๓ เหงาลำพัง (๒)
“น้ำ น้ำเพื่อนไอ้อชิใช่ไหม จำเราได้หรือเปล่า...โจโจ้ไง” เกือบหลุดขำกับการแนะนำตัวด้วยการเอามือเท้าเอวข้างหนึ่ง พลางชี้นิ้วไปที่อกแล้วบอกว่าชื่อโจโจ้ ปากยิ้มกว้างราวดีใจนักหนาเมื่อพบคนรู้จักจนเธอต้องพยักหน้า
“จำได้”
โจ้หรือจิรัสย์เป็นเพื่อนสมัยมัธยมของอชิรา เรียนอยู่คณะวิศวกรรมศาสตร์ที่สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง เจอกันไม่บ่อยนักแต่พบทุกครั้งก็ไม่มีความเกร็งสักนิด เขาชวนคุยเก่งทั้งยังสร้างบรรยากาศให้คนรอบข้างมีความสุขไปด้วย
เพื่อนของอชิรารู้จักกับเธอแทบทุกคน อีกทั้งยังแฟนของเพื่อนก็สนิทกับหล่อนเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะแฟนของธนัชที่เรียนคณะสถาปัตยกรรมก็คุยกันในไลน์ หรือพี่หมอฟันแฟนของนวัตก็มักชวนหล่อนมาเป็นเคสให้เสมอหากว่าง แล้วยังชวนคุยเรื่องสกินแคร์ไม่มีขาดอีกต่างหาก
พอรู้จักกับเขา...โลกของเธอก็กว้างขึ้น
“มาคนเดียวเหรอ ปกติถ้าเจอน้ำก็ต้องมีไอ้อชิคอยตามเป็นเงาตลอด มันไม่มาด้วยเหรอ”
“เปล่า อชิไปหาเพื่อน”
“งั้นดีเลย ไปกินข้าวเป็นเพื่อนเราหน่อย เพิ่งแยกกับพวกไอ้ซิ่งเมื่อกี้แต่ยังไม่อยากกลับบ้าน จะไปที่ไหนต่อไหม”
“เอ่อ...ไปสิ เราว่าง”
ตอนแรกเธอกังวลเรื่องเงิน แต่พอเห็นแววตาอ้อนวอนเหมือนลูกหมาของจิรัสย์ก็ปฏิเสธไม่ได้ จำต้องพยักหน้าแล้ววางหนังสือลงบนชั้น เดินออกจากร้านหนังสือไปที่ร้านอาหารเป็นเพื่อนเขา ขณะที่ในใจก็ภาวนาให้อีกฝ่ายเข้าร้านราคาถูกสักหน่อย
เธอยังไม่อยากเอาเงินเก็บมาใช้...อุตส่าห์เก็บได้เกือบครบหนึ่งแสนแล้ว
“ร้านนี้ดีกว่า เราได้บัตรกำนัลมาพอดี...แต่เรียกว่าได้ก็ไม่ถูกเพราะแอบไปขโมยที่ห้องพี่ชายมา อย่าบอกมันนะ” ความขี้เล่นของเขาทำให้หล่อนขำไปด้วย แอบกำชับเรื่องเก็บเป็นความลับอีก
เธอไม่รู้จักพี่ชายเขาสักหน่อยจะไปบอกได้อย่างไร
แต่แล้วรอยยิ้มที่แต้มมุมปากของหล่อนก็เปลี่ยนไป เมื่อเห็นว่าอชิรามาเดินเล่นที่ห้างสรรพสินค้ากับเขมิกา แล้วทั้งคู่ก็ยิ้มแย้มให้กันอย่างมีความสุข ราวโลกทั้งใบมีเพียงกันและกัน เท้าที่กำลังจะก้าวเข้าร้านก็หยุดนิ่ง
ที่เขาผลุนผลันออกจากห้องอย่างเร่งรีบ เพราะไปหาว่าที่แฟนในอนาคตสินะ
“น้ำ เข้ามาเร็ว” เสียงเรียกของจิรัสย์ทำให้เธอตื่นจากภวังค์ พยักหน้าแล้วยิ้มเล็กน้อยค่อยเดินเข้าไปในร้าน สถานะFWBของเราใกล้จะจบลงแล้ว
ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเจอหน้าของอชิราเพียงแค่ในห้องเรียน เขาไม่ค่อยมาหาหล่อนที่ห้องเท่าไหร่ จะว่าเหงาก็ไม่ผิดเท่าไหร่นัก เพราะหนึ่งปีที่มาอยู่คอนโดมิเนียมห้องข้างกัน มักจะมีร่างสูงเดินวนเวียนในห้องตลอด คอยก่อกวนให้เธอต้องมองดุหรือชวนคุยสร้างรอยยิ้ม
พอเวลาของเราขาดหายไป...เธอเองก็นึกโหยหาจนอยากบอกความรู้สึกให้รู้แล้วรู้รอดว่าคิดเช่นไรกับเขา
แต่ถ้าทำเช่นนั้น คำว่าเพื่อนก็คงจบลงไปด้วย
“อะแฮ่ม เพื่อนๆ ครับ”
ระหว่างที่พวกเขากำลังนั่งรับประทานอาหาร คนที่ขอปลีกตัวออกไปคณะอักษรก็กลับมาที่คณะอีกครั้ง แต่คราวนี้อชิราไม่ได้เดินมาผู้เดียวเหมือนขาไป ข้างกายกลับมีหญิงสาวแสนสวยคนหนึ่งยืนขนาบ พร้อมรอยยิ้มแสนหวานที่เธอแจกจ่ายให้คนบนโต๊ะ
ทั้งนวัตและธนัชต่างยิ้มกริ่ม เหมือนรับรู้กันอยู่แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น มีเพียงหล่อนที่จับจ้องไปยังคนทั้งสองด้วยหัวใจที่เจ็บปวด ยิ่งเห็นถึงความเหมาะสมก็ยิ่งตอกย้ำว่าทุกอย่างกำลังเป็นอย่างที่ควรจะเป็น
หนุ่มหล่อก็ต้องคู่กับสาวสวย ใครจะมาชอบผู้หญิงจืดชืดสวมแว่นกอดแต่ตำราอย่างเธอกันล่ะ...
“นี่เข็ม...แฟนกูเอง”
นอกจากแนะนำชื่อของฝากหญิง ยังบอกสถานะใหม่อีกต่างหาก เล่นเอาเพื่อนผู้ชายทั้งสองคนต่างโห่แซวแล้วเชื้อเชิญสาวอักษรให้นั่งลงที่โต๊ะอาหารด้วยกัน สาวเจ้ายิ้มขวยเขินพลางพยักหน้าแล้วยิ้มให้เกสรเป็นการทักทาย เธอเองก็ยิ้มกลับเช่นเดียวกัน
มองไกลๆ ว่าสวยแล้ว พอได้มองใกล้ๆ ยิ่งเห็นถึงเค้าความสวยของอีกฝ่ายมากกว่าเดิม ใบหน้าแทบไม่มีรูขุมขนหรือกระด้วยซ้ำ เป็นไปได้อย่างไรกันนะ
ร่างสูงนั่งลงตรงข้ามกับเธอ โดยนวัตเป็นฝ่ายเปลี่ยนที่มานั่งข้างหล่อนแทน มีโอกาสสบตาเขาแล้วก็รีบยกยิ้มให้อชิรา ทำตัวเป็นปกติไม่ให้เกิดพิรุธ เธอเก่งอยู่แล้วเรื่องเก็บซ่อนความรู้สึก
“ดีใจด้วยนะ” แสดงความดีใจกับเขาถึงตัวเองจะทุกข์ตรมก็ตาม ชายหนุ่มพยักหน้าพร้อมกุมมือบางของแฟนสาวเอาไว้
“ขอบคุณมากนะน้ำที่ช่วยให้พวกเราได้คบกัน” เขาหมายถึงขนมที่ขอร้องให้เธอทำเพื่อเอาไปให้เขมิกา ซึ่งหญิงสาวก็พยักหน้า
“อือ ยินดีอยู่แล้ว”
อยากร้องไห้แล้วโวยวายทวงถามถึงสถานะของเรา แต่หล่อนก็ไม่อาจทำเช่นนั้นได้ เพราะความสัมพันธ์ของพวกเราล้วนเกิดจากผลประโยชน์ที่ได้รับทั้งสองฝ่าย และชายหนุ่มก็ชัดเจนในความรู้สึกว่าไม่ได้คิดอะไรกับเธอสักนิด
