บท
ตั้งค่า

๓ เหงาลำพัง (๓)

สองคนนั้นกำลังทำอะไรกันอยู่ในห้อง...

ทำเหมือนที่เธอและเขาทำกันหรือเปล่า

ยิ่งคิดก็ยิ่งเพิ่มแรงถูพื้นให้หนักขึ้น เธอไม่ชอบตัวเองตอนนี้เลยสักนิดที่ควบคุมความรู้สึกไม่ได้ ตั้งอารมณ์อยู่เหนือเหตุผล ทั้งที่ควรใส่ใจกับโปรเจคและการสอบที่ใกล้เข้ามาถึง กลับวอกแวกเพียงเพราะเรื่องความรัก

เป็นแบบนี้ต่อไปต้องไม่ดีแน่...เธอควรรีบคืนห้องนี้ให้เขาแล้วออกไปอยู่ที่อื่นสักที

แค่มองอชิราอยู่กับหญิงอื่นก็เจ็บปวดมากพอแล้ว

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

หลายวันต่อมาเมื่อจัดการเรื่องทุกอย่างเรียบร้อย คนที่หล่อนต้องคุยด้วยคือชายหนุ่มที่จ่ายค่าห้องให้ตลอดระยะเวลาหนึ่งปี รอสักพักประตูที่เคนปิดก็เปิดออก พร้อมร่างหนาที่สวมเสื้อยืดกับกางเกงบ๊อกเซอร์ ผมที่ยาวก็ชี้โด่เด่คล้ายคนเพิ่งตื่น ตาก็แทบจะลืมไม่ขึ้นด้วยซ้ำ

เธอมารบกวนเวลานอนของเขาหรือเปล่า หญิงสาวคิดในใจแต่ก็รีบปัดความคิดทั้งหมดทิ้ง รีบพูดธุระให้เสร็จดีกว่า

“มีเรื่องจะคุยด้วยน่ะ คุยห้องนายหรือว่าห้องฉัน” ไม่กล้าเสียมารยาทเดินเข้าไปในห้องของอชิรา จึงเป็นฝ่ายถามเพื่อให้ร่างสูงตัดสินใจ แล้วเขาก็เอี้ยวตัวไปหยิบกุญแจห้องที่แขวนไว้ข้างประตู ก่อนเดินไปห้องของหล่อน

“ห้องเธอดีกว่า ไม่อยากกวนตอนเข็มนอนน่ะ”

แสดงว่าเมื่อคืนพวกเขานอนด้วยกันสินะ เธอพยักหน้าแล้วแอบยิ้มขมขื่น แตะคีย์การ์ดเพื่อเปิดห้องก่อนเดินนำเขาเข้ามาข้างใน

ความจริงห้องหล่อนก็ไม่ได้มีของมากมายนัก เพราะรู้ดีว่าสักวันต้องย้ายออกจึงไม่อยากซื้อข้าวของมาประดับ กลัวว่านานวันจะยิ่งผูกพัน เพราะแค่นี้หล่อนก็เจียนตายอยู่แล้ว เอาตัวลงไปเล่นกับไฟจนเผาผลาญไปทั่วกาย...ลุกลามมาถึงหัวใจ

ทางที่ดีควรรีบถอยออกมาก่อนจะสิ้นชีวา

“มีอะไรหรือเปล่า หน้าเครียดเชียว” นั่งลงบนโซฟานุ่มพลางหยิบหมอนมากอด สัปหงกจนแทบจะหลับแล้วถามถึงธุระของเธอ

เขาไม่ได้สนใจสักนิดว่าในครัวไร้ซึ่งอุปกรณ์ทำครัวเพราะมันถูกจัดลงกล่องเตรียมส่งคืนเจ้าของ ทั้งห้องก็เก็บของตั้งโชว์ลงกล่องจนหมด ทำความสะอาดทุกอย่างใหม่เอี่ยมเพื่อพร้อมออกไปอยู่ที่อื่น แม้ว่าเจ้าตัวจะรู้สึกอาลัยอาวรณ์และใจหายก็ตาม

แต่หล่อนคงทนยิ้มและโบกมือทักทายตอนเขาพาแฟนมานอนที่ห้องไม่ได้...

