๒ คนไกลใจ (๓)
เลือกพยักหน้าแล้วยกมุมปากขึ้นเล็กน้อยคล้ายยิ้ม แต่ดวงตากลมแห้งผากแฝงไปด้วยความเสียใจ
ซึ่งเขาไม่สังเกตเห็น...หรือเขาไม่ได้สนใจหล่อนกันแน่
ประตูบานหนาปิดลงพร้อมน้ำตาที่ไหลเปื้อนแก้ม รีบปาดมันออกทันทีแล้วเดินเข้าครัวเริ่มเตรียมวัตถุดิบในการทำขนม ถ้าทำตอนนี้กลัวว่ากินพรุ่งนี้มันจะไม่สดใหม่ คงต้องตื่นเช้าหน่อยเพื่อทำขนมให้เขาตอนเช้ามืด
ไม่แน่ว่าเรื่องเล็กน้อย อาจมัดใจอชิราก็ได้
“แม่ โอนเงินไปให้แล้วนะ ได้รับแล้วใช่ไหม” ทุกเย็นมักโทรหาครอบครัวที่ทำอาชีพรับจ้าง มารดาทำความสะอาดตามบ้านและรับทำความสะอาดเสื้อผ้า ส่วนบิดาก็ทำงานก่อสร้างกับลุงที่รู้จักกัน น้องชายของเธอเรียนชั้นมัธยมต้นค่าใช้จ่ายก็เพิ่มขึ้น ยังดีที่มีบ้านและที่ดินเป็นของตัวเอง ทำนาเกี่ยวข้าวส่งมาให้เธอทุกปี
ที่สำคัญหนี้ที่มีก็ยืมจากญาติ ไม่ใช่กู้นอกระบบไม่อย่างนั้นหล่อนคงแย่กว่านี้...
‘ได้แล้ว น้ำมีเงินใช้หรือเปล่า ทำไมโอนให้แม่เยอะขนาดนี้ล่ะ’ ยิ้มเล็กน้อยกับความห่วงใยที่ได้รับ
“มีสิแม่ น้ำแยกเงินไว้ใช้แล้ว ที่โอนให้เยอะเพราะน้องจะได้เอาไปโรงเรียน เห็นว่ามีโครงการต้องทำใช้เงินไม่ใช่เหรอ แล้วพ่อกับแม่ก็เก็บไว้ใช้ด้วย”
‘ขอบคุณมากนะลูก ถ้าไม่ได้น้ำพวกเราแย่แน่’
“ครอบครัวเดียวกันนี่น่า ก็ต้องช่วยกันสิแม่” ยามได้คุยกับมารดาก็พอจะทำให้ความเศร้าทุเลาลงบ้าง เธอคุยสัพเพเหระไปเรื่อยจนเริ่มอยากกลับบ้าน ทว่าคงไม่ได้กลับอีกนานเพราะหลังเรียนจบก็เข้าทำงานที่บริษัทบัญชียักษ์ใหญ่
เริ่มคิดถึงกลิ่นทุ่งนาที่อยู่หน้าบ้าน ลำคลองผ่านหลังบ้าน ควายหนึ่งตัวที่พ่อชอบจูงออกไปเล็มหญ้า บ้านสองชั้นใต้ถุนโล่งซึ่งหล่อนมักจะนอนอ่านหนังสือบนแคร่ ข้างตัวเปิดวิทยุฟังข่าวตามคลื่นต่างๆ ไปด้วย เพราะกลัวว่าถ้าเปิดทีวีจะทำให้เห็นภาพแล้วดึงความสนใจไปจากหนังสือจนหมด
บ้านเธอไม่ได้รวยแต่ต้องขอบคุณรุ่นปู่ย่าซึ่งทิ้งที่ทำกินเอาไว้ให้มากมาย พอจะได้เงินจากการขายข้าวบ้างแต่ก็หมดไปกับการทำนาครั้งต่อไป...วนลูปแบบนี้จนต้องหาอาชีพอื่นเลี้ยงตนและครอบครัว
ความจริงพ่อแม่อยากให้หล่อนรับราชการ แต่เกสรคิดดูแล้วถึงงานจะมั่นคงแต่ว่าเงินที่ได้ก็น้อยเสียเหลือเกิน จึงเลือกทำงานบริษัทเอกชนที่เงินเดือนเริ่มต้นสามหมื่น แล้วจากนั้นค่อยขยับขยายหาทางอื่น
แต่นั่นก็เป็นเรื่องของอนาคตหล่อนยังไม่อยากคิดถึง ใช้ชีวิตกับปัจจุบันก่อนแล้วกัน
เช้าวันต่อมาเธอเริ่มทำขนมไข่โบราณให้เขา ใส่ใจทุกขั้นตอนพลางเปิดเพลงฟังไปด้วย การได้ทำสิ่งใดเพื่อคนรักมันดีเช่นนี้เอง ขนมก็ออกมาเหลืองสุกน่ารับประทาน พอลองชิมรสชาติก็หวานกำลังดี นุ่มละมุนลิ้นแทบจะกลืนโดยไม่ต้องเคี้ยว
พึงพอใจเป็นอย่างมากกับการตื่นเช้าแล้วมาทำขนมให้เขา หล่อนใส่กล่องเรียบร้อยก็ไปอาบน้ำแต่งตัว ออกมาอุ่นอาหารเช้ากิน มองนาฬิกาอีกทีก็ใกล้จะถึงเวลาเข้าเรียน พอดีกับเสียงประตูที่เปิดออก แน่นอนว่ามีเพียงคนเดียวที่เปิดมันโดยไม่ต้องเคาะก่อน
อชิรา...