เขาเห็นหล่อน...เป็นเพียงเพื่อนเท่านั้น
กลับมาถึงห้องก็ไม่มีเวลาให้เสียใจ เธอรีบเปิดโน้ตบุ๊กเพื่อทำโปรเจคจบในส่วนของตัวเองให้เสร็จ ต่อด้วยอ่านหนังสือเตรียมตัวสอบปลายภาคที่จะมีขึ้นในเดือนหน้า เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วแทบไม่เชื่อว่าสี่ปีในรั้วมหาวิทยาลัยกำลังจะจบลงแล้ว
เธอเริ่มเก็บข้าวของในห้องนี้เพื่อเตรียมคืนเจ้าของ หลังจบก็จะรีบหาหอพักราคาถูกใกล้บริษัท หรืออย่างน้อยก็ต้องใกล้รถไฟฟ้าเพื่อสะดวกในการทำงาน อยากรีบจบจะได้หาเงินด้วยตัวเองได้สักที หล่อนอาจจะกู้เงินเพื่อใช้หนี้ญาติให้หมดแล้วสร้างบ้านใหม่ให้พ่อแม่ ท่านจะได้ไม่ต้องอยู่บ้านเก่าที่สร้างมากว่าสามสิบปีและกำลังผุพังตามกาลเวลา
“อ้าวน้ำ อยู่ห้องนี้เหรอ” หล่อนเก็บของจึงมีขยะเยอะกว่าทุกวัน กำลังจะนำไปทิ้งแต่เพียงแค่เปิดประตูออกมาก็พบเขมิกาที่เดินควงมากับชายหนุ่มห้องข้างเธอ
อชิรานั่นเอง...
“อือ เราอยู่ห้องนี้”
“ห้องข้างกันเลย อะไรจะบังเอิญขนาดนั้น”
“เค้าบอกน้ำเองแหละว่ามีห้องว่างแล้วเจ้าของห้องก็ให้เช่าราคาถูก ดูสิเค้ามีน้ำใจไหม”
ตอนแรกที่ถูกถามเธอก็พูดไม่ออก คล้ายคนน้ำท่วมปากจนร่างสูงเป็นฝ่ายเอ่ยอย่างลื่นไหล ลืมเสียสนิทว่าอชิราเก่งเรื่องแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้า แต่ที่น่าหมั่นไส้คือคำแทนตัวที่อีกฝ่ายใช้พูดกับแฟนต่างหาก
ตลอดเวลาสี่ปีในรั้วมหาวิทยาลัย ถึงเขาจะคุยกับสาวเยอะแค่ไหนก็ไม่ไปถึงขั้นคบหา หล่อนจึงไม่เคยเห็นอีกฝ่ายตอนอยู่กับแฟน คราวนี้ประจักษ์ด้วยตาเนื้อแล้วว่าชายหนุ่มอ้อนแค่ไหน ตอนอยู่กับเธอว่าอ้อนแล้ว
พอเห็นอยู่กับเขมิกาก็ยิ่งคูณสิบเข้าไปอีก จนคนมองยังแอบอิจฉา
“รีบเข้าไปเอาของสิ จะไปส่งเข็มที่บ้านไม่ใช่เหรอ”
“เข็มก็เข้ามานั่งรอสิ เค้าอยากเห็นเข็มในสายตาตลอดเวลา”
“ชายหญิงอยู่ในที่ลับตามันไม่เหมาะสม”
“เหมาะสิ...เราเป็นแฟนกันอยู่ได้ ป่ะ เข้าห้องเค้าดีกว่า”
แล้วประตูห้องของอชิราก็เปิดและปิดลงในเวลาต่อมา ร่างบางเดินไปทิ้งขยะในที่ส่วนกลาง ก่อนเดินเข้าห้องโดยไม่เหลือบมองห้องของเคียงสักนิด กำมือแน่นแล้วหยิบเครื่องดูดฝุ่นมาทำความสะอาดห้อง ปัดกวาดเช็ดถูแล้วเปิดเพลงฟังเสียงดังกลบความอยากรู้อยากเห็นของตัวเอง