ควรทำเช่นไร
หลังจากอยู่เมืองหลวงครึ่งค่อนเดือนหวังหย่งถึงนึกขึ้นได้ว่ามีจดหมายหลายฉบับรอตนตอบกลับรวมทั้งจดหมายของเหม่ยเหรินด้วยเช่นกัน
“คุณชาย จดหมายจากแม่นางเสี่ยวขอรับ”
“นางส่งจดหมายมาหาข้าอีกแล้วหรือ”
“ขอรับ”
“เห็นทีข้าคงทำให้นางเป็นห่วง นางถึงส่งจดหมายมาหลายฉบับเช่นนี้” ปากพร่ำบอก ขณะที่มือสองข้างแกะเปิดจดหมายอ่าน ไม่นานหลังจากอ่านและตอบจดหมายจนครบทุกฉบับ เขาสั่งบ่าวคนสนิทให้คนนำจดหมายไปส่งให้นางยังเมืองลั่วหยาง
“คุณชาย แม่นางสกุลฟางมาขอพบเจ้าค่ะ” เสียงสาวใช้หน้าห้องรายงาน
“เชิญนางเข้ามา”
“พี่หวังหย่ง ข้าทำขนมมาให้ชิมเจ้าค่ะ”
“ขนมกุ้ยฮวาที่เจ้าทำรสชาติอร่อยมาก”
“ข้าดีใจที่ท่านชอบ”
“ว่าแต่เจ้าเถิดคงไม่ได้มาหาข้าถึงที่นี่เพียงเพราะเรื่องแค่นี้ใช่หรือไม่”
“ข้าได้ยินมาว่าท่านจะกลับเมืองลั่วหยางในอีกสามวันข้างหน้า ข้าไม่เคยไปที่นั่นมาก่อนเลยอยากขอติดตามท่านไปเที่ยวชมเมืองลั่วหยางด้วยได้ไหมเจ้าคะ”
“เจ้าเป็นสตรี ส่วนข้าเป็นบุรุษ ข้าว่าไม่ค่อยเหมาะสมนัก หากเจ้าจะไปกับข้าเพียงลำพัง”
“ช่างเสียดายยิ่งนัก” อวี่ซินทำหน้าเศร้า ก่อนส่งยิ้มจาง ๆ อย่างเข้าใจคำพูดเมื่อครู่ของชายหนุ่ม
“เจ้าไม่ได้โกรธข้าใช่รึไม่”
“ข้าจะโกรธท่านทำไมล่ะเจ้าคะ ข้าย่อมเข้าใจดี เช่นนั้นข้าไม่รบกวนท่านแล้ว” ว่าพลางหันหลังเอี้ยวตัวเดินออกจากห้อง ทว่าก่อนจะได้ทำเช่นนั้นหญิงสาวสะดุดล้มเสียก่อน หวังหย่งที่เห็นเหตุการณ์คว้าร่างบางเอาไว้ทันท่วงทีจนทำให้ใบหน้าของทั้งคู่อยู่ใกล้กันมากเสียจนริมฝีปากแนบชิดกันอย่างไม่ตั้งใจ
“เพล้ง!” เสียงถาดน้ำชาตกลงพื้นเสียงดัง พร้อมกับการปรากฏตัวของฮูหยินหวังที่ตั้งใจมาหาว่าที่ลูกสะใภ้โดยเฉพาะ
“หวังหย่ง”
“ขะ...ขอรับ ท่านแม่” หลังจากตั้งสติได้ทั้งคู่ก็แยกออกจากกันทันที
“เจ้ากล้าทำเรื่องน่าอับอายเช่นนี้ได้อย่างไร หากข่าวแพร่ไปทั่วเมืองหลวงแม่นางฟางจะเอาหน้าไปไว้ที่ใด” ฮูหยินหวังตำหนิบุตรชาย
“มันเป็นอุบัติเหตุขอรับ ข้าไม่ได้ตั้งใจ”
“ไม่ได้ตั้งใจงั้นรึ แต่ที่ข้าเห็นไม่ได้เป็นเช่นนี้นี่”
“ฮูหยิน เป็นอุบัติเหตุจริง ๆ เจ้าค่ะ ท่านอย่าได้โทษท่านพี่หวังหย่งเลยเจ้าค่ะ”
“เฮ้อ แม้เป็นอุบัติเหตุแต่ตระกูลหวังของเราต้องรับผิดชอบเรื่องที่เกิดขึ้น”
“เอ่อ แต่ว่า”
“เชิญแม่นางฟางกลับจวนไปก่อนเถิด ข้ามีเรื่องต้องคุยกับลูกชายคนนี้เสียหน่อย”
“เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน” คล้อยหลังฟางอวี่ซิน ฮูหยินหวังได้ตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าบุตรชายของตนต้องหมั้นกับแม่นางฟางให้เร็วที่สุด
“เตรียมตัวเข้าพิธีหมั้นกับนางเสีย”
“ท่านแม่ยอมให้ข้าแต่งกับเหม่ยเหรินแล้วหรือขอรับ” เขาถามย้ำด้วยน้ำเสียงดีใจอย่างปิดไม่มิด โดยไม่รู้ว่าตนกำลังเข้าใจผิด
“เจ้าพูดเพ้อเจ้ออันใด เมื่อครู่เจ้าเพิ่งทำเรื่องบัดสีกับสตรีอีกคนแต่ใจเจ้าอยากแต่งกับสตรีอีกผู้หนึ่งงั้นรึ!”
“ท่านแม่ แม่นางฟางบอกแล้วมิใช่หรือว่ามันเป็นแค่อุบัติเหตุ ข้าไม่ได้ตั้งใจเสียหน่อย”
“เกิดมาเป็นบุรุษ ทำอะไรลงไปเจ้าต้องรับผิดชอบ”
“ตะ...แต่ว่า”
“เจ้าคิดเอาเองเถิด หากพ่อเจ้ารู้เรื่องนี้จะเกิดอันใดขึ้น นอกจากเจ้าจะไม่ได้กลับเมืองลั่วหยางแล้ว เจ้ายังต้องแต่งงานแทนหมั้นหมายแน่” บอกแกมขู่ เพราะรู้ดีว่าบุตรชายเกรงกลัวบิดาเพียงใด
หวังหย่งใช้เวลาทั้งคืนในการทบทวนเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกะทันหันอย่างปลงไม่ตก เท่าที่ได้พูดคุยกับแม่นางฟางเขาก็รู้สึกว่านางไม่ได้เป็นคนเลวร้ายอะไร ทั้งยังมีความอ่อนโยนดูน่า ทนุถนอมและยังเข้ากับเขาได้ดี แต่อีกใจหนึ่งยังคงนึกถึงเหม่ย เหรินคนรักที่รอเขากลับไป เขาไม่ควรหวั่นไหวกับสตรีอื่นนอกจากนาง เขาควรทำเช่นไรดี...
