรนะ! พี่สอบผ่านแล้วทำไมทำหน้าเศร้าล่ะ อย่าบอกนะว่ากำลังแกล้งต่าย นี่แหนะ นี่แหนะ” อติกานต์มองหน้าคนรักแล้วกลั้นขำไว้ไม่อยู่ ตนไม่นึกว่าเธอจะตกใจจนอ้าปากค้าง จากนั้นจึงกระหน่ำตีเข้าที่แขนหนา ทุบจนต้องจับมือบางเอาไว้ทั้งสองข้าง

คิดว่าตัวเองเป็นกระสอบทรายของเธอแล้วเสียอีก เห็นทุบเอาทุบเอาราวกับไม่ใช่คนที่มีเลือดเนื้อ มือหนักไม่เปลี่ยนเลยผู้หญิงคนนี้

“โอ๊ย ไม่ใช่ อย่าเพิ่งตีสิ เจ็บ มันเจ็บนะ” กอบกุมมือเล็กเอาไว้ทั้งสองข้าง ส่งเสียงโอดครวญเพื่อขอความเห็นใจแต่หล่อนก็ไม่สนใจสักนิด

เรื่องอะไรมาหลอกกันล่ะ...

“เจ็บสิดี คนอุตส่าห์เป็นห่วง” ทำหน้าบึ้งพลางหันหนีไปทางอื่นไม่ต้องการมองใบหน้าคมที่ตอนนี้ยิ้มกว้างมีความสุข คงดีใจที่สามารถหลอกเธอให้เชื่อโดยสนิทใจ

“พี่ดีใจที่สอบติดแล้ว แต่ที่พี่เศร้าเพราะเหลือเวลาอยู่กับต่ายอีกไม่นานต่างหาก...” เขาขยับเข้าไปใกล้หล่อนแล้วเอียงศีรษะเพื่อเป็นการซบที่ไหล่เล็ก ยังคงจับมือหญิงสาวไว้อย่างนั้นไม่ยอมปล่อย ใช้ลูกอ้อนที่ตนถนัดเพื่อให้คนรักใจอ่อน

แต่ความเศร้ามันก็มาพร้อมกับความดีใจ...เมื่อคิดว่าต้องจากกับลัลนาแล้วได้เจอเดือนล่ะครั้ง หัวใจก็ห่อเหี่ยวแล้ว

“เหลือเวลาอีกตั้งหลายเดือนกว่าพี่จะได้ไป ถือว่าพี่ไปดูลาดเลาไว้ให้ต่าย...เดี๋ยวอีกสองปีต่ายจะสอบเข้ามหา’ลัยเดียวกับพี่ ไปเป็นรุ่นน้องของพี่ดีไหม” ความโกรธคลายลงเร็วเปลี่ยนเป็นพูดปลอบถึงตนจะใจหายเช่นเดียวกัน

เขาคือคนที่ทำให้เธอเคยชินกับสภาพแวดล้อมใหม่ เป็นทั้งแฟนและเพื่อนคนแรกในสถานที่อันไม่คุ้นเคย การจากลาของพวกเราจึงเหมือนสิ่งที่ไม่อยากให้เกิดขึ้น

ถึงรู้ว่าจะได้เจอกัน แต่มันก็ไม่เหมือนเห็นหน้าตลอด...

“พูดจริงหรือเปล่า ห้ามหลอกนะ” รีบเด้งตัวเพื่อสบดวงตากลม มุมปากยกยิ้มทั้งสองข้างอย่างดีใจ เขาหวังให้เธอสอบเข้ามหาวิทยาลัยเดียวกัน

“ไม่หลอก...ต่ายจะพยายามอ่านหนังสือ ขยันให้มากกว่านี้แล้วสอบเข้าที่เดียวกับพี่ ช่วยรอต่ายหน่อยได้ไหม” ถึงเธอจะเป็นคนหัวไม่ดีเท่าไหร่ แต่การพยายามอ่านหนังสือจนสอบเข้าโรงเรียนมัธยมศึกษาประจำจังหวัดได้ มันก็เป็นการการันตีได้แล้วว่าเราต้องขยัน

หากหล่อนตั้งใจอ่านหนังสือเพื่อเข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำ เพื่อจะได้อยู่กับเขาก็คงทำได้เหมือนกัน...สงสัยต้องเริ่มตั้งแต่ตอนนี้เสียแล้ว

“พี่จะรอเจอต่าย...ที่มหา’ลัยของเรา” จ้องแววตาคมที่มีร่องรอยแห่งการรอคอย เธอตัดสินใจทันทีว่าจะต้องเป็นรุ่นน้องร่วมโรงเรียน และรุ่นน้องร่วมมหาวิทยาลัยเขาให้จงได้

เส้นทางข้างหน้าของเรา ควรจะเดินเคียงข้างกัน...

สอบเสร็จวันสุดท้าย บอกลาวัยเรียนมัธยมของอติกานต์อย่างเป็นทางการ เขาจึงพาหล่อนซ้อนรถมอเตอร์ไซค์มายังอ่างเก็บน้ำซึ่งเป็นที่ประจำของพวกเรา ไม่ค่อยมีคนผ่านทั้งยังมีร่มเงาให้นั่งเล่นมองน้ำ จะเอนกายนอนพักสายตาก็ได้

รอบข้างเต็มไปด้วยผืนหญ้าตัดเรียบเสมอกัน เป็นเขาเองที่มาทำความสะอาดกับลัลนาเพื่อบุกเบิกพื้นที่ ไม่รู้ว่าที่ผืนนี้เป็นของใคร แต่ชายหนุ่มตั้งใจว่าหากมีเงินก้อนจะมาขอซื้อที่ตรงนี้เพื่อสร้างบ้านพักหลังเล็กกับหล่อน

ไว้นั่งเล่นมองพระอาทิตย์ขึ้นหรือจิบกาแฟช่วงเช้า มันอาจจะดูฝันเฟื่องไปหน่อย แต่เขาก็คิดว่ามันอาจเป็นจริงในสักวัน

“เราไม่ได้จะกลับบ้านกันเหรอ พี่พาต่ายมาที่นี่ทำไม” นั่งลงใต้ต้นหูกวางที่เดิม แล้วถอดกระเป๋าสะพายมาวางไว้ข้างกายตนเอง เธอโล่งที่การสอบผ่านไป แต่แค่คิดว่าอีกสามเดือนข้างหน้าอติกานต์ต้องไปอยู่ที่อื่นก็อดวูบโหวงไม่ได้

หล่อนชินกับการมีเขาอยู่ข้างกายไปแล้ว...

“พี่จะไปอยู่ไกลก็ต้องมีของแทนใจไว้ให้หน่อยสิ นี่เป็นปีเกิดของต่าย...รูปกระต่าย ส่วนนี่เป็นปีเกิดของพี่...รูปวัว”

“เราจะแลกกันใส่แล้ววันที่ต่ายเข้ามหาวิทยาลัยเดียวกับพี่ได้ พี่ก็จะให้สร้อยกระต่าย ส่วนพี่ก็จะได้สร้อยรูปวัว เป็นไง ไอเดียดีหรือเปล่า” ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงของตน แล้วหยิบสร้อยเงินออกมายื่นไปตรงหน้าหล่อนทั้งสองเส้น

ดวงตากลมมองเห็นจี้ทองรูปกระต่าย กับจี้ทองรูปวัวก็นึกชอบทันที ตนหยิบจี้รูปวัวมาถือเอาไว้พลางจดจ้องอย่างนั้น ไม่ปิดบังแววตาเป็นประกาย บ่งบอกว่าชอบมากเพียงใดจนคนให้ต้องยิ้มตาม ถือว่าเขาทำสำเร็จในการเลือกของแทนใจ

“ดีค่ะ...สร้อยซื้อจากไหนสวยจังเลย”

“ขอจากร้านทองของอาม่า...ราคาแพงมากนะห้ามทำหาย” กระซิบบอกหล่อนเล่นเอาลัลนาเกือบทำสร้อยหล่นลงพื้นด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าเขาจะให้ของราคาแพงกับตนเอง

“พี่ปลื้ม! อย่าบอกนะว่าทองจริง” เบิกตากว้างขณะหันมาถามด้วยน้ำเสียงตื่น เกือบจะกัดจี้เป็นการพิสูจน์แล้วแต่ก็ยั้งตัวเองไว้ได้ทัน

ทำไมเขาต้องเอาของแพงเช่นนี้มาให้หล่อนด้วยล่ะ ใครจะกล้าใส่กัน...

“ของจริง...อาม่าบอกให้เอามาหมั้นต่ายไว้ก่อน” บอกติดตลกแต่มันคือความจริงที่เขาบอกอาม่าว่าอยากได้ของแทนใจเพื่อจะผูกมัดเธอเอาไว้ ไม่ยอมให้ใครได้เข้าใกล้กระต่ายตัวน้อยที่ตนจีบด้วยความยากลำบากกว่าจะได้มาเคียงข้าง

“หมั้นอะไร พี่สิบแปดต่ายสิบหกเองนะ พูดเพ้อเจ้อชะมัดเลย” อายุของพวกเขายังไม่พ้นวัยรุ่นแต่เหมือนอติกานต์จะคิดไปไกล

แต่แปลกที่ความคิดเขามันชวนให้เธอใจสั่น...ไม่นึกว่าชายหนุ่มจะจริงจังกับความสัมพันธ์ของเรามากขนาดนี้

“ก็พี่จะจองไว้ตั้งแต่ตอนนี้ไง ไม่ต้องเลือกมากอีกเพราะเจอคนที่ถูกใจแล้ว เรียนจบเราก็หมั้นกันไว้ก่อน ทำงานหาเงินแล้วค่อยแต่งงาน...มีลูกสักสองสามคน แผนของพี่เป็นยังไงบ้าง” วาดฝันเอาไว้ถึงเรื่องราวหลังแต่งงานด้วยซ้ำ จนคนฟังถึงกับยิ้มขำแล้วกำสร้อยจี้วัวเอาไว้แน่น ราวกับกลัวว่ามันจะหาย

“ไม่รู้ ไม่มีความเห็น”

“งั้นก็แสดงว่าเห็นด้วย...ใส่ไว้นะ แล้วค่อยมาเปลี่ยนวันที่ต่ายสอบเข้ามหา’ลัยได้แล้ว” เขาจับมือหล่อนมาแล้วค่อยหยิบสร้อยออกจากมือของลัลนา

บรรจงสวมเข้าที่คอระหงพลางย้ำถึงสัญญาระหว่างเรา...

“ค่ะ” เธอตอบรับค่อยก้มมองจี้รูปวัวที่เป็นปีเกิดของอติกานต์ ความมุ่งมั่นมีเต็มเปี่ยม เหลือเวลาอ่านหนังสือตั้งสองปี มั่นใจว่าอย่างไรก็ต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัยเดียวกับเขาได้แน่นอน

มันคงไม่ยากเกินกำลังของคนขยันหรอก!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel