๓ เหงาลำพัง (๑)
๓
เหงาลำพัง
ราคาเสื้อที่เธอซื้อเพื่อเป็นของขวัญวันเกิดให้เขา ทำเอาเกสรต้องตัดค่าใช้จ่ายไม่จำเป็นทั้งสัปดาห์ออก โชคดีที่ในตู้เย็นมีวัตถุดิบซื้อไว้ยังเหลือสำหรับทำกินได้ทั้งอาทิตย์ แต่คงต้องห่อไปกินที่มหาวิทยาลัยด้วยเพราะไม่อยากใช้เงินที่เหลือน้อยนิดของตัวเอง
ช่วงนี้คงต้องรัดเข็มขัดแน่นกว่าเดิม ถึงจะอึดอัดหน่อยก็ไม่เป็นไรหรอก อย่างน้อยก็ได้ของขวัญให้อชิราแล้ว...
ยิ้มพึงพอใจกับตัวเองแล้ววางเสื้อที่ซื้อมาพากไว้บนโซฟา ค่อยนำใส่กล่องแล้วห่อทีหลังยังหากระดาษห่อของขวัญที่ถูกใจไม่ได้
ส่วนตนก็เดินเข้าห้องน้ำไปชำระร่างกาย สวมเสื้อยืดกับกางเกงขาสามส่วน เช็ดผมที่เปียกแล้วเป่าให้แห้งจึงไม่ได้ยินว่าประตูห้องถูกเปิดออก พร้อมร่างสูงที่เดินเข้ามาทิ้งตัวลงบนโซฟาด้วยความเคยชิน
ตั้งแต่เธอย้ายมาอยู่ข้างห้อง เขาก็แทบไม่ได้กลับห้องของตัวเอง ส่วนมากก็ขลุกอยู่กับเกสร ไม่ว่าจะทำงานบ้าง ให้หล่อนช่วยติวหนังสือบ้าง หรือทำกิจกรรมเข้าจังหวะอย่างไม่รู้เบื่อ แต่สถานะก็ยังเป็นเพียงแค่เพื่อนเหมือนเดิม
“หือ...เสื้อใคร” เหลียวมองพนักโซฟาแล้วหยิบเสื้อเชิ้ตสีสมแสบตาสำหรับตนมาจับดู เป็นแบรนด์ดังจนร่างหนาต้องขมวดคิ้ว รู้ดีว่าเกสรเป็นคนมัธยัสถ์แค่ไหน แต่ละวันใช้เงินไม่ถึงหนึ่งในร้อยในยุคที่ค่าครองชีพแสนแพง บางครั้งที่เขาซื้อของแพงให้หล่อนก็โดนดุไปด้วย ใช้ของซ้ำไปมาจนเป็นตนทนมองไม่ได้ซื้อใหม่ให้ด้วยความจริงจังและหวังดี
ทว่าคราวนี้กลับซื้อเสื้อราคาแพง แล้วดูเหมือนว่าจะไม่ได้ซื้อมาใช้เองเสียด้วย
เสื้อผู้ชาย...
