๒ คนไกลใจ (๒)
“อ้อ คนขาวออร่ากระจายน่ะเหรอ ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นเข็มหรือเปล่า เขมิกา กมลาภาเป็นเชียร์ลีดเดอร์อักษร จำได้ว่ามีแฟนแล้วแต่เหมือนเพิ่งจะเลิกกับแฟน ไม่รู้สิ กูไม่ค่อยรู้เรื่องคนอื่นเท่าไหร่” พอได้ยินประโยคหลังทำเอาร่างสูงถึงกับต้องกรอกตามองบน
นี่ขนาดไม่รู้มากเท่าไหร่ยังพูดเรื่องคนอื่นลื่นไหล ถ้ารู้จริงจะไม่ทราบถึงทะเบียนราษฎร์เลยหรือ
“แยกย้ายนะเพื่อน กูไปเรียนล่ะ” ตบบ่าหนาแล้วก้าวไปอีกทาง เขาเองก็เดินขึ้นบันไดแล้วหันไปด้านข้างคิดจะถามเกสรว่าเรียนห้องไหน กลับพบเพียงความว่างเปล่าก็ถึงกับอึ้ง
ปกติเขามักจะตัวติดเธอเพราะจำห้องเรียนหรือวิชาเรียนไม่ได้ ต้องถามหญิงสาวตลอด พอเธอไม่อยู่จึงเหมือนคนหลงทาง หยิบโทรศัพท์มากดส่งไลน์ไปถามเพื่อนร่วมภาควิชา ไม่นานหล่อนก็บอกเลขห้องจึงได้ยิ้มกว้าง
ตอนลงทะเบียนเรียนก็เป็นหญิงสาวจัดการและวางแผนให้ทุกอย่าง ถ้าไม่ได้หล่อนป่านนี้คงเรียนไม่จบหรือซิ่วไปแล้ว
“ไม่รอกันเลย” เข้ามาในห้องระหว่างรออาจารย์เข้าสอน ก็รีบจับจองที่ว่างข้างหล่อน
ความจริงในภาควิชาก็มีผู้ชายแต่เขาไม่ค่อยสนิท มีเพียงเกสรที่รู้สึกสนิทสนมจึงเกาะติดหล่อนไม่ไปไหน ยามอาจารย์ให้ทำงานคู่ก็ได้อานิสงค์อยู่กับเธอ งานที่ทำออกมาดีคะแนนก็ดีไปด้วย
“นึกว่าจะเข้าห้องน้ำ ขี้เกียจรอ” พยายามทำหน้านิ่งไม่ให้เขาสังเกตเห็นถึงความหงุดหงิดในใจตน
ยอมรับว่าไม่ชอบใจที่อีกฝ่ายทำท่าเหมือนตกหลุมรักผู้หญิงคนอื่นในเวลาไม่กี่วินาที ทั้งที่เธออยู่ข้างกายตลอดเวลา คอยดูแลทุกอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง แต่ทำไมเป็นได้เพียงแค่เพื่อน
ไม่เข้าใจเลยสักนิด...