ตนก็เป็นคนมีเลือดเนื้อและหัวใจ ไม่แข็งแกร่งพอจะอวยพรให้เขามีความสุขกับหญิงอื่น ทางที่ดีคือรีบตัดขาดโดยเร็ว

พบกันเพียงแค่ในห้องและตอนทำโปรเจคก็พอแล้ว

“ฉันจะย้ายออก” เอ่ยเสียงเรียบแต่ทำให้คนที่ง่วงเบิกตากว้าง ค่อนข้างตกใจพอสมควรกับธุระของอีกฝ่าย

“ทำไมจะย้ายออกล่ะ”

เขาถามราวไม่รู้ ทั้งที่ทุกอย่างมันชัดเจนและเธอคงไม่หน้าหนาทนอยู่ที่นี่อีกต่อไป แม้เขมิกาจะไม่ทราบสถานะระหว่างพวกเรา แต่หล่อนรู้ดีแก่ใจทั้งไม่อาจทำร้ายความรักของเขาและแฟนสาวได้ ทางเลือกที่ดีคือเก็บความลับเอาไว้เหมือนเดิม พร้อมเดินจากไปให้เงียบที่สุด

เธอไม่ได้สำคัญกับเขามากขนาดนั้นหรอก ขาดตนไปอชิราก็คงไม่รู้สึกอะไร

“นายมีแฟนแล้ว ส่วนเรื่องของเราก็จบลงแล้ว อีกอย่างเรากำลังจะเรียนจบฉันก็ต้องเข้าทำงานที่บริษัท จัดการตอนนี้ให้มันเรียบร้อยไปเลยน่าจะดีกว่า”

“ถึงเรื่องของเราจะจบแต่เธอก็ยังเป็นเพื่อนฉัน อยู่ห้องนี้ได้ตามสบาย...” ฟังเหตุผลของหล่อนก็เข้าท่า แต่เขากลับค้านทันทีก่อนกลืนประโยคทั้งหมดลงคอเมื่อถูกฝ่ายหญิงต้อน

“โดยที่ยังรับเงินจากนายและให้นายจ่ายค่าห้องให้น่ะเหรอ” เป็นเพื่อนกันมาสี่ปีรู้ดีว่าหญิงสาวไม่ใช่คนเห็นแก่ได้หรือเห็นแก่ตัว

เธอยอมเขาเพราะถือว่าอชิราเป็นเพื่อนและมีผลประโยชน์ต่อกัน แต่เมื่อเขาเลือกทางเดินชีวิตใหม่พร้อมทั้งมีหญิงสาวที่เพียบพร้อมเคียงข้าง เกสรก็ไม่ต้องการเข้าไปแทรกกลางหรือทำลายความรักของใคร ไม่อยากเป็นต้นเหตุให้ชายหนุ่มต้องเลิกราหากเรื่องของเรามันแดงขึ้นมา

“ฉันไม่อยากให้เธอไป”

บอกเสียงอ่อนโดยที่ตนก็ไม่เข้าใจความคิดของตัวเองเท่าไหร่ รู้เพียงว่าการมีเกสรอยู่ข้างกายมันทำให้อุ่นใจ อยากกินอะไรหรือหิวเมื่อไหร่ก็แค่เดินเข้าห้องหล่อน เหงาก็เปิดประตูมานอนกอดคนที่หลับสนิท นานวันเข้าก็กลายเป็นความเคยชิน

เธอคือความสบายใจของเขา...

“แล้วจะให้อยู่แบบนี้ไปตลอดเหรอ ฉันไม่เอาด้วยหรอกนะ...ฉันก็ต้องมีชีวิตเป็นของตัวเองเหมือนกัน อย่างที่นายมีเข็ม...” ยังไม่ทันพูดจบ เขาก็รีบแทรกแล้วกล่าวเหตุผลที่คนฟังเกือบถอนหายใจหนักใส่หน้าไปแล้ว

“เธอมีคนอื่นเหรอ!” เกสรไม่คิดว่าร่างหนาจะเข้าใจอะไรยากเช่นนี้

อยากคิดเข้าข้างตัวเองว่าการที่เขารั้งตนไว้เพราะรัก แต่รู้ดีว่ามันไม่ใช่ เขาแค่หวงของเล่นที่อยู่ใกล้มือก็เท่านั้น

เหมือนเด็กที่มีของเล่นชิ้นโปรด พอถูกแย่งไปก็รั้นอยากได้คืน...แต่ไม่มีความรู้สึกรัก

