Ch.2 ตื้อ
ผมต่อเขายังไม่ได้สนใจอะไรเพราะสิ่งที่ผมต้องการก็คือให้เขารับผิดชอบผมแต่เขาก็ยังดึงดันที่จะดื้อร้านไม่ยอมรับผิดชอบผมอยู่นั่นแหละ ไม่มีความเป็นลูกผู้ชายเอาซะเลยนิสัยไม่ดีแต่ผมก็ไม่ได้สนใจเขาผมก็ทำหน้าที่ตามที่พี่เดียร์เคยสอนงานเอาไว้ ซื้ออาหารเช้าซื้อกาแฟให้จัดตารางงานเตรียมเอกสารให้เขาเซ็นผมก็ทำงานตามที่เขาต้องการ ผมก็เคยบอกแล้วว่าไม่มีอะไรที่ผมทำไม่ได้
“ขอโทษครับ ที่ผมมาช้าวันนี้ร้านอาหารที่ผมไปซื้อมันปิดขอโทษนะครับ”
“ไม่เป็นไรตอนเที่ยงนายก็ไปทานข้าวกับฉันแล้วกัน”
“อ่อยผมหรือเปล่าครับคุณเจ้านาย”
“ฉันจะไปอ่อยนายทำไม การเลี้ยงข้าวลูกน้องเป็นหน้าที่ของฉันอยู่แล้วคนทั้งแผนกก็ไป นายไม่ต้องห่วงว่าหน้าจออยู่โดดเดี่ยวเพียงลำพังกับฉัน”
“ผมอยากอยู่เพียงลำพังกับคุณแค่สองคนต่างหาก”
“เลิกอ่อยได้แล้วไปทำงานเถอะ”
“ครับได้เลยครับ”
รู้สึกว่าช่วงนี้ที่ผมทำงานแฟนสาวของคูการ์ ไม่เคยมาหาเขาเลยซึ่งผมก็แอบดีใจที่ไม่ได้เจอเธอในตอนนี้เพราะอาจจะกลายเป็นศึกระหว่างเมียน้อยกับเมียหลวงก็ได้ซึ่งผมถือยศตัวเองว่าเป็นเมียหลวงไปแล้ว หรือว่าผมกลายเป็นเมียน้อยนะแต่ช่างเถอะผมถือว่าตัวเองเป็นเมียหลวงก็แล้วกันเพราะผมอยู่กับเขาในตอนนี้ส่วนแฟนสาวของเขาไปไหนก็ไม่รู้ แต่ที่รู้ๆคือเจ้านายที่ลูกน้องเรียกกันต่างอารมณ์ดีกันกว่าเดิมพี่เดียร์บอกว่า ตั้งแต่แฟนเจ้านายไม่มาตอนที่ผมทำงานจนถึงตอนนี้รู้สึกว่าบรรยากาศในการทำงานดีขึ้นกว่าเดิมซึ่งผมก็คิดว่าน่าจะเป็นอย่างนั้นเพราะพนักงานแต่ละคนต่างยิ้มแย้มแจ่มใสชอบใจกันและทำงานกันอย่างเต็มที่ไม่มีเหนื่อยเลย
“ไปบอกเดียร์ให้เตรียมร้านอาหารเอาไว้ฉันจะเลี้ยงอาหารเที่ยงพวกเขาและวันนี้ให้ทำงานแค่ครึ่งวันแต่ได้เงินเท่าเดิม”
“ครับ ที่รัก”
“เด็กแก่แดด”
ผมหัวเราะชอบใจก่อนจะเดินไปบอกพี่เดียร์เรื่องการเตรียมร้านอาหารที่กินในตอนเที่ยงและก็บอกเรื่องที่คูการ์ บอกว่าให้ทุกคนทำงานแค่ครึ่งวัน เท่านั้นช่วงบ่ายก็ให้กลับบ้านไปพักผ่อนเพราะทำงานหนักมา 2-3 วันติดแล้ว ซึ่งผมเองก็บอกอีกว่าเงินได้เท่าเดิมนะ ไม่หักครึ่งวันแต่อย่างใด ทุกคนก็ร้องเย้อย่างดีใจ ซึ่งผมเองก็มองออกว่าพนักงานรักและเคารพตัวของคูการ์มาก
พวกเราทุกคนในช่วงพักเที่ยงก็ออกมาทานอาหารเที่ยงด้วยกันที่ร้านอาหารพวกเราตัดสินใจเลือกร้านที่ไม่รู้มากซึ่งเจ้านายอย่างคูการ์ก็ตามใจ พี่เดียร์แอบกระซิบบอกว่าเจ้านายของเขาไม่ชอบร้านอาหารหรูหรารู้สึกว่าทานแล้วไม่อร่อยเท่ากับร้านธรรมดา พวกเขาจึงเลือกร้านที่ถูกใจราคาโอเคและเป็นการเอาใจเจ้านายของตัวเองด้วยซึ่งผมก็รู้สึกแปลกใจว่าคนรวยแบบเขาทำไมรู้สึกว่าการทานอาหารในร้านอาหารหรูถึงไม่ชอบและไม่พอใจ ซึ่งนิสัยนี้ผมก็พอจะเข้าใจได้เพราะพี่ชายของผมต่อให้มีเงินเขาก็จะประหยัดเงินในตรงนี้เอาไว้เช่นเดียวกัน รู้สึกว่ามันสิ้นเปลืองในการต้องไปทานอาหารที่ราคาแพงแต่ไม่อร่อยไม่ถูกใจตนเองจึงเลือกทานอาหารร้านปกติ 2 คนนี้รู้สึกคล้ายกันจริงๆ
“กินกันให้เต็มที่ไม่อิ่มก็สั่งได้ผมไม่ว่า”
“ขอบคุณค่ะเจ้านาย!!”
“ขอบคุณครับเจ้านาย!!”
“นั่งด้วยสิ”
ผู้ชายผมสีเงินหน้าตาออกไปทางคนญี่ปุ่นมากกว่าคนไทยเขาเดินมาขอนั่งข้างพี่เดียร์ ตัวของพี่เดียร์เองก็ยิ้มตอบรับ และขยับที่ให้เขานั่งข้างๆซึ่งการดูแลเอาใจใส่ของทั้งสองคนบ่งบอกว่าพวกเขาสองคนเป็นแฟนกันอย่างแน่นอนซึ่งตอนที่พี่ผู้ชายผมสีเงินขอตัวไปเข้าห้องน้ำผมก็แอบกระซิบถามพี่เดียร์และพี่เดียร์ก็ยังตอบว่าเขาสองคนกำลังจะแต่งงานกันซึ่งแฟนของพี่เดียร์เป็นคนญี่ปุ่นแท้แต่พูดภาษาไทยได้มีชื่อว่า ฮิโรกิ เป็นลูกน้องคนสนิทของเจ้านาย ซึ่งตัวของ คูการ์ และไว้ใจมากคนนึงซึ่งที่ฮิโรกิคนนี้มีหน้าที่ไปรับไปส่งแฟนสาวของคูการ์ทุกวันเป็นหน้าที่ ที่สำคัญมากเลยล่ะครับ
ผมเองก็แอบสงสัยว่าเขาไม่กลัวว่าแฟนของตัวเองจะแอบมีใจให้กับลูกน้องเลยหรอเพราะเขาไว้ใจลูกน้องมากจนเกินไปถ้าเกิด 2 คนนั้นแอบมีอะไรกันเจ้านายอย่างคูการ์ ไม่กลายเป็นถูกสวมเขาหรอกหรอ แต่ก็อย่างว่าเหตุการณ์ยังไม่เกิดขึ้นจะคิดเองไปทำไมกันถ้ารอให้สองคนนั้น เป็นเรื่องที่ผมคิดขึ้นมาจริงๆ ก็ค่อยว่ากันแต่ตอนนี้เป็นเรื่องที่ผมสมมติขึ้นและคิดไปเองก็ไม่กล้าฟันธงหรอกนะว่ามันจะไม่เกิดขึ้น เพราะคนเราหัวใจไม่ได้สร้างด้วยหินอาจจะมีอ่อนไหวกับสิ่งรอบข้างมากกว่าก็ได้ แต่ดูท่าว่าจะวางใจจริงๆนั่นแหละโดยไม่ได้คิดสงสัยอะไรเลยแต่ถ้าเป็นผมนะผมจะสงสัยเอาไว้ก่อนเลยเพราะพี่ชายของผมสอนเอาไว้ว่าอย่าไว้ใจใครแม้กระทั่งคนในครอบครัวของตัวเองที่เป็นเครือญาติ ไม่มีใครรักเราเท่าพี่พ่อแม่ของตนเอง
ผมเลยไม่ค่อยไว้วางใจใครนอกจากพ่อแม่และพี่ชายตอนนี้ก็เหลือแค่พี่ชายแล้วที่ผมไว้ใจได้
“ผมขอถามอะไรหน่อยสิ คูการ์”
“เรียกเจ้านาย”
“ที่รัก”
“เรียกเจ้านาย”
“ที่รัก”
“ตามใจนาย”
“คูการ์ คุณไว้ใจลูกน้องของคุณมากเกินไปมั้ย”
“ทำไม”
“ก็คุณไว้ใจให้เขาไปรับไปส่งกันทุกวัน คุณไม่กลัวโดนสวมหมวกเขียวหรอ”
“อะไรคือโดนสวมหมวกเขียว”
“เหมือนโดนสวมเขาไง”
“เลิกพูดถึงคนของฉันในทางที่ไม่ดีได้แล้ว ไปกินข้าวของนายต่อเถอะ”
“แต่ว่าระวังไว้ก็ดีนะครับ”
“ไปกินข้าวของนายซะ!”