เขาไม่ได้ต่อความอีก หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพิมพ์คุยโต้ตอบกับเพื่อน หล่อนแอบชำเลืองมองอยากรู้ว่าคุยกับใคร แต่ก็ต้องหันกลับมามองหน้าห้องเมื่ออาจารย์เดินเข้ามาพอดี
อยากสนใจเนื้อหาตรงหน้าแต่อาการของคนข้างกายทำให้เธอเรียนไม่รู้เรื่องเลยสักนิด หงุดหงิดจนทุกอย่างขวางหูขวางตาไปเสียหมด
แต่เธอไม่ใช่แฟนและเป็นเพียงแค่เพื่อน จะแสดงความเป็นเจ้าของก็ทำไม่ได้
“ไปล่ะนะ” เลิกเรียนช่วงเย็นต่างก็แยกย้ายกับเพื่อนในห้อง หล่อนเดินลงจากอาคารพร้อมเขาแต่ชายหนุ่มก็หันมาโบกมือลาเตรียมจะแยกไปอีกทาง ทว่ามือเรียวกลับคว้าปลายเสื้อของอชิราเอาไว้ โดยที่เจ้าตัวก็ไม่ทันจะรู้ตัว
“หือ...” เขาหันมองแล้วเลิกคิ้วเป็นการถาม
เธอเพิ่งรู้ตัวว่ากำลังรั้งอีกฝ่ายไว้ จึงปล่อยมืออย่างรวดเร็ว “กลับบ้านใหญ่เหรอ” ปกติถ้าเลิกเรียนก็มักกลับคอนโดพร้อมกัน หรือไม่ชายหนุ่มก็ไปส่งเสมอ แต่วันนี้กลับขอปลีกตัวโดยไม่หันมาถามว่าหล่อนกลับอย่างไรด้วยซ้ำ
“เปล่าหรอก จะไปคณะอักษรน่ะ ไปแล้ว” โบกมือลาพร้อมเดินไปขึ้นรถซีดานคันหรู
ไม่คำชวนจากเขา แววตายังเปล่งประกายไปด้วยความสุข เกสรไม่อยากคาดเดาว่าเขาจะไปคณะอักษรทำไม ไม่มีใครที่รู้จักอยู่คณะนั้นสักหน่อย มือที่ถือกระเป๋าโน้ตบุ๊กจับกระชับแน่นกว่าเดิม ความรู้สึกหลากหลายประดังประเดเข้ามาไม่มีหยุด
ทั้งหึงหวง โกรธ น้อยใจ เสียใจ...แม้จะรู้ว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์ในตัวเขาก็ตาม
หญิงสาวเดินไปขึ้นรถไฟฟ้าเพื่อกลับคอนโดมิเนียมที่อยู่ใกล้สถานศึกษาของตน เหนื่อยจนไม่สามารถทำอะไรได้แล้ว หัวใจหนักอึ้งเกินไปพาลทำให้หมดอารมณ์ทำสิ่งใด แต่เพิ่งจำได้ว่าต้องซื้อของเข้าห้อง จึงแวะห้างสรรพสินค้าขนาดเล็กที่อยู่หน้าทางเข้าที่พัก
หากมากับเขาก็จะมีหนุ่มหล่อเข็นรถตามหลัง ถึงอชิราจะมีชื่อเสียงแต่ก็ไม่ได้โด่งดังจนคนรู้จักมากนัก ส่วนใหญ่ที่มองก็เพราะความหล่อของอีกฝ่ายทั้งนั้น ไม่ค่อยมีคนเข้ามาขอลายเซ็นหรือถ่ายรูป ยังสามารถใช้ชีวิตส่วนตัวได้
“น้ำ หนึ่งแถมหนึ่งด้วย เอากลิ่นไหนดี...สตรอว์เบอร์รี่หรือช็อคโกแลต หรือเอาแบบปุ่มไหม น่าสนเหมือนกันนะ” อยู่ดีๆ ก็นึกถึงครั้งที่เรามาเดินด้วยกันแล้วเขาเจอถุงยางอนามัยวางเรียงพร้อมโปรโมชั่นซึ่งหนึ่งแถมหนึ่ง จึงดึงหล่อนเอาไว้ยังถามราวเป็นเรื่องปกติ เล่นเอาเกสรหน้าแดงก่ำด้วยความอาย ต้องรีบหยิบแล้วพาเขาเดินออกจากโซนนั้นทันที
ยิ่งต่อความมากก็ยิ่งอายกว่าเดิม จึงพาเขาไปซื้ออย่างอื่นโดยที่อชิราก็ไม่ได้พูดหรือคุยเรื่องนั้นอีก เขาแค่ถามเพราะเธอคือคู่นอน ไม่ได้มีอารมณ์อื่นแฝงสักนิด
“รีบซื้อเถอะจะได้รีบไป” บอกตัวเองเสียงเบา
