5.ข่าวร้าย
จนกระทั่งทานเสร็จคิมหันต์ก็พานิลินมายังห้องทำงานของเขา เพื่อตกลงเจรจากัน
“เธอรู้ใช่ไหมว่าการแต่งงานของเรามันเกิดเพราะอะไร”
“ทราบค่ะ คุณมีข้อตกลงอะไรก็พูดมาเลย”
“เราจะอยู่กันแบบนี้ไม่ยุ่งเกี่ยวกัน เธออยากทำอะไรก็แล้วแต่ ยกเว้นพาผู้ชายมาที่บ้าน”
คิ้วเรียวขมวดเป็นปมเมื่อได้ยินถ้อยคำหลัง แต่นิลินก็ไม่คิดจะถามหาเหตุผลหรอก เพราะยังไงเธอก็ไม่มีทางทำแบบนั้นแน่
“แค่นี้เหรอคะ ง่ายจัง”
“หึ! แค่นี้ก็ทำให้ได้เถอะแล้วเรื่องของฉันห้ามเธอเข้ามายุ่งก้าวก่ายเด็ดขาด โดยเฉพาะเรือนด้านหลังห้ามเข้าไป”
“ชิ!ใครเขาจะอยากเข้าไปกัน แค่บังเอิญเดินผ่านหรอก” เธอพูดขึ้นโดยไม่ได้มองหน้าคนตัวโตสักนิด ซึ่งตอนนี้เขากำลังกลั้นขำเธอเมื่อนึกถึงภาพในมือถือ
“แล้วเรียนเป็นยังไง สอบเข้าที่ไหน”
“มหาลัย xxx” นิลินตอบออกไปเสียงเรียบ
“เก่งนี่สอบเข้าได้” เขาเอ่ยชมคนตัวเล็กซึ่งดูเหมือนเธอจะเป็นคนไม่ใฝ่เรียนเลยแม้แต่น้อย เพราะดูแก่นแก้วจนไม่น่าจะสอบเข้ามหาลัยที่เอาคะแนนสูงอย่างนี้ได้ แต่คำชมนี้คนฟังกลับไม่รู้สึกปลื้มเลยสักนิด มันดูแปลกไปยังไงไม่รู้ ไม่จริงใจเลยในความคิดเธอ
“เอาเป็นว่าเราตกลงกันแล้ว อีกอาทิตย์ฉันต้องเดินทางไปอิตาลีและจีน เพราะต้องเปิดธุรกิจที่นั่น คงต้องอยู่นานไม่มีกำหนด แต่ไม่ต้องห่วงถ้าอยู่ถึงสามปียังไงก็จะกลับมาหย่าให้เธอแน่”
คิมหันต์พูดขึ้นเสียงเรียบ โดยไม่คิดว่ามันจะทำให้เขาได้เห็นรอยยิ้มที่ดูจริงใจของอีกฝ่ายครั้งแรก
“จริงเหรอคะ ถ้างั้นอยู่ให้ครบสามปีเลยนะคุณสามี” นิลินพูดขึ้นพร้อมกับยิ้มจนแก้มบุ๋ม ทำเอาทั้งสามหนุ่มอดที่จะตะลึงไม่ได้ กันตะกลืนน้ำลายลงคอเมื่อเห็นรอยยิ้มนี้ครั้งแรก ซึ่งมันไม่ต่างจากคิมหันต์เลย นิลินเป็นคนสวยน่ารักอยู่ในตัว แต่ชอบความเรียบง่ายจนไม่คิดจะแต่งตัวเหมือนเพื่อนคนอื่นๆ ผมก็มัดรวบง่ายๆ เสื้อยืดกางเกงช้างช่างไม่สมกับฐานะของลูกสาวคนเล็กของเจ้าสัวสักนิด
หลังจากวันนั้นทั้งคู่ก็ไม่ค่อยได้เจอกันนัก นิลินไปเรียนคิมหันต์ก็นอน คิมหันต์ออกไปคาสิโนนิลินก็กลับมาสวนทางกันอยู่อย่างนั้น จนกระทั่งเขาเดินทางไปต่างประเทศอย่างที่บอก ข่าวคราวของหนุ่มหล่อยังคงมีให้เห็นบนโซเซียล เพราะตอนนี้เขากำลังเป็นนักธุรกิจดังที่มีชื่อเสียงและหยิบจับอะไรก็เป็นเงินไปเสียหมด
“แกดูสามีแกสิ ควงนางแบบดังอีกแล้ว” นิลินเงยหน้ามองเพื่อนสนิทอย่างซันนี่
ซึ่งเรียนมหาลัยเดียวกันรวมถึงฐิสาด้วย เธอยิ้มให้กับความเผือกของเพื่อนที่คอยตามสืบข่าวสามีกำมะลอมาฝากอยู่เป็นประจำ แต่เธอก็ไม่เคยจะสนใจมันเลยสักนิด