“ทำไมต้องขึ้นเสียงด้วยล่ะ พูดดีๆก็ได้ถ้าเป็นจริงอย่าร้องไห้ ให้เห็นนะพ่อจะตีให้ขาลากเลย”
“จะไม่มีวันนั้น”
“แล้วแต่ที่รักเลย”
“นายนี่มัน”
ผมหยอกเขาสักนิดสักหน่อยก่อนที่จะกลับไปทานอาหารของตนเองจนเสร็จเรียบร้อยก็ต่างแยกย้ายกันไปพอดีผมลืมของเอาไว้ที่บริษัทในห้องทำงานของเขา ผมเลยกลับไปที่บริษัทอีกครั้งและผู้ปกครองที่กำลังนั่งทำงานอยู่ ซึ่งที่เขาบอกว่าให้ทุกคนกลับไป ตอนบ่ายเพราะต้องการจะซ่อมประตูที่ทำงานเลยไม่อยากให้คนพลุกพล่านเลยให้ทุกคนกลับบ้านไปแล้วค่อยมาทำงานใหม่ในวันต่อมา ไฟของชั้นบนก็ถูกตัดไปซึ่งผมเองก็มาสบโอกาสและจังหวะนั้นพอดีทำให้ประตูที่ผมจะต้องใช้ในการออกจากห้องก็ถูกตัดสัญญาณไม่สามารถเปิดออกได้ทำให้ผมติดอยู่ข้างในกับคูการ์จนได้
“นายนี่มันโง่จริงๆมาทำอะไรตอนนี้เห็นไหมเนี่ยว่าติดอยู่กับนายจนได้”
“ที่รักก็อย่ามาโทษผมสิครับ”
“อะไรนะนายเรียกฉันว่าอะไร”
“ก็เรียกว่าที่รักไงก็คุณน่ะอยากให้ผม อยู่ด้วยก็ไม่บอก ขนาดเขาจะมาตัดสัญญาณไฟทำประตูใหม่คุณยังไม่ได้บอกผมเลยจนผมต้องมารู้เองแบบนี้ไม่ใช่ว่าคุณอยากเจอและอยากอยู่กับผมหรอครับ”
“ใครจะอยากอยู่กับนายกันฉันเองก็ลืมของ จึงต้องมา ชื่อบริษัทเพราะเห็นเอกสารก็เสร็จเอกสารรอใครจะคิดว่ามันจะตัดปุ๊บปับขนาดนี้”
“นั่นสินะครับคุณก็พูดได้เพราะว่าคุณเป็นเจ้าของบริษัทนี่นา”
“เลิกมโนแล้วก็นั่งรออยู่เฉยๆก็พอ”
“เราไม่ทำอะไรคั่นเวลารอให้ประตูใช้ได้หรอครับ”
“อย่าแม้แต่จะคิดฉันบอกแล้วไงว่าฉันมีแฟนแล้วและก็ยกเลิกทำตัวให้ฉันแบบนี้สักทีถ้านายไปหาคนใหม่ที่ดีกว่าก็คงจะได้แฟนเร็วกว่าที่ต้องมานั่งเฝ้าฉันคนที่มีแฟนแล้วแบบนี้หรอกนะ”
“ทำไมไม่ยอมให้อากาสผมเลยล่ะครับ”
“เพราะฉันรักแฟนมากเกินกว่านายจะเข้าใจ”