“ฉันไม่ได้มีใคร แค่ไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว ฉันควรจะยืนด้วยลำแข้งของตัวเองมากกว่าจะพึ่งพานายตลอดไปไม่ใช่เหรอ นายก็ต้องดูแลแฟนของตัวเอง มันคงไม่ดีถ้าเข็มรู้ว่านายต้องจ่ายเงินให้ฉันรายเดือนแล้วยังจ่ายค่าห้องอีก”

“ช่างเถอะน่า เข็มไม่รู้หรอก”

เขายังคงดื้อดึงเพื่อรั้งไม่ให้เธอไป เกสรเงียบไปสักพัก จ้องเสี้ยวหน้าคมของคนดื้อตาใส เพราะไม่ว่าอย่างไรอชิราก็ยังยืนกรานให้เธออยู่ที่นี่เหมือนเดิม

“ฉันมีคนที่ชอบแล้ว” จากที่กอดอกนั่งหันข้างให้หล่อน ก็เปลี่ยนมาหันมองเต็มตา

เมื่อใช้เหตุผลกับเขาไม่ได้ ก็คงต้องโกหกเพื่อจะได้ออกจากสถานการณ์ที่กำลังเผชิญ เธอไม่อาจทนอยู่ห้องนี้ได้อีก และเชื่อว่าถ้าพูดแบบนี้ไป ตนเองคงเป็นอิสระจากกรงขังของอชิรา ไม่คิดเลยว่าจะทำให้ชายหนุ่มโกรธหรือเปล่า

“ใคร”

“นายไม่รู้จักหรอก เอาเป็นว่าฉันมีคนที่ชอบแล้ว อนาคตอาจจะคบกันและเขาคงไม่สบายใจถ้ารู้ว่าฉันมีผู้ชายคนอื่นเลี้ยงดู ธุระที่พูดก็มีแค่นี้แหละ นายรีบกลับห้องเถอะก่อนที่เข็มจะตื่น” ลุกจากโซฟาแล้วเดินไปเปิดประตูเป็นการไล่เขากรายๆ

หล่อนสรุปเองทั้งหมดว่าเขาตกลงแล้ว ไม่ได้ดูดวงหน้าคมเลยว่าโกรธมากเพียงใด อยากถามเรื่องของเธอมากกว่านี้แต่ดูท่าว่าเกสรคงไม่เต็มใจตอบ เอาไว้ให้หล่อนอารมณ์เย็นลงกว่านี้ คงได้ถามถึงที่มาที่ไปทั้งหมด

ว่าผู้ชายคนนั้นที่หล่อนกำลังจะคบ...เป็นใคร!

“ฉันจะฝากคีย์การ์ดไว้ที่นิตินะ เจอกันวันจันทร์” ร่างหนาเดินออกจากห้อง แต่ยังไม่ทันจะเปิดประตูห้องของตัวเอง เธอก็รีบแจ้งให้เขาทราบพร้อมปิดประตูห้องลงรวดเร็ว เหลือเพียงความว่างเปล่าจนอชิราอยากเปล่งเสียงหัวเราะคลายความหงุดหงิด

ทุกอย่างรวดเร็วจนเขาตั้งตัวไม่ทัน เกือบจะเดินเข้าไปในห้องของเกสรแล้วหากไม่เป็นเพราะแฟนสาวเปิดประตูออกมาก่อน

“อชิไปไหนมา...” เธอยังตื่นไม่เต็มตาด้วยซ้ำ

เขารีบยิ้มแล้วส่ายหน้าปฏิเสธ เข้าไปกอดเขมิกาแล้วรีบเข้าห้องอย่างรวดเร็ว “ทิ้งขยะน่ะ เราไปนอนต่อดีกว่า” ความลื่นไหลของเขาทำให้เธอเชื่อสนิท พยักหน้าก่อนเดินตามร่างสูงเข้าห้อง หลับทันทีเมื่อหัวถึงหมอน

ต่างจากคนชวนที่นอนไม่หลับ ในหัวคิดถึงเรื่องที่คุยกับเกสร

เธอชอบใคร...

ผู้ชายคนนั้นจะไว้ใจได้หรือเปล่า...ที่อยากรู้ก็เพราะเป็นห่วงหล่อนในฐานะเพื่อนเท่านั้น 

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel