๑ ความสำเร็จ (๑)
๑
ความสำเร็จ
ช่วงเวลาหลักเลิกเรียนสนามหญ้าส่วนกลางมักจะถูกใช้เป็นลานเตะฟุตบอล นักเรียนชายต่างพากันนำเสื้อออกนอกกางเกงแล้วสนุกสนานกับการวิ่งไล่ลูกกลมสีดำขาว ส่งเสียงตะโกนเพื่อสั่งเพื่อนร่วมทีมบ้าง
ขัดขวางการครอบครองบอลของฝ่ายตรงข้าม เสียงหัวเราะพร้อมการวิ่งเข้ากอดเป็นกลุ่มเมื่อทีมตัวเองเตะเข้าประตู หรือหัวเสียกับการถูกแย่งชิงคะแนนไปต่อหน้าต่อตา
ทุกอย่างมันคือการละเล่นที่จบในสนาม ไม่ได้เอามาเป็นอารมณ์อีก ยกเว้นคนที่เคยมีเรื่องมีราวกันมาก่อน
รอบสนามมีอัฒจันทร์ไว้สำหรับผู้ชม นักเรียนหญิงบางคนนั่งเป็นกลุ่มก้อนเพื่อดูคนในสนาม ต่างส่งเสียงเชียร์หรือมอบรอยยิ้มกว้างให้นักกีฬา โดยเฉพาะหนุ่มร่างสูงผิวขาวตาเรียวที่ค่อนข้างโดดเด่นกว่าใครเพื่อน ผมเปียกลู่จากเหงื่อ เสื้อนักเรียนปล่อยชายก็ชุ่มไปด้วยเหงื่อเช่นเดียวกัน แดดอ่อนไม่ได้ช่วยให้ร้อนน้อยลงสักนิด
อติกานต์ วัฒนาพิบูลย์หรือพี่ปลื้มของนักเรียนหญิงหลายคน เรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่หก เคยเป็นประธานนักเรียนเมื่อปีก่อน ได้คะแนนโหวตท่วมท้นจนชนะคู่แข่งแบบขาดลอย พอมาปีนี้จึงตั้งใจอ่านหนังสือเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัย แต่ก็ไม่ทิ้งการเล่นฟุตบอลที่ชื่นชอบ
เขาเป็นที่นิยมของหญิงสาวในโรงเรียน ถูกบอกรักหลายครั้งแต่ก็ปฏิเสธอย่างสุภาพ จนกระทั่งเมื่อไม่นานได้ประกาศคบหากับสาวรุ่นน้องที่เพิ่งเข้าเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่สี่
ลัลนา เปรมาหรือน้องกระต่าย สาวหน้าหวานผิวขาวนวล มีรอยยิ้มจริงใจแสนใสซื่อ หล่อนเป็นลูกสาวของพ่อค้าขายข้าวแกงที่เพิ่งมาเปิดใหม่ในโรงอาหารของโรงเรียน
การคบหาของสองคนสร้างความฮือฮาเป็นอย่างมาก เพราะไม่ใช่แค่อติกานต์เป็นที่ชื่นชอบ ฝ่ายหญิงเองก็โด่งดังไม่แพ้กัน เข้ามาวันแรกถูกประธานนักเรียนคนปัจจุบันประกาศจีบ แต่หล่อนก็ปฏิเสธไม่คิดจะมีรักในวัยเรียน
แต่ไม่กี่เดือนต่อมากลับเลือกคบรุ่นพี่หนุ่มหล่อประจำโรงเรียนเสียอย่างนั้น...
“ร้อนมากเลย มีอะไรกินบ้าง” ระหว่างพักก็รีบวิ่งมาหาแฟนสาวซึ่งนั่งรออยู่โต๊ะม้าหินอ่อนข้างสนามฟุตบอล เธอตั้งใจทำการบ้านให้เสร็จเพื่อตอนเย็นจะได้ช่วยพ่อเตรียมของสำหรับทำอาหารมาขายอยู่โรงเรียนทั้งช่วงเช้าและช่วงเที่ยง
ลัลนาอยู่น่านตั้งแต่เกิดเพราะเป็นบ้านเกิดของมารดา เพิ่งได้ย้ายมาอยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือเมื่อทราบว่าย่าเสียแล้วทิ้งที่ดินผืนใหญ่ไว้ให้บิดาทำมาหากิน หล่อนจำต้องย้ายจากจังหวัดที่คุ้นเคย มายังสถานที่อันแปลกตา
ตอนแรกก็ไม่คุ้นชินมากนัก แต่พออยู่ได้สองสามเดือนก็เริ่มชอบเสียแล้ว โดยเฉพาะรุ่นพี่ที่นั่งข้างกาย...เขาคือคนเข้ามาเปลี่ยนความคิดของหล่อน
“เล่นกลางแดดขนาดนั้นไม่ร้อนได้ไง นี่ขนมกับน้ำของโปรดพี่” หยิบน้ำอัดลมสีเข้มกับขนมช็อคโกแลตไปวางตรงหน้าเขา อาจเพราะซื้อมานานน้ำแข็งจึงเริ่มละลายจนรสชาติเข้มข้นกลายเป็นจืดจาง กระนั้นเขาก็ยังดื่มอย่างมีความสุข พลางถอนหายใจบ่งบอกความสดชื่นหลังดื่มน้ำเย็น กัดขนมคำโตไม่วายเหลือบมองการบ้านวิชาคณิตศาสตร์ที่เธอกำลังทำ
“รู้ใจตลอด...แล้วนี่ทำเสร็จยัง กลับเลยไหม” ขยับเข้ามาใกล้จนร่างบางต้องถอยห่าง ไม่อยากให้เสื้อผ้าติดเหงื่อเขา แต่ยิ่งแสดงออกว่ารังเกียจ ร่างหนาก็ชอบใจยกใหญ่เอาใบหน้าไปเกยไว้ที่ไหล่เล็ก สร้างความอิจฉาตาร้อนให้คนรอบข้าง
“พี่เล่นบอลเสร็จแล้วเหรอ” ถามแล้วขีดเส้นแดงตามรอยของสมุด หล่อนทำข้อสุดท้ายเสร็จพอดีจึงใช้มือผลักใบหน้าคมออก
แกล้งทำเป็นนิ่งทั้งที่จริงเขินมาก เพิ่งเคยมีแฟนคนแรกเพราะทนลูกตื้อของอีกฝ่ายไม่ไหว ยิ่งคิดถึงครั้งแรกที่เจอก็ไม่นึกว่าพวกเราจะคบกันได้
เขาชอบกวนประสาทเธอจะตาย...
“ยังหรอกแต่เหนื่อยแล้ว เราไปหาซื้ออะไรกินแล้วเดินเล่นริมแม่น้ำดีกว่า ป่ะๆ” มั่นใจว่าลัลนาทำการบ้านเสร็จถึงได้เอ่ยชวน จากนั้นก็เก็บของลงกระเป๋าช่วยหล่อน ส่วนกระเป๋าของเขาก็แทบไม่มีอะไรให้เก็บเนื่องจากมีเพียงสมุดกับปากกาเท่านั้น
การเรียนเทอมสุดท้ายทำให้ใจหายเหมือนกัน เขาอยู่โรงเรียนประจำจังหวัดมาหกปี ความผูกพันย่อมมีมากอยู่แล้ว พอคิดว่าปิดเทอมไปแล้วจะไม่ได้กลับมาอีก...
เขามองใบหน้าด้านข้างของคนรัก อยากคว้าหล่อนมากอดแต่ก็เกรงใจสายตาคนอื่น ยอมรับว่ามีคนมาจีบเยอะ แต่ไม่เคยมีใครทำให้รู้สึกพิเศษเท่าลัลนาสักคน
หัวใจมันบอกว่าต้องเป็นเธอ
เธอเท่านั้น...