“อืมก็ได้ตามนั้นครับ”
ผมพูดแค่นั้นก่อนจะเดินมานั่งที่โต๊ะของตัวเองรออยู่เกือบครึ่งชั่วโมงประตูก็สามารถเปิดออกก็ได้ผมจึงเก็บของกลับโดยไม่ได้สนใจเขาที่นั่งอยู่ที่โต๊ะเลยสักนิดบางทีผมก็ตามตื๊อเขาจนรู้สึกเหนื่อยมากขึ้นกว่าตอนเริ่มซะอีก ก็ใครจะคิดล่ะว่าเขาจะซื่อตรงกับความรักมากขนาดนี้แม้แต่ตัวของผมเองก็ไม่คิดว่าเขา จะใจแข็งมากขนาดนี้เลย
หลังจากที่ทดลองเป็นเลขาเป็นเวลา 1 เดือนก็พบความจริงอันยิ่งใหญ่ก็คือความพยายามของผมไปไม่ถึงเขาสักที เพราะอะไรน่ะหรอครับเพราะผมทำทุกวิธีแล้วทั้งอ่อย ทั้งยั่ว ทั้งทำตัวฉลาด เป็นทุกอย่างให้แล้ว พยายามจนเริ่มท้อ แต่คนที่เขารักกลับไม่ต้องพยายามอะไรเลยแต่เขาก็ยังรักและทุ้มเทให้ แต่ผมกลับคิดว่าการที่ผมเข้ามาทำลายความรักที่สวยงามนั้นผมกลายเป็นคนเลวจริงๆสินะ เขามีแฟนแล้ว และแฟนของเขาเป็นถึงนางแบบสาวสวยที่กำลังเป็นที่นิยมในขณะนี้ ผมจะเทียบอะไรได้ จตะบอกว่าผมฮอตที่สุดในมหาลัยก็ได้แต่ถ้าเทียบกันจริงๆผมก็ได้แค่ดังในมหาลัยนั้นแหละ แต่ว่าผมอยากลองอีกสักตั้งถ้าครั้งนี้ไม่ได้ก็คงต้องหยุดแล้วล่ะ
“ที่รักครับอาหาร...”
“นายเป็นใคร”
“เอ๊ะ คุณคือ?”
“นายเป็นเลขาของคูการ์หรอ นายมีสิทธิ์อะไรมาเรียกแฟนของฉันว่าที่รัก”
“คุณครับผมกับเจ้านายก็สนิทกันเรียกเล่นๆกันเท่านั้นครับ”
“เรียกเล่นๆงั้นหรอ ขนาดฉันเป็นแฟนเขาแท้ๆยังไม่เรียกแบบนั้นนายมีสิทธิ์ขนาดนั้นเลยหรือไง
“แล้วคุณทำไมไม่เรียกล่ะครับ เจ้านายบอกไม่ให้เรียกหรอ”
“นายนี้มันปากดีจริงๆ แต่จะว่าไปหน้าก็ออกสาวเป็นตุ๊ดแอ๊บชายหรือเปล่าย่ะ”
“ถ้าเป็นจริงๆคุณจะทำไมหรอครับ”
“ไอ้เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม”
“กลับบ้านไปเคี้ยวหมากเถอะครับพูดมากน้ำหมากกระเด็น”
“แก!!!!”
“เสียงดังอะไรกัน โน่นายเสียมารยาทกับแฟนฉันงั้นหรอ”
“แต่เขาด่าผมก่อนนะ”
“นายออกไปก่อนอย่ามาวุ่นวายแถวนี้อีก”
คูการ์ พูดขึ้นทำให้ผมรู้สึกเสียหน้าขึ้นมาทั้งๆที่เขาก็ยืนฟังตั้งนานว่าแฟนของตัวเองด่าผม แต่ก็ไม่คิดที่จะเข้ามาช่วยแถมยังยืนแอบฟังอยู่พอแฟนตัวเองสู้ไม่ได้ก็ออกมาด่าผม ไม่มีความยุติธรรมเอาซะเลยแต่ก่อนที่ผมกำลังจะออกจากห้องไปแฟนสาวตัวดีของเขาก็พูดขึ้นทำให้ผมรู้สึกโมโหอยากจะเข้าไปตบผู้หญิงครั้งแรกเลย นี่สินะที่พี่เดียร์บอกว่าผู้หญิงคนนี้น่าตบให้ฟันโยกก็คงจะเป็นอย่างนี้เอาแต่ใจตัวเองจริงๆ
“ไล่มันออกไปซะเถอะค่ะ เด็กไร้มารยาทแบบทำตัวเหมือนพ่อแม่ไม่เคยสั่งสอน”
“มันจะมากไปแล้วนะครับ พ่อแม่ผมไปหนักหัวคุณหรือไงถึงต้องเอาพ่อแม่ผมมาด่าแบบนั้น พ่อแม่คุณสิไม่อบรมสั่งสอนลูก ถึงได้ปล่อยให้ลูกโตมานิสัยแย่แบบนี้”
“แก!!!!”
“หยุดก้าวร้าวด่าแฟนฉันสักที ฉันไล่นายออกไม่ต้องมาทำงานอีกแล้วไปที่ฝ่ายการเงินซะและทำเรื่องเงินเดือนให้เรียบร้อย และอย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีก”
“คุณมันไร้เหตุผลที่สุดเลยคูการ์”
“ออกไป”
“ไม่ต้องไล่ ผมไปเองได้อย่ามาทำตัวสูงส่งใส่ผม ก็แค่นางแบบพึ่งดังคนนึงเท่านั้นสูงส่งกว่าพนักงานกินเงินเดือนเท่าไหร่กัน เหอะมีดีแค่ขายตัวให้กับคนรวยเท่านั้นแหละ เป็นไงพอฟังคนอื่นดูถูกเป็นไงบ้างชอบมั้ย เหอะ!!”
กรี๊ดดดดดดดดดดดดด!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
เพล๊งงงงงงงง!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
หัวใจดวงน้อยๆของผมเจ็บซะยิ่งกว่าโดนเหยียบเล็บขบซะอีกเขาจึงต้องเริ่มตัดใจจากคนที่ผมต้องการให้รับผิดชอบแล้วล่ะเพราะผมมองไปทางไหนความพยายามของผมก็ไม่เคยตะเกียดตะกายเกาะหัวใจของเขาให้เขาได้รู้สึกดีเลยสักนิดเดียวเหมือนผมเป็นคนโง่ที่พยายามอยู่ฝ่ายเดียวทั้งทั้งที่เขาเองก็เตือนไปแล้วว่าผมไม่สามารถทำให้เขามารักผมและเลิกผมแน่นอนผมเองก็ท้อใจเหมือนกันที่ต้องทำตัวน่าอายแบบนี้ผมรู้สึกว่าผมรู้สึกผิดกับครอบครัวตัวเองจริงๆพี่ชายอุตส่าห์สั่งสอนมา แต่ผมก็ไม่เคยจำเลยกลับต้องมาเสียศักดิ์ศรีตัวเองเพื่อผู้ชายคนนึงที่ไม่ได้รักตัวเอง ผมนี่มันโง่จริงๆ คราวนี้ผมเองก็ต้องยอมตัดใจจริงๆแล้วล่ะ เพราะตอนนี้ผมเดินมาถึงฝ่ายการเงินเป็นที่เรียบร้อยเพราะเขาเห็นผมที่เป็นเลขาชั่วคราวเดินมาที่ฝ่ายการเงินเขาก็รู้หน้าที่ตัวเองทันทีคิดเงินให้ผมได้เงินเกือบ 200,000 บาท เป็นค่าปลอบใจ ก็อย่างที่ว่าเขาชอบเอาเงินฟาดหัวคนอยู่แล้ว
“ครั้งนี้ไปทำอีท่าไหนล่ะ แม่นางแบบนั่นถึงได้โกรธเป็นเจ้าเข้าขนาดนั้นน่ะ”
“พอดีเขาด่าพ่อกับแม่ผมผมเลยด่าพ่อกับแม่เขาคืนแล้วบอกว่าเขาก็เป็นแค่นางแบบคนนึงที่พึ่งดัง จะสูงๆเกินกว่าพนักงานกินเงินเดือนสักเท่าไหร่ก็แค่คนขายตัวให้กับคนรวยเพราะพูดแบบนั้นนางก็กรี๊ดแล้วก็ทำลายข้าวของในห้องเลย”
“พี่ชอบแกว่ะ พี่ก็เพิ่งเห็นว่ามีคนกล้าด่านางบ้าง แม่นางแบบนั้นนะฉุดรั้งตัวของเจ้านายเราให้ตกต่ำไป ก็แค่นางแบบชนชั้นรากหญ้าทำตัวสูงๆเป็นคุณนายเท่านั้นเองแหละ ถ้าลาออกไปแล้วก็หางานทำอย่างอื่นเถอะอย่าอยู่ให้เขากดหัวตัวเองเลย”
“ผมเข้าใจแล้วครับผมก็ลาออกไปแล้วก็จะกลับไปตั้งใจเรียนเหมือนเดิมดีกว่าไม่เอาแล้วครับไม่อยาก ให้ใครจิกหัวด่าแบบนี้แล้ว”
หลังจากที่รับเงินเดือนแล้วผมก็ออกมาจากที่นั่นแต่ความรู้สึกเจ็บของตัวเองก็ยังคงอยู่เพราะตอนที่ผมพยายามที่จะทำให้เขารักผมเองก็เผลอถลำตัวลงไปกับพวกหนูความรักที่เกิดขึ้นเพียงชั่วครู่ชั่วคราวทั้งนี้ผมก็ได้ลิ้มรสของการอกหักในครั้งแรกสิ่งที่คนเราเวลาอกหักก็คือการไปดื่ม เพื่อทำให้ตัวเองได้ลืมความรักซึ่งผมเองก็อยาก มีโมเม้นแนวๆนั้นเหมือนกัน
และนั่นทำให้ผมมาที่ซ่องอีพริม อย่าเข้าใจผิดนะครับว่าผมมาเที่ยวซ่องมาหาความสุขความสำราญอะไรแบบนั้นแต่ที่เรียกว่าซ่องอีพริม เพราะที่แห่งนี้เป็นร้านยาดองที่หลายคนเข้ามาต้องร้อง ออกมาด้วยความตกใจเพราะชื่อก็ฟังแล้วรู้สึกสยิวสำหรับผู้ชายหลายๆคน ร้านยาดองนี้เปรียบเสมือนองค์ประกอบของคนอกหักเพราะที่นี่เรียงรายไปด้วย คนอกหักและที่นี่ยังติดกับโรงแรมม่านรูดอีกต่างหากซึ่งถ้าใครอกหักแล้วเจอคนที่ใช่ก็แวะมาดูได้ทันทีไม่น่าเชื่อเลยว่าผมจะสรรหาที่ผมจะมาดื่มด่ำกับความอกหักในครั้งนี้ได้ถูกที่ถูกเวลาจริงๆ
“ไอ้หนุ่มเอ็งจะเอาอะไร รายการ แปะอยู่บนโต๊ะน่ะ”
“ผมเอา นารีลืมรัก เอาเน้นๆหนักๆกินทีวูบเลย”
“ถ้าจะสั่งขนาดนั้นนะ กินยานอนหลับเถอะลูก”
“ส่วนกับแกล้ม เอาถั่วมาก็แล้วกันครับ”
“เนื้อทอดด้วยนะเอาไหม”
“เอามาเลยครับ จัดมาเลยวันนี้ผมอยากเมาให้ลืมรักไปเลย”
“อกหักหรอไอ้หนุ่ม”
“ครับอกหัก แอบรักคนมีเจ้าของแมงต้องเจ็บอย่างนี้ล่ะครับ”
“ก็แค่แอบรักคนมีเจ้าของถ้าตกเป็นเมียชาวบ้านก็ว่าไปอย่าง”
“ฮือออออออออ!!!!!!!”
