๒ คนไกลใจ (๑)
๒
คนไกลใจ
ชีวิตของเกสรแสนเรียบง่าย เธอไม่ค่อยมีเพื่อนเท่าไหร่เพราะส่วนมากใช้เวลากับตำรา ว่างเมื่อไหร่ก็เอาหนังสือมาอ่านหาความรู้ แต่ตอนนี้เธอมีเพื่อนเพิ่มจากการที่มีอชิราเข้ามาในชีวิต ชายหนุ่มมักลากหล่อนไปรู้จักเพื่อนคณะเดียวกันที่อยู่คนละภาควิชา ได้กินข้าวเที่ยงด้วยกันและทำกิจกรรมร่วมกันบ้างจนสามารถทักทายยามพบหน้า
อาหารวางลงตรงหน้าเธอพร้อมชายหนุ่มที่อยู่ภาควิชาการตลาดนั่งลงข้างกาย “ข้าวยำไก่กรอบของคุณผู้หญิงได้แล้วครับ” ธนัชเป็นคนมีอารมณ์ขันและชอบพูดเรื่องตลกให้เธอฟังเสมอ แต่ส่วนใหญ่ออกจะแป๊กเสียมากกว่า กระนั้นหล่อนก็พยายามหัวเราะไม่ให้เขาเสียกำลังใจ ซึ่งยิ่งทำให้ชายหนุ่มน้อยใจเข้าไปใหญ่ว่าหล่อนล้อเลียน
แต่ก็ไม่ได้โกรธกันจริงจัง เพียงแค่ชอบหยอกให้เกสรแสดงสีหน้าเท่านั้น เจอกันครั้งแรกตอนปีหนึ่งหล่อนชอบทำหน้าตาย เริ่มแสดงอารมณ์ต่างๆ บ้างหลังรู้จักกับอชิรา
“ขอบคุณ” ตอบเขาแล้วเริ่มลงมือรับประทานอาหาร พอดีกับสองหนุ่มที่เดินมาสมทบ
“แล้ววุ้นกลับมข.ไปแล้วเหรอ กูนึกว่าจะอยู่นานกว่านี้ซะอีก”
“มาได้ก็บุญแล้วไหม เห็นว่าต้องขึ้นวอร์ดไม่ค่อยมีเวลาด้วยซ้ำ”
ชื่อของบุคคลที่สามทำให้เธอหูผึ่งอยากรู้อยากเห็นด้วย แต่ก็แสร้งทำเป็นก้มหน้ากินข้าว ขณะที่ธนัชรีบเข้าร่วมบทสนทนาทันที
“ใครคือวุ้น” กลุ่มของพวกเขามีกันสี่คนรวมหญิงสาวเพียงคนเดียวของกลุ่มเข้าไปด้วย
อชิรากับเกสรเรียนภาควิชาเดียวกัน ขณะที่ธนัชและนวัตเรียนภาควิชาเดียวกัน ทุกพักเที่ยงจึงมักนัดกันไปกินข้าว หรือช่วงเย็นไปแฮงก์เอาท์ด้วยกันเสมอ แต่จะต่างไปที่ตอนเย็นไม่มีหญิงสาวร่วมวงด้วยเพราะเธอต้องทำงานหาเงินใช้จ่ายในแต่ละเดือน
อชิรากับนวัตเป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยมัธยมศึกษา เรียนชายล้วนหัวเกรียนมาด้วยกันตั้งแต่มอต้นจนถึงมอปลาย เข้ามหาวิทยาลัยกับคณะที่ร่างสูงคิดว่าจบออกไปจะได้มีงานการมั่นคงทำ ทว่าพอเรียนไปเรื่อยๆ ก็เริ่มคิดว่าตัวเองอาจไม่ไหวกลัวจะได้ซิ่ว ยังดีที่มีเกสรคอยให้ความช่วยเหลือรอดพ้นเอฟแล้วไต่ระดับเกรดเฉลี่ยมาถึง 3.5 ได้
และอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าก็จะเรียนจบเป็นพี่บัณฑิตกับเขาแล้ว!