“เฮ้ย กูกลับก่อนนะเว้ย” เก็บของเรียบร้อยก็กอบกุมมือบางเอาไว้ สะพายกระเป๋าเป้เพียงข้างเดียวแล้วตะโกนบอกเพื่อนที่อยู่ในสนาม กำลังจะเริ่มเกมอีกครั้ง
“อ้าว แล้วพวกกูขาดคนจะให้ทำไง” ถามกลับอย่างไม่สบอารมณ์
“เดี๋ยวก็หาได้ กูไปแล้ว” อติกานต์ไม่ได้สนใจ เลือกพาร่างบางเดินไปยังรถมอเตอร์ไซค์ที่จอดเอาไว้ยังโรงรถของกลุ่มนักเรียน
“ไอ้สัตว์ติดแฟนฉิบหาย” เพื่อนสนิทที่เรียนด้วยกันมาตั้งแต่ประถมถึงกับส่ายหัว ไม่เคยเห็นอีกฝ่ายเป็นเช่นนี้มาก่อน สงสัยคนนี้คงรักมากรักจริงนั่นแหละ
แต่เขาจะคอยดูว่าการสอบไปเรียนมหาวิทยาลัยต่างจังหวัดจนเกิดความห่างไกล จะทำให้รักครั้งนี้อยู่ยืนยาวหรือเปล่า...
แม่น้ำสายยาวที่ลากผ่านหลายจังหวัด หล่อเลี้ยงหลายชีวิตของผู้คนที่อาศัยอยู่ริมน้ำ คลื่นสงบช่วงเย็นพร้อมลมที่พัดผ่านทำให้รู้สึกสบาย คนเริ่มมาเดินตลาดนัดซึ่งมีทุกช่วงเย็น ขายทุกอย่างทั้งของกิน ของใช้ เสื้อผ้าหรือโซนของเล่นก็มี
รถมอเตอร์ไซค์จอดที่ด้านหน้า หล่อนถอดหมวกกันน็อคแล้วยื่นให้แก่เขา พอมีแฟนก็ได้คนไปรับไปส่งที่โรงเรียนไม่ต้องตื่นไปพร้อมบิดาตั้งแต่ไก่โห่ หรือให้ท่านรอรับช่วงเย็นอีกต่อไป เมื่ออติกานต์เต็มใจเป็นอย่างยิ่งในการทำหน้าที่สารถีขับรถให้เธอ
“อยากกินอูด้ง...พี่ปลื้มอยากกินหรือเปล่า” ผ่านร้านแรกก็ชะงักฝีเท้า หล่อนมองเขาจากนั้นก็กระพริบตาปริบทันที เจอไม้นี้ทีไรเขาก็ไปไม่เป็นตลอด
“แล้วแต่ต่ายเลย” มือหนายังคงกอบกุมมือบางเอาไว้ไม่ยอมปล่อย ยอมตามใจคนรักทุกอย่าง ตั้งแต่คบกันมาพวกเขาทะเลาะกันไม่กี่ครั้ง ส่วนมากก็เป็นเพียงการหยอกล้อ ช่างต่างจากตอนยังไม่เป็นแฟนเหลือเกิน
จำได้ว่าช่วงแรกที่เจอหน้าเขาเป็นต้องแขวะเธอให้ได้เจ็บใจ แต่ก็ยังเข้ามาใกล้ชิดถึงขั้นยอมเข้าชมรมเย็บปักถักร้อยเพื่อลัลนาโดยเฉพาะ
“งั้นซื้อนะ” ยิ้มกว้างเมื่อได้รับอนุญาต หล่อนเข้าไปซื้อพลางสั่งสิ่งที่อยากกิน ค่อยถือของเอาไว้แล้วจ่ายเงิน แต่อติกานต์ก็แย่งไปถือเอง
ช่วงแรกที่คบกันเขาจ่ายให้หล่อนทุกอย่างจนหญิงสาวไม่สบายใจ จึงตกลงกันว่าหากเป็นเรื่องเงินเธอจะจัดการเอง ไม่อยากโดนคนในโรงเรียนบอกว่าเกาะเขากิน แม้บ้านชายหนุ่มจะรวยมากแค่ไหนแต่เธอก็ไม่ได้คบเพราะรวย
แต่เพราะรักต่างหาก...
