4 เรื่องของมาเฟีย
ออสตินมองหน้าวรรษมนเมื่อเห็นแววตาที่ช่างสงสัยก็ยิ้มมุมปาก เขาจำไม่ได้ว่าครั้งสุดท้ายที่ตนเองนั่งคุยกับผู้หญิงนานๆ แบบนี้เมื่อไหร่ เพราะส่วนใหญ่ก็จะพากันขึ้นเตียงอย่างเดียว
“ถ้าเธอรู้ว่าฉันทำอะไรบ้างเธออาจจะกลัวฉันก็ได้นะ”
“ก็ลองเล่ามาสิคะ”
“ฉันชื่อออสติน อายุ 35 แม่เป็นลูกครึ่งไทย-ออสเตรเลีย พ่อเป็นคนอิตาลี ตอนนี้ท่านสองคนใช้ชีวิตอยู่ที่อิตาลี”
“คุณมีพี่น้องไหมคะ”
“เคยมีน้องสาว”
“เคยเหรอคะ”
“อือ แต่เธอเสียไปตั้งแต่เด็กแล้ว”
“หนูเสียใจด้วยนะคะ แล้วคุณทำงานอะไร”
“ก็โรงแรมที่กรุงเทพและที่เชียงราย กาสิโนที่สามเหลี่ยมทองคำอีกสองแห่งแล้วก็กาสิโนที่เธอหนีออกมานั่นแหละ”
“คุณค้าผู้หญิงด้วยใช่ไหมคะ”
“จะเรียกว่าค้าได้ยังไงในเมื่อทุกคนเต็มใจ”
“แต่หนูไม่เต็มใจ”
“นั่นก็เป็นอีกเรื่องที่ฉันต้องสอบสวนว่าใครเป็นคนทำเพราะกาสิโนที่นั่นมีคนท้องถิ่นเป็นหุ้นส่วนด้วย เธออาจจะคิดว่าฉันแก้ตัวนะ แต่ฉันไม่มีทางบังคับใครทำแบบนั้นหรอก”
“หนูจะเชื่อคุณ”
“ทำไมถึงเชื่อฉันล่ะ”
“เพราะคุณช่วยหนู ไม่ใจร้ายกับหนู” วรรษมนเชื่อจริงๆ ว่าเขาเป็นคนดี ที่เชื่อเพราะเขาไม่ใจร้ายกับเธอ ส่วนเรื่องของเขากับงานของเขามันก็เป็นเรื่องส่วนตัว
“อย่าเชื่อคนอื่นง่ายนะเมล่อน ขนาดพี่สาวเธอเขายังหลอกเธอมาขายได้ แล้วไม่คิดเหรอว่าตอนนี้เธอกำลังโดนฉันหลอก”
“ก็แอบคิดค่ะ แต่หนูไม่ทางเลือก หนูอยากกลับกรุงเทพ อยากไปหางานทำและก็อยากจะเรียนให้จบ” หญิงสาวพูดด้วยสีหน้าและแววตาที่มุ่งมั่น
ออสตินรู้สึกพอใจที่เห็นวรรษมนเป็นเด็กรักเรียนเพราะถ้าเป็นคนอื่นต้องทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยก็อาจจะท้อไปแล้ว
“ดูเธอตั้งใจเรียนดีนะ”
“ก็ต้องตั้งใจสิคะ เรียนจบแล้วจะได้หางานดีๆ ทำ” แววตาที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นทำให้คนมองรู้สึกถึงพลังบวกในตัวเธอที่ส่งมาทางสายตา
“ถ้าถึงกรุงเทพแล้วฉันจะช่วยหางานให้”
“ขอบคุณนะคะ หนูนึกแล้วว่าคุณต้องเป็นคนใจดีมากๆ” วรรษมนมองเขาแล้วยิ้มอย่างจริงใจ
“ฉันไม่ได้ใจดีกับทุกคนหรอกนะ”
“แต่อย่างน้อยก็ใจดีกับหนู แล้วปกติคุณมาที่นี่บ่อยไหมคะ หนูหมายถึงมาที่กาสิโน” เธอพยายามชวนเขาคุยเพราะอยากรู้จักเขาให้มากขึ้น