“แฟนเก่าไอ้อชิ” คราวนี้เธอหันไปมองหน้าเขาทันที
ผู้หญิงหน้าตาน่ารักที่นั่งข้างเขาในรูปที่ตนเห็นเป็นแฟนเก่าอย่างนั้นหรือ จะว่าแปลกใจก็ไม่ใช่แค่ไม่ทันตั้งตัวมากกว่า นึกว่ากำลังอยู่ในช่วงพูดคุยกันเสียอีก ใครจะคิดว่าความสัมพันธ์จบไปแล้ว
หือ...หรือกำลังจะรีเทิร์น
“คนสวยๆ ที่นั่งข้างมึงในรูปบนเฟซป่ะ ชื่อวุ้นเหรอ” ธนัชรีบถามตามประสาคนอยากรู้อยากเห็น แล้วแทนที่เจ้าของเรื่องจะอธิบาย กลับเป็นเพื่อนสนิทเล่าให้ฟังอย่างอารมณ์ดี ต่างจากอชิราที่ทำหน้านิ่งเตรียมพร้อมจะตบหัวคนพูดมากอยู่รอมร่อ
“เออ เด็กมาแตร์เลยนะมึง แต่สอบติดแพทย์ที่มข.แล้วรักแท้ก็แพ้ระยะทางเลยเลิกกัน”
“ไอ้สัตว์ปากมาก” ส่ายหน้าระอาแล้วตักข้าวเข้าปาก
ความจริงเขาก็ไม่ได้คิดอะไรกับหล่อนแล้ว จบกันไปก็ถือว่าเป็นแค่เพื่อน ไม่มีความเกลียดชังเพราะเลิกรากันไปด้วยดี
“แล้วจะรีเทิร์นหรือยังไง”
“รีเทิร์นไม่ได้ วุ้นเขามีแฟนใหม่แล้ว ถึงไม่หล่อเท่าไอ้อชิแต่ดีกรีเป็นถึงแพทย์อนาคตไกล รับรองว่าอนาคตมีแต่รุ่งกับรุ่ง” คำเยินยอยิ่งทำให้หนุ่มหล่อหมั่นไส้เพื่อน จึงโบกเข้าไปเน้นที่ศีรษะของอีกฝ่ายหนึ่งที พร้อมเสียที่ขุ่นเคือง
“หุบปากสิ ไม่พูดก็ไม่มีใครว่ามึงเป็นใบ้หรอก” คิดแล้วก็หงุดหงิด
ความจริงเขาก็ไม่ได้คิดจะรีเทิร์นกับหล่อน แต่พอเพื่อนพูดกระทบถึงตนก็รู้สึกเหมือนถูกหยามอย่างไรไม่รู้ ราวกับเขาไม่มีอะไรดีเธอจึงไม่อยากคบด้วย คิดแล้วก็หงุดหงิดจึงลงที่อาหาร ไม่ได้มองเกสรที่ทอดสายตาให้เพื่อนชาย ก่อนหล่อนจะรู้สึกตัวแล้วรีบจัดการมื้อเที่ยงของตน
“พวกมึงกูไปก่อนนะ ขิมขอให้ไปช่วยตัดโม เหมือนจะทำคนเดียวไม่ไหวแล้ว” ธนัชอ่านข้อความในโทรศัพท์ก็รีบลุกจากเก้าอี้ กล่าวถึงแฟนสาวที่อยู่คณะสถาปัตยกรรม ซึ่งคร่ำเคร่งกับการทำชิ้นงานส่งไม่ได้หลับได้นอนมาหลายวันแล้ว
พูดจบก็รีบเดินออกไป เหลือเพียงพวกเขาสามคนมองหน้ากัน “หวังว่าแฟนมึงคงไม่โทรตามให้ไปทำฟันหรอกนะ” หันมามองนวัตที่มีแฟนเป็นรุ่นพี่ปีห้าคณะทันตแพทย์ อีกฝ่ายทำได้แค่ยิ้มแหยะไม่พูดอะไร เพราะเคยโดนแฟนขอร้องแกมบังคับให้ไปเป็นเคสทำฟัน ทั้งขูดหินปูน อุดฟันไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ ทั้งยังโดนบังคับให้หาเคสมาเพิ่มอีก
ฟันเขาและกลุ่มเพื่อนขาวสะอาดล้วนเป็นเพราะคุณหมอฟันจัดการทั้งนั้น
“ไม่แล้วๆ” ส่ายหน้าปฏิเสธ
พวกเขานั่งรับประทานอาหารด้วยกันจนอิ่มแล้วนำจานไปเก็บ ทว่าจังหวะที่ชายหนุ่มวางจานลงบนถังแสตนเลส หลังมือสัมผัสสาวสวยต่างคณะที่มากินข้าวถึงคณะของเขา
“ขอโทษค่ะ” หล่อนกล่าวด้วยความรู้สึกผิด ก่อนวางจานแล้วเดินไปหากลุ่มเพื่อนที่นั่งคอย
ใบหน้าคมมองตามอย่างไม่ละสายตา จำกลิ่นหอมจางจากเรือนร่างสูงโปร่งได้ในทันที หัวใจเต้นรัวคล้ายอาการตกหลุมรัก หลงละเมอเพ้อมองตามแผ่นหลังบางจนไม่ได้ยินกระทั่งเสียงเรียกของเพื่อนสนิท มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่นวัตวางมือลงบนบ่าจนเขาสะดุ้ง
“อะไร”
“เรียกไม่หันเป็นเหี้ยไร ขึ้นห้องได้แล้ว” รีบโอบคนตัวสูงกว่าแล้วพากันเดินออกจากโรงอาหาร
นวัตอาจไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นอะไร แต่คนที่ยืนข้างเขาและเห็นทุกการกระทำของอชิราอย่างหล่อนทราบดีว่าชายหนุ่มตกอยู่ในภวังค์แห่งรัก สายตาของเขาบ่งบอกหมดทุกอย่างว่ากำลังสนใจสาวที่ยืนข้างกันเมื่อครู่
ไม่ได้หันมองเลยว่าหล่อนเอง...ก็ยืนขนาบข้างเขาอีกทางเช่นเดียวกัน
“มึง มึงรู้จักคนที่ไปวางจานข้างกูเมื่อกี้หรือเปล่า” ระหว่างขึ้นห้องก็ถามเพื่อนสนิทที่รู้จักสาวแทบจะทุกคณะ
“ใคร...น้ำเหรอ” เจ้าของชื่อสะดุ้งเมื่อถูกกล่าวถึง แต่แล้วกลับหน้าหม่นลงยามที่ร่างสูงปฏิเสธ
“ไม่ใช่ หมายถึงคนที่สวยๆ น่ะ” เขาพยายามอธิบาย
เกสรพยายามสั่งตัวเองไม่ให้เสียใจ ห้ามรู้สึกกับสิ่งที่อีกฝ่ายพูดเด็ดขาด ถึงชายหนุ่มจะแสดงออกว่าชอบหญิงคนอื่น แต่คนที่เป็นแค่คู่นอนเช่นเธอก็ไม่อาจหึงหวงหรือแสดงความเป็นเจ้าของได้
ทว่าทุกย่างก้าวที่ขึ้นบันได ทำไมเท้ามันถึงหนักอึ้ง พอๆ กับหัวใจที่เหนื่อยล้าจนเต้นช้าลง เธอไม่ได้ฟังสิ่งที่สองหนุ่มพูด เลือกจะก้าวเข้าห้องไปก่อนโดยไม่ยอมทนฟังสิ่งแสลงใจ
“ใครวะ...ขอคิดก่อนนะ” นวัตทำท่าคิดหนัก ขณะที่อชิราก็ลุ้นเช่นเดียวกัน เขาอยากรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร ความหวังทั้งหมดอยู่ที่เพื่อนเท่านั้น