“ซันนี่ แกก็รู้ว่านิลมันไม่ได้หลงใหลได้ปลื้มผัวตัวเองเลย แล้วแกจะขยันตามข่าวทำไมนัก”
“ก็เห็นแล้วมันอดไม่ได้นี่แก น่าหมั่นไส้จริงๆ ผู้หญิงพวกนี้ไม่รู้เหรอว่าผู้ชายเขามีเมียแล้ว”
“นิลไม่ใช่เมียเขาซะหน่อย” นิลินเงยหน้าขึ้นมาตอบ ก่อนจะก้มลงทำรายงานต่อ หลังจากที่คิมหันต์เดินทางไปครั้งนั้น นี่ก็เกือบสามปีแล้ว เหลืออีกแค่สองเดือนเท่านั้นก็จะครบกำหนดที่ต้องหย่ากัน ซึ่งตอนนี้นิลินก็เรียนปีสองแล้ว
“ใช่ อีกสองเดือนนิลมันก็เป็นอิสระแล้ว ถึงตอนนั้นแกก็จะได้ใช้ชีวิตปกติแล้วนะ” ฐิสาพูดขึ้นพร้อมกับเอามือลูบหลังเพื่อนสาว
เมื่อปีที่แล้วนิลินพึ่งเสียแม่แท้ๆ ไป เพราะไม่สามารถทนการรักษาได้ ซึ่งเธอก็ว่าดีที่แม่จะไม่ต้องทรมานอีก เพราะทุกครั้งที่เฝ้าดูเธออยากเป็นคนรับความเจ็บปวดนั้นไว้เอง งานศพก็จัดขึ้นเล็กๆ คิมหันต์ก็ไม่ได้กลับมา เพราะเขาไม่รู้ว่านี่คือแม่แท้ๆ ของภรรยาในนาม
“เฮ้ย!” จู่ๆ ซันนี่ก็ร้องออกมาเสียงดัง ก่อนจะส่งมือถือให้เพื่อนสาวทั้งสองคนดู ภาพของคิมหันต์ที่ถูกยิงได้รับบาดเจ็บ และตอนนี้เขาอยู่ที่เมืองไทย
“มึงจะไปดูเขาไหมวะ”
“ไม่รู้สิ คงต้องไปแหละมั้ง ไม่งั้นเดี๋ยวจะหาว่าเราใจดำ เพราะพ่อแม่เขาก็คงอยู่ที่โรงพยาบาลเหมือนกัน”
“อืม งั้นเดี๋ยวกูสองคนไปเป็นเพื่อน ไปเถอะ” ซันนี่พูดขึ้นก่อนจะเก็บข้าวของ แล้วตรงไปยังรถของเธอที่จอดอยู่ไม่ไกลจากคาเฟ่ในมหาลัย ทั้งสามมาถึงก็เห็นว่ามีนักข่าวมากมายรออยู่ เลยยากที่จะเข้าไป นิลินกดเบอร์โทรหากันตะ ไม่นานเขาก็รับสาย
“มีอะไรหรือเปล่าครับคุณนิล” กันตะเอ่ยด้วยน้ำเสียงตกใจเล็กน้อย เพราะกลัวว่าจะเกิดเรื่องกับนายหญิงของบ้านด้วย
“นิลแค่จะโทรมาถามอาการคุณคิมหันต์ค่ะ เพราะเราเข้าไปไม่ได้ นักข่าวเต็มเลย”
“อ้อ ถ้างั้นเดี๋ยวผมให้ไอ้หมอออกไปรับนะครับ” กันตะวางสายไปสักพักก็มีหมอหนุ่มเดินออกมาตามหานักศึกษาสาวตามที่เพื่อนบอก
“คุณนิลใช่ไหมครับ” เขาเอ่ยถามเมื่อเห็นว่ามีแค่กลุ่มเธอ ที่อยู่ในชุดนักศึกษา
“ใช่ค่ะ” นิลินตอบพร้อมกับส่งยิ้มให้ตามปกติ ทำเอาหมอหนุ่มถึงกับชะงักไปทันที ก่อนจะได้สติเมื่อฐิสาพูด
“คุณหมอเราจะเข้าไปได้หรือยังคะ”
“ดะ ได้ครับตามผมมา” หมอหนุ่มเดินนำทั้งสามเข้าไปด้านใน ซึ่งเป็นโซนวีนิลพี เพราะที่นี่คือเครือข่ายบริษัทของคิมหันต์ นิลินมองคนตัวโตที่มีสายน้ำเกลือและเลือดห้อยจนอดหดหู่ไม่ได้ มันเหมือนตอนที่เธอมองแม่เป็นครั้งสุดท้ายไม่มีผิด
“เขาต้องใส่ออกซิเจนด้วยเหรอคะ”
“ตอนนี้คนเจ็บอาการแย่ครับ หายใจเองยังไม่ได้ เลยต้องใส่ไว้ก่อน แต่อย่าห่วงเลยครับคุณคิมเขาเข้มแข็ง ถ้าผ่านคืนนี้ไปได้ก็ไม่น่าห่วงแล้ว ขอแค่เขาฟื้นก็พอ”
หมอหนุ่มตอบเมื่อเห็นสีหน้าที่เป็นกังวลของภรรยาเจ้านาย เขารู้เรื่องนี้เพราะกันตะเล่าให้ฟัง รวมถึงเรื่องที่ทั้งคู่จะหย่ากันในเร็วๆ นี้ด้วย นิลินเดินไปหยุดอยู่ข้างเตียงของคนเจ็บ มือเล็กเอื้อมไปกุมฝ่ามือหนาเอาไว้
“สู้นะคะคุณคิมหันต์” ซันนี่เดินเข้ามาลูบไหล่เพื่อน ซึ่งฐิสาเองก็ทำเหมือนกัน ทุกอย่างอยู่ในสายตาของคนสนิทคิมหันต์ที่ยืนมองอยู่
นิลินอยู่เฝ้าสามีจนดึกดื่น แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าเขาจะฟื้นอย่างที่หมอบอกสี่ทุ่มหลังจากพยาบาลออกไปได้ไม่ถึงสองนาที เสียงจากเครื่องจับสัญญานหัวใจก็ดังขึ้น ทำเอาคนในห้องต่างก็ตกใจไปตามๆ กัน การปั๊มหัวใจจึงเกิดขึ้น มันเป็นภาพที่นิลินไม่อยากเห็นแม้แต่น้อย หยดน้ำตาไหลลงมาอย่างไม่ตั้งใจ
“เสียใจด้วยครับเราทำเต็มที่แล้ว” หมอหนุ่มเดินออกมาแจ้งข่าว พร้อมกับเสียงกรีดร้องของแม่คิมหันต์ที่ดังตามมา ทุกคนต่างก็เศร้าโศกกับการจากไปของมาเฟียหนุ่ม
นิลินยืนนิ่งมองภาพความเสียใจตรงหน้า เธอเข้าใจมันดีเพราะพึ่งผ่านบทเรียนนี้ไปไม่นาน
“ไอ้หมอแน่ใจเหรอว่านายตายแล้วจริงๆ”
“กูจะโกหกทำไมวะ” หมอนพพรตอบเพื่อนสนิทออกไป เพราะเขาเองก็ไม่อยากเชื่อเพราะตอนรักษาเจ้านายอาการดีขึ้นแล้ว 90%
ยังไงก็รอดแน่ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ได้ นิลินเดินเลี่ยงเข้าไปด้านใน เธอมองผ้าขาวที่ปิดร่างอีกฝ่ายเอาไว้ด้วยใจหดหู่ ยิ้มบางๆ เผยออกมา ไม่ใช่ว่าดีใจที่เห็นเขาเป็นแบบนี้ แต่มันเหมือนเย้ยหยันในโชคชะตามากกว่า คนที่อยากตายแบบเธอทำไมถึงยังอยู่ แล้วคนที่อยากอยู่ทำไมถึงจากไปง่ายจัง
“ทำไมคุณทิ้งฉันไปเร็วขนาดนี้ล่ะคุณคิมหันต์ แบบนี้ฉันก็ต้องแต่งงานใหม่เร็วขึ้นน่ะสิ ทำไมคนที่ตายไม่เป็นฉัน คุณรู้ไหมว่าฉันไม่อยากเป็นหุ่นเชิดของใครแล้ว”
เสียงหวานดังอยู่ข้างหูของมาเฟียหนุ่ม ใช่ว่าเขาจะไม่ได้ยิน แต่ตอนนี้เขาถูกคนฝังเข็มเอาไว้ต่างหาก การกระทำของทุกคนเขารับรู้ แต่ไม่สามารถขยับตัวและลืมตาได้ ส่วนเรื่องเครื่องหายใจคงมีคนจงใจทำให้มันหยุดทำงานจนคิดว่าเขาตายจริงๆ เขาอยากบอกผู้หญิงที่กระซิบอยู่ข้างหู ซึ่งแน่ใจว่าเธอคือนิลินแน่ แต่ก็ทำได้เพียงแค่คิดอยู่ในใจ เพราะตอนนี้ร่างกายทุกส่วนมันชาจนเขาไม่สามารถแม้แต่จะลืมตาขึ้นมาดูได้
# ยังไม่ได้แก้คำผิดนะคะ เจอตรงไหนทักท้วงได้นะ