5 กลับมาทำงานเดิม
ตั้งแต่กลับมาถึงกรุงเทพวรรษมนก็ไม่ได้เจอกับออสตินอีกเลย เขาให้ลูกน้องพาเธอไปตรวจเลือดจากนั้นก็กลับไปเอาของใช้จำเป็นที่บ้านและให้เธออยู่ที่คอนโดมิเนียมตามลำพัง
หญิงสาวนั่งมองโทรศัพท์เครื่องใหม่ที่เขาซื้อให้แล้วก็ลังเลว่าจะโทรไปหาเขาดีไหม เพราะรู้สึกเบื่อที่ต้องอุดอู้อยู่แบบนี้เธออยากออกไปข้างนอกไปหางานทำ
เมื่อเรียบเรียงคำพูดแล้ววรรษมนก็กดโทรออกตามเบอร์โทรศัพท์ที่ลูกน้องของเขาบันทึกไว้ให้ แต่พอโทรไปแล้วคนที่รับสายกลับไม่ใช่ออสตินอย่างที่เธอคิด
“ฉันจะโทรหาคุณออสตินค่ะ”
“ตอนนี้บอสไม่ว่างรับสายคุณมีเรื่องด่วนอะไรไหม”
“ไม่ค่ะ เอาไว้ฉันค่อยโทรมาทีหลังก็ได้ แล้วเขาจะว่างตอนไหนล่ะคะ”
“ผมระบุเวลาไม่ได้เอาไว้ถ้าเขาว่างผมจะบอกเขาโทรกลับ”
“ขอบคุณค่ะ”
พอวางสายแล้วหญิงสาวก็กลับมานั่งเหงาอย่างเดิม แม้จะได้คุยกับเพื่อนผ่านทางโลกโซเชียลแต่การอยู่แต่ในห้องมันก็น่าเบื่อ ปกติแล้วถ้าไม่ออกไปเรียนวรรษมนก็ต้องออกไปทำงานพิเศษเธอเลยไม่ชินกับการต้องนั่งๆ นอนๆ อยู่แบบนี้
หญิงสาวคิดว่ายังไงวันนี้ก็ต้องออกไปข้างนอกให้ได้ แม้ว่าเขาจะสั่งห้ามไว้ก็ตาม
เธอเลือกชุดกางเกงยีนกับเสื้อยืดที่เอามาจากบ้านขึ้นมาสวมแทนที่จะเป็นชุดกระโปรงราคาแพงที่เขาให้คนซื้อมาให้ พอแต่งตัวเสร็จก็ออกไปบอกบอดี้การ์ดให้มาช่วยดูก๊อกน้ำก่อนจะขังเขาไว้
“ขอโทษนะคะที่ต้องทำแบบนี้ คุณก็อยู่ในนั้นไปก่อนนะ” เธอบอกกับบอดี้การ์ดที่กำลังจะพังประตูออกมา
“คุณจะไปไหน บอสสั่งไว้ว่าไม่ให้ออกไปข้างนอก” เสียงบอดี้การ์ดหนุ่มตะโกนออกมา
“ฉันแค่จะไปหาเพื่อนแล้วก็กลับไปที่บ้าน”
“ถ้าบอสรู้เขาคงโกรธมากแล้วถ้าเขามาหาคุณแล้วไม่เจอผมว่าทั้งคุณและผมคงจะเดือดร้อน”
“คุณก็อย่าบอกเขาสิคะ อีกอย่างเขาไม่มาที่นี่หรอกน่า ฉันโทรไปหาเขาแล้วเขากำลังงานยุ่งคงไม่ว่างมาหรอก แต่ถ้าเขาจะมาคุณก็แค่โทรไปบอกแล้วฉันจะรีบมารับรองว่าเรื่องนี้จะมีแค่เราสองคนที่รู้ เอาล่ะ ฉันไม่อยากจะคุยให้เสียเวลา ฉันไปก่อนนะ”
“คุณเมล่อนเดี๋ยวสิ” บอดี้การ์ดตะโกนไล่หลังแต่วรรษมนไม่สนใจฟังเพราะถ้าช้ากว่านี้เขาก็อาจจะโทรให้บอดี้การ์ดอีกคนที่มักจะทำงานคู่กับเขามาช่วยก็ได้
วรรษมนกลับมาที่บ้านของตนเองจากนั้นก็เก็บของใช้ที่ไม่จำเป็นทิ้งเธอคิดว่าจากนี้อาจจะต้องหาคนมาเช่าห้องที่ว่างสองห้องเพื่อเอาเงินที่ได้ไปผ่อนกับธนาคารเพราะตอนนี้เธอยังไม่ได้ทำงานพิเศษก็เลยกลัวว่าเงินเก็บที่มีจะไม่พอกับค่าผ่อนบ้าน
หญิงสาวเก็บของจนเหนื่อยก็ขี่จักรยานยนต์คันเก่าออกไปซื้อข้าวที่ร้านอาหารตามสั่งหน้าปากซอย
“ไหนพี่สาวเอ็งว่าเองไปทำงานต่างประเทศไง แล้วทำไมถึงรีบกลับมาแล้วล่ะ” ป้าสมเจ้าของร้านถามขณะที่มือก็ผัดกับข้าวไปด้วย
“หนูแค่ไปลองทำแต่งานไม่เหมาะกับหนูก็เลยกลับ ไม่นึกว่าพอกลับมาพี่เมย์กับน้ารีจะย้ายออกไปแล้ว”
“ป้าก็ตกใจเหมือนกันจู่ๆ สองคนนั้นก็ย้ายออก แต่ป้าได้ยินน้ารีของเอ็งพูดว่าพี่สาวเอ็งได้ที่ทำงานใหม่แล้วเขามีบ้านให้อยู่ก็เลยพากันย้ายออก”
“เหรอ เขาไม่บอกอะไรหนูเลย แล้วป้าพอรู้ไหมว่าเขาได้งานที่ไหน”
“อันนี้ป้าก็ลืมถามมัวแต่ดีใจกับมัน เอ็งลองไปถามนังแก้วตาเพื่อนของพี่เอ็งดูสิ”
“นั้นสิ พี่แก้วตาน่าจะพอรู้อะไรบ้างเดี๋ยวหนูกินข้าวเสร็จว่าจะแวะไปถามดู”
วรรษมนไม่ได้อยากจะแวะไปถามเรื่องพี่สาวของตนเองแต่เธออยากจะแวะไปถามพี่แก้วตาว่าตอนนี้ที่ผับยังรับเด็กนั่งดริ๊งค์อยู่ไหม
หญิงสาวจอดรถที่หน้าห้องเช่าแห่งหนึ่งจากนั้นก็ขึ้นไปยังชั้นสามเธอเคาะประตูอยู่หลายครั้งกว่าเจ้าของห้องจะออกมาเปิด
“พี่แก้วตา ฉันมาปลุกพี่หรือเปล่า” เธอถามเพราะเห็นเจ้าของห้องหน้ายุ่งเหมือนคนเพิ่งจะตื่นนอน
“อือ แล้วนี่เอ็งมาได้ยังไงพี่เอ็งว่าเอ็งจะไม่กลับมาแล้ว”
“พี่เมย์ก็พูดไปเรื่อยบ้านฉันอยู่ที่นี่จะไม่กลับมาได้ยังไง พี่แก้วตารู้ไหมว่าตอนนี้พี่ฉันไปทำงานที่ไหน”
“พี่เอ็งก็บอกนะเห็นว่าทางเหนือ แต่พี่เมาเลยจำอะไรไม่ค่อยได้ แล้วนี่เอ็งมาหาพี่เพื่อจะถามแค่นี้ใช่ไหมจะได้นอนต่อ”
“ไปง่วงที่ไหนมาหรือเมื่อคืนออกไปต่อกับแขก” วรรษมนรู้ว่านอกจากจะนั่งดื่มแล้วพี่แก้วตายังออกไปนอนกับแขกด้วยแต่เรื่องนี้ทางร้านจะไม่ยุ่งเพราะถือว่าเป็นการคุยกันเองและไปหลังจากที่ร้านปิดแล้ว
“เออสิ ถ้าเอาแค่ค่าเหล้าอย่างเดียวมันพอใช้ที่ไหน พี่ไม่เหมือนเอ็งนี่ทั้งสาวทั้งสวยคืนหนึ่งก็ได้ตั้งหลายพัน”
“ฉันก็ว่ารายได้มันดี ฉันเลยอยากจะขอกลับไปทำอีก”
“เถ้าแก่ก็บ่นถึงแกอยู่เหมือนกัน เพราะแขกถามถึงกันใหญ่”
“เขาจะไม่ว่าใช่ไหมที่ฉันลาออกแล้วกลับไปทำใหม่”
“ไม่ว่าหรอก เอ็งมันตัวดึงดูดลูกค้า”
“ได้ยินแบบนี้ฉันค่อยสบายใจหน่อย ฉันว่าเย็นนี้จะเข้าไปของานเถ้าแก่”
“เอ็งแต่งตัวไปเลยยังไงเถ้าแก่ก็รับเอ็งทำงานอยู่แล้ว ยิ่งคืนวันศุกร์แบบนี้แขกยิ่งเยอะ”
“ขอบคุณนะพี่ ฉันไปก่อนละ”
วรรษมนขี่จักรยานยนต์กลับมาที่บ้านด้วยรอยยิ้มเพราะคืนวันศุกร์แบบนี้แขกจะเยอะและเธอก็จะได้เงินเยอะตามไปด้วย พอมาถึงผับก็เป็นไปตามที่คาดไว้เพราะเถ้าแก่ยินดีให้หญิงสาวเริ่มงานทันที
เธอทำงานจนกระทั่งใกล้ถึงเวลาปิดร้าน หญิงสาวคิดว่าคงไม่มีแขกซื้อเครื่องดื่มเพิ่มจึงมานั่งพักในห้องที่ผับมีไว้แต่ยังนั่งไม่ถึงสิบนาทีเถ้าแก่ก็ให้คนมาตามออกไป
“มีแขกเหรอคะ”
“อือ เขาเหมาเครื่องดื่มร้อยดริ๊งค์”
“คนไหนเหรอคะ แล้วมาเหมาอะไรตอนกำลังจะปิดแบบนี้ล่ะ”
“เขาอยู่ในห้องวีไอพี”
“แต่เมล่อนไม่รับงานในห้องวีไอพีนะคะ”
“ฉันรู้ว่าเธอไม่รับงานแบบนั้นแต่เขาบอกว่าไม่อยากนั่งดื่มกับคนอื่นเขาอยากมีความเป็นส่วนตัว”
“เมล่อนปฏิเสธได้ใช่ไหมคะ”
“ได้สิ ฉันไม่เคยบังคับใครอยู่แล้ว แต่ลองคิดดูนะร้อยดริ๊งค์เธอจะได้เงินเท่าไหร่ หักเปอร์เซ็นต์แล้วก็สองหมื่นเลยนะ” เถ้าแก่เตือนสติวรรษมน
“มันเยอะมากนะคะ แต่เมล่อนกลัวว่ามันจะไม่จบแค่ดื่มสิคะ เพราะนั่นเป็นห้องวีไอพี”
“ถ้าเธอไม่ตกลงฉันจะไปบอกเขาเองเผื่อเขาจะเปลี่ยนใจออกมานั่งดื่มที่โซนด้านนอก”
“ขอให้เขาเปลี่ยนใจนะคะ” วรรษมนก็อยากรับงานอยู่หรอกแต่การนั่งดื่มในห้องวีไอพีเป็นอันรู้กันดีว่าหลังจากร้านปิดพวกเขาก็อยู่ที่นั่นได้โดยที่ทางร้านจะไม่เข้าไปยุ่งเพราะห้องนั้นจะมีประตูลงอีกทางซึ่งไม่เกี่ยวกับผับ
เถ้าแก่เดินลงมาจากชั้นสองด้วยสีหน้าไม่ค่อยดีเท่าไหร่ทำให้วรรษมนคิดว่าคงไม่ได้งานนี้แน่ๆ
“เขาไม่ยอมเหรอคะ”
“เขาบอกให้เมล่อนขึ้นไปคุยกับเขาเอง”
“ได้ค่ะ เดี๋ยวเมล่อนขึ้นไปเองแล้วจะบอกเขาให้เลือกคนที่พร้อมจะทำงานในห้องนั้น”