“อื้อ หอมตั้งแต่หน้าประตู ขนมเสร็จแล้วใช่ไหม”
“เสร็จแล้ว อยู่ในถุงนั่นแหละ ลองเปิดชิมดูสิว่าอร่อยหรือเปล่า” เธอเข้าไปล้างจานหลังจากรับประทานอาหารจนอิ่ม จากนั้นจึงเดินออกมาสมทบกับร่างสูง คิดว่าเมื่อคืนเขาจะมานอนด้วยจึงรอจนถึงครึ่งค่อนคืน แต่ทุกอย่างกลับเงียบกริบ
ไม่รู้ว่าผล็อยหลับไปตอนไหน ตื่นมาอีกทีข้างกายก็มีเพียงหมอนข้าง หาใช่หนุ่มข้างห้องเหมือนทุกที
“เมื่อวานนายไม่ได้กลับห้องเหรอ” เขาเปิดขนมออกมาชิมเพียงชิ้นเดียว พยักหน้าพึงพอใจในรสชาติแล้วปิดกล่องเหมือนเดิม
“อืม นอนห้องไอ้นวัตน่ะ คุยกับมันเรื่องเข็มทั้งคืนเลย” จากที่ยิ้มแย้มก็กลับมาหน้านิ่งเช่นเดิม พยักหน้ารับทราบอย่างเดียวแล้วคว้ากระเป๋าใบใหญ่มาสะพายพร้อมถือโน้ตบุ๊กเอาไว้มั่น
“ขนมอร่อยดีนะ เข็มน่าจะชอบ” เอ่ยชมหล่อนแต่กลายเป็นว่าคนทำนิ่งชะงัก
ประโยคของเขากำลังทำให้เข้าใจว่าขนมที่เธอทำอาจจะไปอยู่ในมือของหญิงอื่น แต่ทว่าความตั้งใจของเกสรคืออยากให้ชายหนุ่มได้รับประทานขนมอร่อย ไม่ต้องการทำเพื่อเป็นของฝากให้เขาไปเอาใจคนอื่น
มือเรียวกำเข้าหากันแน่น โกรธเสียใจแต่แสดงออกไม่ได้สักอย่าง
“เพิ่งเจอกันเมื่อวาน ทำไมถึงรู้สึกเร็วขนาดนั้น” พากันเดินออกจากห้องแล้วล็อคประตู ระหว่างที่เดินไปยืนรอลิฟต์ หล่อนก็เลือกจะถามถึงความรู้สึกของฝ่ายชาย ที่ดูเหมือนจะตกอยู่ในห้วงสีชมพูจนคนมองนึกหงุดหงิด
“ความรักไม่เกี่ยวกับเวลาหรอก มันอยู่ที่ความรู้สึกต่างหาก...”
นั่นสินะ...
เธอกับเขารู้จักกันมาสี่ปี สานสัมพันธ์มากกว่าเพื่อนหนึ่งปี...สุดท้ายก็ยังเป็นได้เพียงเพื่อน
“ถ้าฉันมีแฟนก็คงไม่ได้กวนเธอบ่อยๆ แล้วล่ะ ไม่สิ...คงต้องยกเลิกสัญญา ฉันไม่อยากทำร้ายแฟนแล้วก็ต้องทำตัวให้สะอาดอยู่เสมอ” เธอชะงักอีกครั้งกับคำว่าทำตัวให้สะอาด
เขาหมายถึง...การมีอะไรกับเธอมันสกปรกอย่างนั้นหรือ
มือบางกำกระเป๋าโน้ตบุ๊กแน่น โกรธและน้อยใจแต่ไม่อาจแสดงอาการออกไปได้ พอดีกับที่กล่องโดยสารเปิดออกจึงรีบเข้าไปข้างใน ระหว่างการเดินทางมีเพียงเขาที่พูดไม่หยุด เรื่องส่วนมากก็กล่าวถึงเขมิกาไม่หยุด จนอยากตะโกนบอกให้เงียบหลายต่อหลายครั้ง สุดท้ายก็ไม่ได้ทำ
เลือกจะเงียบจนถึงหน้าคณะ ร่างหนาแยกไปยังคณะอักษรศาสตร์ เกสรจึงเดินขึ้นห้องเพื่อรอเรียน ระหว่างที่อาจารย์ยังไม่มาก็ใช้เวลานี้ค้นหาข้อมูลของผู้หญิงที่ชื่อเขมิกา
แค่ยอดคนติดตามก็ทำให้เธอยิ้มเยาะตัวเองแล้ว ยอดไลก์รูปของอีกฝ่ายยังเยอะกว่าจำนวนเพื่อนในเฟซเธออีก เลื่อนดูรูปและคอมเม้นก็ทราบได้ทันทีว่าเหตุใดอชิราถึงได้ตกหลุมรักแต่แรกพบ ใบหน้ารูปหัวใจ ผิดขาวดวงตากลมโต รอยยิ้มแสนหวานสะกดสายตา ฐานะทางบ้านร่ำรวย มีทุกอย่างทัดเทียมกัน