นัยน์ตาเบิกกว้างขึ้นเมื่อคิดว่าหญิงสาวกำลังมีใครในใจโดยที่เขาไม่ทราบ หล่อนไม่ได้บอกเขาสักครั้ง และอชิราไม่เคยคิดว่าอีกฝ่ายจะชอบใคร
สิ่งที่เธอชอบน่าจะเป็นหนังสือมากกว่า
“อชิ!...มาตั้งแต่เมื่อไหร่” ออกจากห้องน้ำถึงกับผงะที่เห็นร่างสูงนั่งอยู่โซฟา ในมือยังถือเสื้อสีส้มที่เธอซื้อเป็นของขวัญวันเกิดให้เขาอีกต่างหาก ดวงตากลมเบิกกว้างด้วยความตกใจ รีบวิ่งมาดึงเสื้อออกจากมือเขา ซ่อนไว้ข้างหลังถึงจะไม่ทันแล้วก็ตาม
เขาเอนกายพิงพนัก มองเธออย่างพินิจเพราะเห็นได้ชัดว่าหญิงสาวตกใจ ไม่เคยเห็นหล่อนแสดงอาการเช่นนี้มาก่อน ในใจเริ่มคุกรุ่นอยากรู้ว่าผู้ชายที่หล่อนซื้อเสื้อให้เป็นใคร
“เสื้ออะไรสีเชยชะมัด ใครจะกล้าใส่ก็ไม่รู้” น้ำเสียงแตกต่างจากทุกครั้ง แฝงไว้ด้วยความไม่พอใจแต่หล่อนกลับไม่รับรู้ถึงอารมณ์ของเขา ใบหน้าหวานจึงหม่นลงพร้อมเอาเสื้อออกมาจากที่ซ่อนด้านหลัง คงไม่ต้องปิดแล้วล่ะเมื่อเขาเห็นเต็มสองตา
และดูท่าของขวัญชิ้นนี้...เจ้าตัวจะไม่ค่อยปลื้มเท่าไหร่
“ซื้อให้พ่อน่ะ...อยากให้แกใส่เสื้อผ้าดีๆ กับเขาบ้าง ใกล้วันเกิดพ่อแล้วด้วย...มันไม่สวยขนาดนั้นเลยเหรอ”
คำตอบของหล่อนทำให้คนพูดถึงกับชะงัก ตอนแรกคิดว่าหญิงสาวซื้อให้ผู้ชายรุ่นราวคราวเดียวกันเสียอีก ไม่นึกว่าจะซื้อให้บุพการีจนเขาอยากกลืนคำพูดนั้นกลับลงคอ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ทันเสียแล้ว แววตาของหล่อนเศร้าอย่างเห็นได้ชัด
“เอ่อ มันสวย พ่อเธอต้องชอบแน่...แค่มันไม่ใช่เทสของฉันแต่คิดว่าพ่อเธอน่าจะดีใจที่เธอซื้อให้นะ” พยักหน้าพลางยิ้มให้กำลังใจหล่อน แต่ความรู้สึกเสียไปแล้วกู้กลับคืนไม่ได้ภายในเสี้ยววินาที เธอจำต้องพยักหน้าแล้วยัดเสื้อกลับลงถุงเหมือนเดิม
หมายจะเดินเข้าห้องกลับถูกมือหนาคว้าแขนแล้วดึงให้นั่งลงบนตักอย่างรวดเร็ว เห็นสีหน้าเธอไม่ดีขึ้นก็รู้สึกผิดกับความปากไวของตัวเอง
“ฉันปากไม่ดีเอง เธออย่าโกรธเลยนะ”
“ไม่ได้โกรธ”
ปากบอกแบบนั้นแต่หน้ากลับหันมองทางอื่นไม่สบตาเขาสักนิด อชิราจึงกระชับอ้อมแขนแน่นกว่าเดิม “ไม่ได้โกรธก็มองหน้าสิ สบตาแล้วยิ้มให้กันด้วย” สั่งเสียงอ่อนแต่เธอกลับไม่ยอมทำตาม ยกมือขึ้นกอดอกพยายามไม่โดนตัวอีกฝ่าย
“ทำไมต้องทำ”
“ไม่ทำแสดงว่าโกรธ”
“บอกว่าไม่ได้โกรธ!” เผลอขึ้นเสียงตามแรงอารมณ์แล้วเผลอหันไปสบตาเขา
ไม่ได้โกรธสักหน่อย...แค่น้อยใจต่างหาก
ของขวัญที่เธอพยายามเลือกหาเพราะคิดว่าเขาน่าจะชอบ ทั้งยังไม่เคยเห็นอีกฝ่ายใส่เสื้อสีนี้ หากชายหนุ่มใส่จะต้องสดใสเข้ากับเขาแน่นอน ไม่คาดคิดถึงผลลัพธ์อีกแบบ
นอกจากไม่ชอบแล้ว ยังดูถูกของขวัญของเธออีกต่างหาก...ไม่ให้น้อยใจได้อย่างไร
ตืด ตืด ตืด
ยังไม่ทันที่เธอจะพูดอะไรออกไป โทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงของเขาก็สั่น เกสรรีบลุกจากตักกว้างแล้วเดินเข้าห้องนอนเพื่อเก็บเสื้อราคาแพงที่กลั้นใจจ่ายเงิน คิดว่าคงเป็นของขวัญที่เจ้าของวันเกิดประทับใจ
ไม่คิดว่าผลลัพธ์จะตรงกันข้าม...