“พี่ปลื้มกินหม่าล่าไหม คิวไม่เยอะด้วยน่าจะรอไม่นานหรอก” เดินไปไม่กี่ก้าวก็ต้องหยุดอีกครั้ง พร้อมการชักชวนของร่างแบบบางที่ตื่นเต้นยามไม่เห็นคนรุมร้านโปรด ปกติแทบไม่มีที่ว่างจะแทรกเข้าไปได้เลย
“เอาสิ”
การตามใจครั้งนี้โดยที่เขาก็เริ่มได้ถืออาหารอีกหลายอย่างให้หล่อน เล่นเอาคิ้วเริ่มขมวดว่าคนตัวเล็กจะกินหมดหรือเปล่า มันคงไม่เหมือนคราวที่แล้วหรอกนะ...
“พี่ปลื้มกินไก่ทอดหรือเปล่า เอาซูชิด้วยได้ไหม มีแต่ของน่ากินทั้งนั้นเลย” ไม่ใช่คำถามเพราะหล่อนเดินไปหน้าร้านแล้วเลือกซื้อชิ้นที่ชอบเรียบร้อย เล่นเอาร่างหนาต้องกุมขมับจากนั้นจึงได้หยิบถุงอาหารมาถือไว้ด้วยมือข้างเดียว
“พี่ว่าซื้อแค่นี้ก่อนดีกว่า เราไปหาที่นั่งกินถ้าไม่อิ่มค่อยมาซื้อใหม่” จับจูงพาคนตัวเล็กไปนั่งริมแม่น้ำที่มีโต๊ะยาวไว้นั่งเล่นดูวิว
“โอเค” ตอบพลางเดินตามแรงดึงของเขา ลอบมองคนข้างกายที่ตัวใหญ่กว่าหล่อนค่อนข้างมาก ไม่กล้าบอกว่าอีกอย่างที่ทำให้ชอบเขาก็เพราะไหล่กว้าง...
ยามที่ถูกกอดแล้วจมเข้าไปในอก ความอบอุ่นที่อติกานต์มอบให้มันแตกต่างจากตอนได้รับกับคนในครอบครัว บางทีเธอก็แอบคิดว่าอาจจะเริ่มชอบเขาตั้งแต่เจอหน้า เพียงแค่ใช้การปะทะคารมเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกของตัวเองเท่านั้น
เลือกม้านั่งตัวยาวที่ไม่มีคนจับของ มองออกไปเห็นวิวแม่น้ำทั้งยังมีแพร้านอาหารอยู่ข้างล่าง ตอนนี้ลัลนาหลงใหลบ้านเมืองที่สงบกับการใช้ชีวิตเรียบง่ายแบบนี้เสียแล้ว
“ผลสอบพี่ประกาศวันไหนนะ” ระหว่างกินหม่าล่าก็ไม่ลืมจะถามคนข้างกาย เพราะเธอเองก็ลุ้นผลเหมือนกัน
ใจหนึ่งอยากให้เขาได้ แต่อีกใจก็วูบไหวเมื่อคิดว่าต้องจากกันไกล ถึงชายหนุ่มสัญญาว่าจะกลับมาเยี่ยมทุกเดือนก็ตาม แต่อนาคตหล่อนเริ่มไม่แน่ใจว่าเขาจะทำอย่างที่พูดได้จริงหรือเปล่า
“สัปดาห์หน้า...” หยิบซูชิชิ้นล่ะสิบบาทเข้าปาก แล้วเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย เพิ่งเห็นว่าหน้าซูชิที่เธอเลือกเป็นของโปรดเขาทั้งนั้น
แสนดีไม่เคยเปลี่ยน...
“ต่ายไปลุ้นผลที่บ้านพี่ด้วยได้หรือเปล่า” เธอไม่อยากรอผลนาน อยากทราบพร้อมกับเขาจะได้เริ่มทำใจตั้งแต่ตอนนั้น
อติกานต์เลือกไปเรียนที่มหาวิทยาลัยชั้นนำของกรุงเทพมหานคร ตามคำขอของมารดาเพราะท่านมีญาติอยู่ที่นั่น จะได้สบายใจมีคนคอยดูแลลูกชายยามไปไกลหูไกลตา อีกอย่างแถวบ้านก็มีเพียงแค่มหาวิทยาลัยราชภัฏหรือเป็นวิทยาเขตของมหาวิทยาลัยชั้นนำเท่านั้น
“ได้สิ พอดีเลยม้าบ่นถึงต่ายด้วย เดี๋ยวพี่จะได้บอกม้าว่าต่ายจะไปหาที่บ้าน” บ้านของเขาเป็นครอบครัวคนจีน อยู่กันเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้น อติกานต์มีน้องสาวแต่ส่งไปเรียนอยู่เมืองหลวงกับญาติฝ่ายบิดา นานทีจะกลับมาบ้านสักหน
หลังจากที่เขาคบกับลัลนาก็บอกทางบ้าน ไม่มีใครว่าอะไรสักคนนอกจากขอให้สอบเข้ามหาวิทยาลัยติด ซึ่งระดับอดีตประธานนักเรียนไม่มีคำว่าพลาด เขามั่นใจตั้งแต่ทำข้อสอบว่าอย่างไรก็เข้าได้ตามที่หวัง
เมื่อวันประกาศผลสอบมาถึง หล่อนกลับไม่ได้ไปหาเขาเพราะถูกมารดารั้งให้อยู่ช่วยเย็บเสื้อของลูกค้าที่นำมาส่งเย็บหลายตัว
บ้านไม้สองชั้นบนเนื้อที่กว้างสามสิบไร่ทำให้หล่อนเพิ่งรู้ว่าครอบครัวฝั่งบิดาก็ร่ำรวยเหมือนกัน เพียงแค่ท่านเลือกจะไปอยู่กับแม่ที่เมืองเหนือ
ลัลนาไม่เคยเข้าใจเลยว่าเหตุใดแม่ถึงได้มีสีหน้าบึ้งตึงตลอดเวลา กับพ่อก็ไม่ค่อยพูดดีด้วยเท่าไหร่ ครั้งหนึ่งไปซื้อของในร้านค้าของหมู่บ้านจึงทราบว่าท่านเคยมีคนรัก แต่ดันพลาดท้องกับพ่อจึงต้องยอมแต่งด้วย
อยู่กันไปใช่ว่าจะรัก มีเพียงฝ่ายสามีคนเดียวที่รักเทิดทูนภรรยา...
“ทำหน้างออะไรนักหนา กับอีแค่ฉันไม่ให้ไปหาแฟน มีแฟนเนี่ยแหละทำให้แกเสียคน” บ่นพึมพำให้ลูกสาวได้ยิน จักรเย็บผ้าทำงานตลอดเวลาเมื่อต้องคอยจัดการงานตรงหน้าให้เสร็จตามกำหนด
ลัลนาไม่โต้ตอบอะไรถึงท่านจะชอบดุด่าตนก็ตาม เหมือนว่าหล่อนไม่เคยได้ดั่งใจคนเป็นแม่สักอย่าง การเรียนปานกลาง มีเพียงเรื่องหน้าตาดีที่พอเชิดหน้าชูตาได้บ้าง แต่ก็เหมือนดาบสองคมเพราะความสวยของเธอ ทำให้มีผู้ชายวัยกลางคนที่ชอบมาพูดจาลวนลามสร้างความเสื่อมเสียให้ทางบ้าน ถึงขั้นมีข่าวลือว่าเธอมีเสี่ยเลี้ยง
การได้รับมรดกจากย่าจึงถือเป็นข้ออ้างในการย้ายบ้าน หลบหนีให้ห่างจากคนพวกนั้น...
“หนูทำเสร็จแล้วนะ” เมื่อทำงานเรียบร้อยก็ลุกจากเก้าอี้ เก็บของทุกอย่างพลางเหลือบมองนาฬิกา เห็นว่าเลยเวลาประกาศผลสอบของอติกานต์ไปสักพักแล้ว
“รีบเหลือเกินเรื่องผู้ชาย ทีเรื่องเรียนต้องให้จ้ำจี้จ้ำไช คอยบอกให้อ่านหนังสือตลอด ทีหลังก็ขยันเรียนเหมือนขยันไปหาผู้ชายบ้าง” ตะโกนไล่หลังลูกสาวที่กำลังเดินออกจากบ้าน เธอพยายามไม่ชักสีหน้าแต่มันก็ยาก อยากกลับไปตอบโต้มารดาทว่าพ่อก็เดินผ่านมาเสียก่อน
“รีบไปเถอะ” บอกเสียงเบาพลางพยักหน้าให้หล่อน ลัลนาจำถอนหายใจไม่ถือสาคำพูดที่เสียดแทงหัวใจแล้วค่อยก้าวออกจากบ้าน
“แม่หิวข้าวหรือยัง พ่อทำอาหารไว้ให้จะกินเลยไหม” ชายร่างท้วมเข้าไปถามภรรยาที่หน้าตาบูดบึ้ง วันแรกที่เจอรักอย่างไร วันนี้ก็ยังคงรักไม่เปลี่ยนแปลงถึงเธอจะใช้วาจารุนแรงกับเขาบ่อยแค่ไหนก็ตาม
คุณภีมเดช เปรมาทำอาชีพเกษตรกร ตอนอยู่เมืองเหนือก็ปลูกผลไม้ส่งขาย ได้เงินมาจุนเจือครอบครัวบ้าง พอกลับมาบ้านตนเองมีที่ดินก็เริ่มปลูกพืชผักสวนครัวส่งขายตลาดในตัวเมืองได้กำไรดี จึงคิดขยับขยายปลูกผลไม้ที่ตนถนัด แต่ก็ต้องใช้เวลาเลี้ยงให้มันเติบใหญ่
นอกจากนั้นตนยังมีฝีมือเรื่องการทำอาหาร ถึงได้ประมูลร้านเพื่อเข้าไปขายในโรงเรียนที่ลูกสาวเข้าศึกษา
ขณะที่ภรรยาอย่างอนงลักษณ์ เปรมาถนัดงานเย็บปักจึงรับจ้างเย็บผ้า มีลูกค้าเยอะทุกวันจนแทบไม่ได้ลุกไปไหน ถึงจะเบื่อกับความจนแต่ก็ไม่มีหนทางไหนให้ไปแล้ว ชีวิตของเธอเหมือนห่อเหี่ยวลงทุกวัน
“ก็ไปเอามาสิ เที่ยงแล้วจะไม่หิวได้ไง” ละมือจากงานตรงหน้าค่อยลุกไปกินข้าวที่ห้องครัว แทบไม่ได้พูดคุยกันเลยเพราะเอาแต่รับประทานอาหารด้วยความหิว
ลัลนาปั่นจักรยานเพื่อไปยังบ้านของอติกานต์ที่อยู่ใกล้ทางเข้าหมูบ้าน ส่วนบ้านของหล่อนก็อยู่ท้ายสุด ระยะทางห่างพอสมควรแต่หล่อนก็เพิ่มแรงถีบเพื่อให้มันเร็วขึ้นกว่านี้สักหน่อย กระทั่งมาจอดหน้าร้านขายของการเกษตร
ครอบครัวของเขามีร้านในตัวเมือง ซึ่งส่วนมากป๊าจะเป็นคนไปดูแล ส่วนร้านในหมู่บ้านเป็นหน้าที่ของหม่าม้า ยังไม่นับรวมกิจการเก็บเงินค่าเช่าตลาด และมีที่ดินให้เกษตรกรเช่าเป็นรายเดือนอีกต่างหาก ไหนจะร้านทองของอาม่าที่ท่านไปดูแลกิจการเอง