“สงสัยจะตกเป็นเมียชาวบ้านจริงๆกูนี่มันพูดแทงใจดำคนได้เก่งจริงๆไม่ต้องร้องไม่ต้องร้องนารีลืมรักใช่ไหมจะได้เอาแบบกินแล้ววูบทีเดียวเลยเดี๋ยวเจ๊จัดให้รอสักครู่ไอ้หนุ่ม”
“ฮืออออออ ครับ อึกฮืออออออิออ”
เจ๊เจ้าของร้านเห็นผมเอาแต่ร้องไห้ฟูมฟายเจ๊แกก็เลยจัดชุดใหญ่ไฟกระพริบมาให้ผมขอบอกเลยว่าจัดดอกเดียวหัวแทบพุ่งชนโต๊ะแทบจะเรียกสติตัวเองกลับมาไม่ได้แล้วแต่ผมมันเป็นนักสู้ครับสู้กินจนหมดไหน้ำตาก็ยังไหลไม่หยุดเลยทำเอาเจ๊เจ้าของร้านคิดว่าตัวเองฝีมือตกรีบชงเหล้าให้ผมจะยกใหญ่ผสมนู่นผสมนี่กล่าวว่าดื่มครั้งนี้ผมน็อคยาวไปอีก 7 วันเลยเจ๊แกก็รีบประเคนยาดองขั้นสุดยอดที่แกผสมเกือบ 10 ชนิด ซึ่งผมเองก็ไม่ปฏิเสธความหวังดีของเจ๊เจ้าของร้านกระดกทีเดียวหมดแก้วหมดอีกหลายแก้วอยู่ๆผมก็มีอาการพะอืดพะอมอยากจะอ้วกขึ้นมาแดกเหล้าเกินอัตราหรือเปล่าทำไมเพิ่งจะมาอยากอ้วกในตอนท้ายที่กำลังได้ที่แบบนี้นะผมจึงเดินเข้าไปข้างร้านเป็นห้องน้ำซึ่งติดกับโรงแรมม่านรูดที่พอชะเง้อคอก็จะเห็น ว่าใครผ่านไปผ่านมาและความลับที่ผมได้ไปพบเจอในวันนี้ก็ทำให้ผมถึงขนาดบล็อคแตกอ้วกแตนเลยก็ว่าได้
สิ่งที่ผมเห็นนั่นก็คือแฟนของคูการ์ กับแฟนของพี่เดียร์กอดรัดฟัดเหวี่ยงกัน จูบกันอย่างดูดดื่มลงจากรถแล้วให้ พนักงานขับรถเข้าไปจอดในม่านรูดที่อยู่ติดกับร้านยาดองของผมซึ่งผมเห็นแล้วก็อ้วกออกมาซึ่ง 2 คนนั้นก็ไม่ได้สนใจเพราะก็รู้ดีว่าที่นี่มีคนเมาเยอะแยะ ซึ่งผมเองก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูป 2 คนนั้นที่กำลังจูบดูดดื่มกัน นี่แหละจะเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญที่จะให้เขาหายโง่สักทีผมเคยบอกแล้วว่า ความรักมันเกิดได้ทุกที่ไม่มีเส้นแบ่งของความรักหัวใจไม่ได้ทำด้วยหินดังสุภาษิตที่ว่าน้ำหยดลงหินทุกวันหินยังกร่อนนับประสาอะไรใจคนที่อ่อนยิ่งกว่าก้อนหินผมต้องนำเรื่องนี้ไปบอกกับคูการ์ ให้เขาตาสว่างได้สักทีเพราะผมไม่อาจทนเห็นเขาเป็นคนโง่ในสายตาของคนอื่นทั้งที่ตัวเขาเองเป็นมาเฟียผู้ยิ่งใหญ่หรอกนะ
ผมมาถึงที่ตัวของบริษัทแล้วรีบเข้าไปดักรอที่โรงจอดรถที่เขามาจอดเป็นประจำซึ่งผมเองก็รู้ตรงนี้ดีจึงแอบมาดักรอที่นี่ เพื่อที่จะเอาหลักฐานและบอกความจริงเกี่ยวกับเรื่องแฟนสาวของเขาและลูกน้องคนสนิทแอบกินกันในที่ลับตาคนและกำลังสวมเขาให้เขาเป็นควายอยู่คนเดียวแบบนี้
“นายมาทำอะไรที่นี่ได้ถูกไล่ออกแล้วไม่ใช่หรอทำไมถึงมาดักรอฉันได้”
“ผมมีเรื่องจะบอกคุณเรื่องนี้เกี่ยวกับแฟนของคุณและคนที่คุณไว้ใจที่สุด”
“นายมีเรื่องอะไรรีบพูดมา”
“แฟนของคุณนอกใจคุณอยู่”
“นายพูดเรื่องอะไรของนาย”
“แฟนของคุณสวมเขาให้คุณอยู่”