6. ตายจริงหรือ
หยดน้ำตาไหลแหมะลงที่แก้มสากจนคนที่นอนอยู่สัมผัสมันได้ เขาใจหายเมื่อรู้ว่าภรรยาตัวน้อยที่เขาไม่เคยสนใจเลยยอมเสียน้ำตาให้ ทั้งที่แม้จะพูดกันดีดีเขาก็ไม่เคยทำมันเลยสักนิด แต่ที่ทำเอาเขาใจชื้นก็มือเล็กที่สัมผัสลงเพื่อเช็ดคราบน้ำตาออกจากแก้มซึ่งมันไหลลงมาที่คอเขา คิมหันต์หวังให้เธอลูบไปเจอบางอย่าง
และแล้วสวรรค์ก็เมตตาให้เขากลับมามีชีวิตอีกครั้ง เมื่อเธอดึงเข็มขนาดเล็กติดมือมาด้วย เพียงเท่านั้นเขาก็ได้ลมหายใจกลับคืนมา พร้อมกับเปลือกตาที่เปิดขึ้น นิลินยืนนิ่งมองสามีที่หมดลมไปแล้วพร้อมกะพริบตาถี่
“คุณยังไม่ตาย” เธอถามออกไปพร้อมกับยิ้ม แม้เขาจะแปลกใจที่เธอไม่ร้องเอะอะตกใจอย่างที่ควรจะเป็น แต่เอาเป็นว่าค่อยคุยทีหลังแล้วกัน
“นิลตามกันตะกับสินให้เฮียหน่อยนะ”
นิลินขมวดคิ้วเป็นปมทันที เพราะอีกฝ่ายใช่สรรพนามที่เปลี่ยนไป แต่เธอก็เดินออกไปทั้งที่ยังงงอยู่อย่างนั้น ทิ้งให้คิมหันต์นอนมองเพด้านอย่างใช้ความคิด เนิ่นนานกว่าที่สองคนสนิทจะเข้ามา เพราะนิลินออกไปก็ถูกจับแยกไปอีกด้าน
เพราะข่าวที่คิมหันต์เสียมันลามเร็วจนต้องเคลียร์ด้านนอกก่อน และพ่อแม่ของมาเฟียหนุ่มก็สั่งห้ามไม่ให้ใครเข้าไปนอกจากหมอและพยาบาล จนเขาเกือบจะตายเอารอบสอง เมื่อคนที่ฝังเข็มในทีแรกอยู่ในกลุ่มนี้ด้วย
ดีที่กันตะและสินเข้ามาทันในช่วงที่พยาบาลมือสังหารกำลังจะลงมืออีกครั้ง ในขณะที่หมอกำลังทำเอกสารเกี่ยวกับคนตายให้พ่อแม่ของมาเฟียหนุ่ม ซิ่งอยู่ในห้องเดียวกันนี้ด้วย แต่เพราะไม่มีใครสงสัย อีกอย่างคิมหันต์ก็หลับไปอีกครั้งแล้วหลังจากที่นิลินออกไปได้ไม่ถึงนาที พอมองเพดานเขาก็หลับ
“อะไรกัน!! ไอ้กันไอ้สิน มึงทำอะไรพยาบาลห๊ะ”
“มันเป็นนักฆ่าครับนาย คุณคิมหันต์ยังไม่ตาย ไอ้หมอดูเจ้านายที รีบๆ เลย” กันตะเอ่ยบอกพ่อของคิมหันต์ ก่อนที่เธอจะถูกจับและค้นตัว แล้วก็เจอเข็มชนิดเดียวกันกับที่นิลินเอาให้เขาดู เธอถูกจับมัดด้วยเน็กไทที่พอหาได้ของบรรดาลูกน้อง
“นายยังหายใจอยู่ แต่คงเพลียเลยหลับไปครับ” หมอนพพรรีบทำการรักษาอีกครั้ง คราวนี้นายเกริกไกรยืนมองด้วยตนเอง เขายืนกุมมือลูกเอาไว้ราวกับบอกให้รู้ว่าตอนนี้ทุกคนรู้แล้วว่าเขายังไม่ตาย ก่อนจะหันมาหาคนสนิทของลูกชายเพื่อถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น
“คุณนิลินบอกว่านายยังไม่ตาย แค่ถูกฝังเข็มไว้ ส่วนรายละเอียดอื่นเราคงต้องถามจากคนที่ลงมือครับ” สินพูดขึ้นพร้อมกับสายตาของทุกคนที่หันมามองคนที่ถูกจับมัดคุกเข่าอยู่ นัยน์ตานั้นไม่ได้หวาดกลัวแม้แต่น้อย
“พามันไปที่โกดัง กูจะไปสอบสวนมันเอง” เกริกไกรพูดขึ้น ก่อนจะหันมาหาลูกชายอีกครั้ง
“นึกว่าจะเสียแกไปซะแล้วไอ้ลูกชาย”
“ดีนะครับที่คุณนิลินแอบเข้ามา ผมเป็นคนรักษาแท้ๆ แต่กลับไม่รู้อะไรเลย ถ้าไม่มีคุณนิลินนายคงตายจริงๆ”
“นั่นสินะ ไอ้กันตะไปตามหนูนิลินมาเฝ้าผัวด้วย”
เกริกไกรพูดขึ้นเสียงดัง ทำเอาคนที่ยืนอยู่ตรงข้ามอย่างนพพรถึงกับสะดุ้ง เพราะเหมือนว่ามาเฟียตัวพ่อจะรู้ว่าเขาคิดอะไรเมื่อพูดถึงลูกสะใภ้ในนาม ชายหนุ่มกลืนน้ำลายลงคอพร้อมกับยิ้มแห้งออกมา
นักฆ่าถูกพาตัวออกไป สวนทางกับนักศึกษาสาวทั้งสาม สายตานั้นจ้องมองพวกเธอราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ทำเอาฐิสาอดที่จะผวาไม่ได้
“อะไรกัน คนนี้เหรอที่เป็นคนฝังเข็ม สายตาน่ากลัวจัง”
“น่าจะใช่มั้ง ไม่งั้นคงไม่ถูกจับมัดขนาดนั้น”
“แล้วทำไมต้องมองเราแบบนี้ด้วยล่ะ หรือว่าจะแค้น”
“บ้าน่าซันนี่ จะมาแค้นอะไรพวกเรา” ฐิสาพูดขึ้นเพื่อปลอบเพื่อน และมันก็ปลอบตัวเองด้วย นิลินเงียบไปเมื่อได้ยินเพื่อนๆ พูดแบบนั้น สายตาที่อีกฝ่ายจ้องมองมันเต็มไปด้วยความเคียดแค้นอย่างเห็นได้ชัด แม้จะไม่รู้ว่าเธอเจาะจงมองใครก็ตาม
“เขายังตื่นอยู่ไหมคะ”
“คงหลับไปตั้งแต่คุณออกมาแล้วครับ ยังไงก็ขอบคุณที่ช่วยชีวิตนายไว้นะครับ”กันตะโค้งให้กับนิลิน จนทำเอาเธออดที่จะเขินไม่ได้
“ไม่ต้องขนาดนั้นหรอกค่ะ นิลเองที่สอดรู้สอดเห็นจนดึงเข็มออกมา แต่นับว่าเป็นเรื่องที่ดีนะคะ”
นิลินยิ้มใส่ก่อนจะเดินเข้าห้องวีไอพีอีกครั้ง ซึ่งมีพ่อสามีและคนสนิทของเขาเฝ้าอยู่เหมือนเดิม
“มาแล้วเหรอหนูนิลิน ขอบใจนะลูกที่ช่วยพี่เขาไว้” นิลินยิ้มอีกครั้ง ตอนนี้เธอรู้สึกเป็นคนสำคัญยังไงไม่รู้ จนเริ่มทำตัวไม่ถูกแล้ว เมื่อถูกขอบคุณบ่อยๆ
“เรื่องเล็กน้อยค่ะ แค่มันบังเอิญเฉยๆ”
“เรื่องบังเอิญเล็กๆ ที่มันสำคัญกับความรู้สึกยิ่งใหญ่ของใครหลายคนนะลูก นี่ถ้าคุณหญิงตื่นขึ้นมาคงดีใจมากแน่ เดี๋ยวพ่อไปดูแลแม่ก่อนนะ ฝากดูพี่เขาด้วยล่ะ”
นิลินพยักหน้ารับแบบจำใจ เพราะปกติก็ไม่เคยเจอกับครอบครัวของคิมหันต์อยู่แล้วตั้งแต่แต่งงานกัน แต่มาวันนี้กลับเรียกเธอว่าลูกทุกคำ สายตาของสองหนุ่มคนสนิทก็ดูแปลกไปจนเธออดไม่ได้ที่จะเกร็ง
“ฉันว่าคนรอบตัวผัวแกดูแปลกๆ ว่ะนิล” ซันนี่กระซิบ
“จริงที่สุด แต่ก่อนแค่เห็นหน้าเหมือนจะ สวบ!”