“ก็เดือนละครั้งมาตรวจงาน”
“คุณใช้ชีวิตอยู่ที่กรุงเทพเหรอคะ”
“ฉันก็อยู่ไปเรื่อย”
“หนูขอถามอะไรเพิ่มได้ไหม”
“อือ”
“คุณมีครอบครัวหรือยังคะ ถ้าหนูกลับไปพร้อมคุณจะทำให้คุณมีปัญหากับที่บ้านไหมคะ”
“ไม่ต้องกลัวเรื่องนั้นหรอก ฉันยังไม่มีครอบครัว”
“ไม่น่าเชื่อนะคะ ว่าคุณจะยังไม่มีครอบครัว”
“ทำไมถึงไม่เชื่อ”
“ก็คุณทั้งหล่อทั้งรวยผู้หญิงก็คงจะเยอะ”
“ฉันไม่เถียงว่าฉันมีผู้หญิงเยอะ แต่ฉันยังไม่พร้อมที่จะรับผิดชอบชีวิตใครหรอกนะ”
“คุณพูดเหมือนมีอันตรายอยู่รอบตัว”
“การทำธุรกิจแบบนี้ก็ย่อมมีศัตรูมากกว่าอาชีพอื่น ถ้าฉันมีแฟนหรือมีครอบครัวพวกเขาจะเป็นจุดอ่อนของฉัน”
“หนูไม่เข้าใจความคิดของคุณเลย การมีครอบครัวหนูว่ามันดีออก”
“เธอยังไม่มีครอบครัวจะรู้ได้ยังไงว่ามันดี”
“ก็ตอนพ่อยังไม่ตายพ่อเคยพูดว่าเวลาพ่อทำงานมาเหนื่อยๆ แล้วมาเจอหนูพ่อก็หายเหนื่อย” วรรษมนนึกถึงวัยเด็กแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ นั่นเป็นช่วงเวลาที่เธอมีความสุขมาก เธอจะรอพ่อที่หน้าบ้านทุกวันรอให้พ่อมกอดมาหอมแล้วเข้านอนด้วยกันทุกคืน
“ฟังแล้วดูอบอุ่นดีนะ”
“ใช่ค่ะ ถึงตอนนี้พ่อจะไม่อยู่แล้วแต่หนูก็ยังคิดถึงท่านเสมอคิดถึงวันที่มีความสุข”
ออสตินกำลังคิดถามที่เธอพูดและรู้สึกว่าวรรษมนกำลังหาใครสักคนมาแทนพ่อซึ่งเขาไม่อยากให้เธอรู้สึกกับเขาแบบนั้น
“เมล่อน ฉันขออะไรอย่างหนึ่งได้ไหม”
“ขออะไรคะ” เธอมีสีหน้าตกใจเพราะกลัวเขาจะขอในสิ่งที่เธอยังไม่พร้อม
“ไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอก”
“แล้วมันเรื่องอะไรคะ”
“เลิกแทนตัวเธอว่าหนูเถอะ ฟังแล้วมันทำให้ฉันรู้สึกว่าฉันแก่มาก”
“แล้วจะให้แทนตัวเองว่าอะไร ฉันเหรอคะ”
“เมล่อนไง เธอชื่อเมล่อนไม่ใช่เหรอ”
“ได้ค่ะ ไม่มีปัญหา”
“เอาเป็นว่าเรารู้จักกันแล้วนะ อีกนานกว่าจะถึงกรุงเทพเธอจะนอนก่อนไหม”
“ค่ะ หนู เอ้ย เมล่อนก็เริ่มง่วง ว่าแต่ในรถไม่มีผ้าห่มเหรอคะ”
“หนาวเหรอ”
“ก็นิดหน่อยค่ะ” วรรษมนไม่ค่อยกล้านอนเท่าไหร่ถ้าไม่มีอะไรมาห่มเนื่องจากชุดที่เธอสวมนั้นเป็นชุดเกาะอกตัวสั้นเหนือเข่า แม้เขาบอกว่าจะยังไม่นอนกับเธอวันนี้แต่หญิงสาวก็ยังรู้สึกกลัวอยู่ดี