“ฮัลโหล” เขากรอกเสียงลงไปเมื่อเห็นเบอร์แปลก รอจนปลายสายตอบรับแล้วคุ้นกับเสียงเป็นอย่างมาก ดวงตาเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย แล้วเผลอตะโกนถามเสียงดัง จนคนที่อยู่ในห้องได้ยินด้วย
“เข็ม...เข็มเหรอ!” คงหมายถึงเขมิกาสาวสวยคณะอักษรคนนั้น เธอก้มหน้านิ่งแล้วนำเสื้อเข้าไปแขวนไว้ในตู้เสื้อผ้า นั่งอยู่ในห้องนอนพลางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเล่นไปเรื่อย ทั้งที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะกดทำไม สายตาอาจมองจอสี่เหลี่ยม และหูกลับผึ่งฟังเสียงข้างนอก
“ว่างสิ เราจะรีบไปหาเดี๋ยวนี้เลย” พูดจบก็รีบวิ่งออกจากห้องของหล่อน ไม่ทันจะล่ำลาเพื่อนด้วยซ้ำประตูก็ปิดลง พร้อมเสียงทุ้มที่หายไป
เกสรลุกจากเตียงแล้วเดินออกมามองประตูที่ปิดสนิท แค่ฝ่ายหญิงโทรหาก็ทำให้เขาหุนหันออกไปไมบอกลากันสักคำ ความน้อยใจปะทุขึ้นมาอีกครั้ง แฝงด้วยอารมณ์หึงหวงแม้จะรู้ตัวว่าตนเองไม่มีสิทธิ์ก็ตาม
แต่จะทำอย่างไรได้ล่ะ ความรู้สึกห้ามกันไม่ได้อยู่แล้ว อีกไม่นานเธอคงเป็นคนที่ถูกทิ้งอย่างสมบูรณ์แบบ
ดีเหมือนกัน...ต่อจากนี้จะได้เพ่งความสนใจไปที่เรื่องการเรียนอย่างเดียว
ไม่ต้องสนใจว่าเขาจะมาหาหรือเปล่า ไม่ต้องทนให้ร่างกายเหนื่อยเพื่อตอบสนองความต้องการของใคร ได้อ่านหนังสือของตัวเองเต็มที่ไม่ต้องคอยแบ่งเวลาไปทำงานให้คนอื่น เป็นเรื่องดีทั้งหมดไม่ใช่หรือไง...แล้วทำไมใจถึงวูบโหวงเช่นนี้ล่ะ
ส่ายศีรษะเรียกสติให้ตัวเอง ถ้าอยู่ห้องต่อไปคงฟุ้งซ่านแน่ หญิงสาวจึงเลือกเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วขึ้นรถไฟฟ้าไปลงที่ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ใจกลางกรุง เลือกเข้าร้านหนังสือแล้วหาหนังสือที่สนใจอ่าน ถึงเงินจะเหลือในบัญชีไม่เยอะ แต่ถ้ามีหนังสือเรื่องไหนน่าสนใจหล่อนก็พร้อมควักกระเป๋าจ่ายทันที