ซื้อของที่จำเป็นแล้วขึ้นห้อง หล่อนเลือกทำงานในส่วนของตัวเองเพื่อจะได้ไม่ต้องคิดเรื่องอชิรา ไม่เคยมีความรักมาก่อน พอมีครั้งแรกก็เจอเรื่องหนัก คิดว่าความรู้สึกจะไม่ถลำลึกแต่หล่อนคิดผิดไป ยิ่งอยู่ใกล้กันหัวใจก็ผูกพันมากขึ้นเรื่อยๆ
จนถึงตอนนี้ที่รักหมดใจแต่ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง เพราะเขาให้สถานะเป็นเพียงเพื่อน...และคู่นอน
“น้ามมมมม” ประตูห้องของเธอถูกเขาเปิดด้วยคีย์การ์ดสำรอง เดินหน้ามุ่ยเข้ามาพลางเรียกชื่อของเพื่อนเสียงยานคาง เธอละมือจากเอกสารตรงหน้าแล้วหันมองเขา เกือบเผลอยิ้มแล้วที่เจออชิราแต่ก็ยั้งตัวเองเอาไว้ ตีหน้านิ่งเหมือนเดิม
“อยากกินขนมที่เธอเคยทำให้กิน...เขาเรียกอะไรนะ ขนมไข่หรือเปล่า” เขาไม่เคยกินขนมชนิดนั้นมาก่อน ต่างจากหล่อนที่ได้กินบ่อยเพราะแถวบ้านขายในราคาถูก วัตถุดิบก็มีไม่กี่อย่างแถมยังทำง่ายอีกต่างหาก
ขนมไข่โบราณที่เธอทำให้เขากินไม่ได้มีแบบพิมพ์ จึงใช้ถาดหลุมเพื่อให้ขนมเข้าทรง แล้วดูเหมือนอีกฝ่ายจะชอบมากเสียด้วย
จากตอนแรกที่คิดจะสงวนท่าทีเล็กน้อย พอเจอรอยยิ้มของหนุ่มหล่อเข้าไปก็ปิดหนังสือแล้วลุกจากพื้นพรมทันที รีบเข้าไปหาวัตถุดิบว่าขาดอะไรหรือเปล่า โชคดีวัตถุดิบจากการทำคราวก่อนยังเหลือเยอะ
“นายกินข้าวหรือยัง ทำกับข้าวด้วยไหม”
“เอาสิ หิวเหมือนกัน” พยักหน้าทันที
ครัวที่ห้องหล่อนไม่ได้ใหญ่แต่ก็มีอุปกรณ์ครบครันทั้งยังใช้บ่อย ต่างจากห้องของเขาที่แทบไม่แตะเลย มีหม้อและกระทะที่มารดาซื้อไว้ให้ใช้ก็นำมาไว้ที่ห้องเกสรหมดแล้ว อย่างไรก็มาฝากท้องที่ห้องของหญิงสาวเป็นประจำ อีกทั้งตนก็ทำอาหารไม่เป็น
แล้วจะเก็บอุปกรณ์เหล่านั้นไว้ให้เปลืองพื้นที่ทำไมล่ะ
จากใจที่ห่อเหี่ยวก็กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง เธอมีความสุขเป็นอย่างมากเมื่อเห็นเขานั่งอยู่ในห้องของตน ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายไปคณะอักษรทำไม ขอเพียงร่างสูงยังอยู่กับเธอตรงนี้ก็พอแล้ว
ใช้เวลาทำอาหารไม่นานทุกอย่างก็พร้อมเสิร์ฟ เธอหุงข้าวไว้ก่อนหน้าแล้วไม่ต้องเสียเวลารอ คดข้าวใส่จานแล้วนำไปวางตรงหน้าอชิรา
“น่ากินมาก ฉันประหยัดค่าอาหารไปได้เยอะก็เพราะเธอเลย” ราชาติอาหารถูกปากและไม่มันจนเกินไป อีกอย่างเธอทำอะไรก็อร่อย แถมยังได้กินอาหารอีสานบ่อยครั้งนึกถูกใจกับความเผ็ดแซ่บจนชินกับการปั้นข้าวเหนียวกินไปแล้ว
กลับบ้านใหญ่ไปหาคุณปู่ก็ทำให้คนทั้งบ้านตกใจที่ลูกคนเล็กนั่งปั้นข้าวเหนียวจกส้มตำกับบรรดาแม่บ้าน ทั้งที่เมื่อก่อนไม่เคยหยิบเข้าปากด้วยซ้ำ
“อย่าลืมทำขนมไข่นะ จะเอาไปกินที่มหา’ลัยพรุ่งนี้” กินอาหารเสร็จนึกว่าเขาจะอยู่ด้วยกัน แต่ชายหนุ่มกลับสวมรองเท้าเตรียมพร้อมจะออกไปข้างนอก เธอหน้าเสียแต่ก็รีบปรับสีหน้าให้กลับเป็นปกติ อยากถามมากแค่ไหนว่าไม่นอนด้วยกันเหรอก็เม้มปากแน่น