“เอาเสื้อฉันไปก่อนก็ได้” ออสตินถอดสูทส่งให้เพราะดูแล้ววรรษมนก็คงจะหนาวจริง แม้เขาจะเบาแอร์ให้แล้วก็ตาม
“ขอบคุณค่ะ คุณไม่หนาวเหรอะคะ”
“ฉันมีเสื้ออีกตัว”
พอรับเสื้อมาแล้ววรรษมนก็เอามาห่ม ก่อนจะปรับให้เอนลงไม่นานหญิงสาวก็หลับ
ออสตินนั่งมองหน้าเธออยู่นานก่อนจะมองออกไปข้างนอกพลางใช้ความคิด เขาไม่รู้ว่าสิ่งที่อยู่นั้นเรียกว่าใจดีอย่างที่หญิงสาวพูดหรือเปล่า แต่เขาก็ไม่ชอบที่เธอถูกหลอกมาแบบนี้ เท่าที่เขารู้ผู้หญิงทุกคนที่มาทำงานล้วนเต็มใจและเรื่องนี้เขาคงต้องให้คนสืบให้รู้เรื่อง
“ภูมิ ไปที่คอนโดนะ” ออสตินบอกคนขับเมื่อรถเข้าเขตกรุงเทพ
“ถึงแล้วเหรอคะ” วรรษมนถาม
“ใกล้ถึงแล้ว ฉันจะให้เธอไปที่อยู่ที่คอนโดก่อน”
“เมล่อนขอกลับไปอยู่ที่บ้านได้ไหมคะ”
“คิดจะหนีฉันเหรอ”
“เปล่านะคะ ก็แค่อยากไปดูว่าสองคนนั้นเอาอะไรที่บ้านไปบ้าง”
“เอาไวพรุ่งนี้ค่อยไปดูก็ได้ บ้านมันไม่หนีไปไหนหรอกน่า”
“ก็ได้ค่ะ” วรรษมนตกลงเพราะไม่อยากทำตัวเรื่องมาก
“เธอขึ้นไปคนเดียวนะ ฉันบอกคนของฉันไว้แล้วว่าเธอจะมาพัก”
“แล้วคุณล่ะ”
“ปกติฉันพักที่โรงแรม”
“ค่ะ ขอบคุณนะคะ” วรรษมนดีใจที่อย่างน้อยวันนี้ตนเองก็ยังไม่ต้องเริ่มงานแต่ก็ไม่รู้ว่าตนเองจะรอดไปถึงเมื่อไหร่ คนอย่างเธอพูดคำไหนก็คำนั้นในเมื่อเขาช่วยเธอกลับมาถึงกรุงเทพได้แค่เรื่องนอนกับเขามันก็ไม่ใช่ปัญหา
หญิงสาวขึ้นมายังคอนโดมิเนียมหรูชั้นบนสุดซึ่งห้องของเขากินพื้นที่มากถึงสองในสาม แล้วอีกส่วนที่เหลือก็เป็นห้องพักของแม่บ้านและคนของเขา
“คุณมีอะไรเรียกป้าได้ตลอดนะคะ กดที่ออดสีฟ้าค่ะ”
“แล้วออดสีแดงล่ะคะ”
“สีแดงสำหรับขอความช่วยเหลือ ถ้ากดปุ่มนั้นคนที่จะเข้ามาก็จะเป็นบอดี้การ์ดของคุณออสตินค่ะ”
“ขอบคุณนะคะ หนูคงมารบกวนเวลานอนของป้า”
“ไม่เป็นไรค่ะ ปกติแล้วคุณออสตินไม่เคยมาใครมาที่นี่ขนาดตัวท่านเองยังค่อยมา ป้าเลยแทบจะไม่ได้ทำงานอะไรเลย”
“หนูคงรบกวนไม่นานหรอกค่ะ”
“รบกวนนานก็ได้ มีคนมาอยู่ที่นี่จะได้ไม่เหมือนห้องร้าง”
“แต่ดูไม่เหมือนห้องร้างเลย ป้าคงทำความสะอาดทุกวัน”
“ใช่ค่ะ ป้าทำความสะอาดทุกวันแล้วก็ดีใจที่มีคนมาอยู่”
“หนูคงอยู่รบกวนป้าไม่นานหรอกค่ะ”
“ป้าอยากให้อยู่นานๆ คืนนี้ดึกแล้วป้าว่าเราแยกกันไปนอนดีกว่าหนูมีอะไรก็เรียกป้านะ”
“ได้ค่ะ ขอบคุณนะคะ”