คนนอกอย่างหล่อนที่มองเข้าไป...ยังเห็นถึงความเหมาะสม
ยิ่งเลื่อนดูรูปไปเยอะเท่าไหร่ ความรู้สึกยิ่งดิ่งลงเท่านั้น เธอจึงเลือกจะปิดทุกอย่างแล้วเตรียมเอกสารสำหรับการเรียน สงบจิตสงบใจด้วยการกำหนดลมหายใจของตัวเอง เสียใจจนอยากร้องไห้แต่ก็พยายามบอกตัวเองและย้ำถึงสถานะของเรา
ใช่...เธอไม่ได้เป็นแฟนเขา
แต่จะเสียใจไม่ได้เลยหรือในเมื่อหัวใจถูกกรีดจนเป็นแผลเช่นนี้
“มาแล้วๆ อาจารย์ยังไม่เข้าใช่ไหม”
ต้นเหตุของความเสียใจนั่งลงข้างหล่อน พลางถามเสียงตื่นเต้นได้ยินเสียงหอบชัดเจน คงเพราะเขารีบวิ่งขึ้นมาบนอาคารกลัวว่าจะเข้าเรียนไม่ทัน เห็นอย่างนั้นก็ลืมตาพลางหยิบขวดน้ำที่ถือติดมือมาด้วยยื่นให้เขา
“ขอบใจนะ” รีบเปิดขวดน้ำแล้วดื่มอึกใหญ่ ค่อยยื่นกลับคืนแล้วเริ่มเรียนเพราะอาจารย์เข้ามาในห้อง
พวกเขาไม่ได้พูดอะไรอีก เธอก็ตั้งใจเรียนต่างจากคนข้างกายที่เอาแต่คุยโต้ตอบแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับโทรศัพท์ เกสรบังคับสายตาให้มองหน้ากระดาน เรื่องตรงหน้าค่อนข้างยากจึงต้องตั้งสมาธิเยอะหน่อย
ไม่อยากเอาอารมณ์อื่นทำให้เสียการเรียน สำหรับเธอตอนนี้สิ่งที่สำคัญคือประคองเกรดเฉลี่ยไม่ให้ต่ำกว่า 4.00 อย่างไรก็ต้องได้เกียรตินิยมเหรียญทองไปฝากครอบครัวให้ได้
ส่วนเรื่องอื่น...ไม่ถือว่าสำคัญ
“อาทิตย์หน้าวันเกิดมึงป่ะ จัดที่ไหน”
ระหว่างรับประทานอาหารเที่ยงที่โรงอาหารใต้คณะ ธนัชก็ถามขึ้นเหมือนเพิ่งนึกออก ขณะที่หล่อนจำได้นานแล้วว่าใกล้ถึงวันเกิดของอชิรา ทุกปีไม่ได้ซื้อของให้เขาสักชิ้น อย่างมากก็ทำรายงานหรือจดเลคเชอร์การเรียนเป็นของขวัญ คิดว่าน่าจะสำคัญกับชายหนุ่ม
ปีนี้นึกอยากให้ของขวัญแบบเป็นกิจจะลักษณะ...แต่เธอจะซื้ออะไรให้ล่ะ
ในเมื่ออีกฝ่ายมีพร้อมหมดทุกอย่างแล้ว
“ไม่จัดหรอก มันใกล้กับวันเรียนจบเลยว่าจะจัดรอบเดียวเลย ไม่อยากเปลืองเงินพ่อแม่โดยใช่เหตุ”
คุยกับครอบครัวเรียบร้อยแล้วทุกคนก็เห็นพ้องต้องกัน อย่างไรก็จะจัดฉลองหลังเรียนจบให้ลูกชายคนเล็กอยู่แล้ว ใช้โอกาสนี้ควบฉลองงานวันเกิดไปด้วยเลย
“โห ตั้งแต่จีบสาวนี่หัวสมองมึงไม่ได้มีแต่ขี้เลื่อยแล้วนี่หว่า”
“ปากมึงนี่น่าตบให้เลือดกลบจริงๆ สมองกูมีแต่รอยหยักเว้ย”
นั่งทะเลาะกันไปมาสร้างสีสันระหว่างวัน มีเพียงร่างบางที่นั่งเงียบไม่ได้ขัดเพื่อน เธอกำลังคิดว่าจะซื้อของขวัญอะไรให้เขาดี...
แล้วของที่ตนซื้อ...อชิราจะชอบหรือเปล่า