“สวบ!เลยเหรอวะฐิสา”
“เออดิ หรือแกว่าไม่จริง” ฐิสายังคงพูดในสิ่งที่เธอเคยเห็น ตั้งแต่แรกเริ่มทุกครั้งที่เจอคนสนิทคิมหันต์ สองคนนี้ก็ดูเหมือนตั้งป้อมอะไรสักอย่างใส่นิลิน จนบางทีก็นึกว่าทั้งคู่เป็นผู้ชายหรือเปล่า ถึงได้มีนิสัยไม่ต่างจากผู้หญิงแบบนี้
“นี่ก็ดึกแล้วยังไงเดี๋ยวผมไปส่งคุณสองคนแล้วกันนะครับ พรุ่งนี้คุณนิลมีเรียนหรือเปล่าครับ”
“ไม่ค่ะ หยุดหนึ่งอาทิตย์”
“ดีเลยจะได้มีเวลาดูแลนาย”
“ทำไมต้องเป็นนิลคะ น่าจะให้สาวๆ ของคุณคิมหันต์มาดีกว่า พวกเธอน่าจะดีใจ” นิลินพูดขึ้น เธอไม่ได้คิดอะไรกับคำตอบนี้ เพราะมันก็ควรจะเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว เพราะตกลงกันว่าจะไม่ข้องเกี่ยวกัน ซึ่งเรื่องนี้น่าจะถูกรวมอยู่ด้วย
“นิลินดูแลพี่เขาน่ะดีแล้วลูก หนูเป็นเมียก็ต้องเป็นคนดูแลสิ จะปล่อยให้คนอื่นมาดูได้ยังไง”
คุณหญิงรตีเดินเข้ามาพร้อมสามีซึ่งประคองเธออยู่ พอรู้ว่าลูกชายยังไม่ตายก็ดีใจจนเกือบจะเป็นลมไปอีก พอสามีบอกว่าคนที่ช่วยชีวิตคิมหันต์คือนิลินก็อยากมาขอบใจเธออีก จึงต้องหอบหิ้วกันมาแบบนี้ นิลินรีบเข้าไปประคองแม่สามีทันที
“นั่งตรงนี้ก่อนนะคะ”
“ขอบใจนะลูกที่ทำให้คิมหัต์ฟื้นอีกครั้ง”
“เขายังไม่ถึงคราวตายเองต่างหากล่ะคะ แล้วก็วันนี้มีคนขอบคุณนิลเยอะแล้ว พอแล้วนะคะ คุณคิมหันต์ยังไม่ถึงที่ตาย เขาถึงมีชีวิตอีกครั้ง”
นิลินเอ่ยเสียงหนักแน่น เธอไม่ชอบการผูกพันธ์กับบุญคุณแบบนี้ เพราะมันทำให้อึดอัด พอๆ กับที่ความดีของแม่ใหญ่ที่มีให้เธอและแม่ จนมันเกิดคำสัญญาที่เธอได้ให้กับอีกฝ่ายไว้อีกครั้ง หากแต่งงานครบกำหนดสามปีแล้ว
“ถ้างั้นเราจะไม่พูดถึงเรื่องนี้อีก เอาเป็นว่าฝากดูแลคิมหันต์ด้วยนะ พ่อจะพาแม่กลับก่อน”
“ขอฉันดูหน้าลูกก่อนนะคะคุณ” รตีลุกขึ้นโดยมีการประคองจากสองฝั่ง รอยยิ้มที่เหนื่อยอ่อนเผยออกมา พร้อมกับลูบแก้มของลูกชาย
“อายุมั่นขวัญยืนนะลูกแม่” นิลินมองภาพเบื้องหน้าแล้วอดยิ้มไม่ได้ ครอบครัวนี้ได้ลูกชายกลับคืนมาอย่างง่ายดาย แล้วเธอล่ะทำไมสวรรค์ถึงใจร้ายนัก ทั้งที่ต่อสู้มาร่วมสองปียังไม่มีหวัง
“พรุ่งนี้แม่จะรีบมานะ” รตีหันไปพูดกับลูกสะใภ้ ทั้งหมดจึงออกจากห้องไปพร้อมกัน เหลือเพียงนิลิน สินชัยและลูกน้องเฝ้าหน้าห้อง
“ดีใจที่คุณมีชีวิตรอดนะ อย่างน้อยมันก็ทำให้คนแก่สองคนมีรอยยิ้มขึ้นมาได้”
นิลินพูดก่อนจะเดินไปนอนที่เตียงอีกมุมของห้อง ซึ่งมีไว้สำหรับคนเฝ้าไข้โดยเฉพาะ ส่วนข้างนอกก็เป็นลูกน้องคิมหันต์ที่ผลัดเวรยามกันตลอดคืน