ทวงรัก 4 | ถือว่าโชคดีของเธอ
“หึ! พวกคนโง่” มาเฟียหนุ่มแสยะยิ้ม ก่อนจะอัดบุหรี่ที่คีบไว้ในมือเข้าปากแล้วพ่นควันสีขาวปนเทาออกมาอย่างใจเย็น
รับรู้ทุกการเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้น เพียงแค่แกล้งทำเป็นหลับหูหลับตาไม่รู้เรื่อง ศิลาดูเหมือนจะไม่ยอมแพ้เรื่องเอาข้อมูลลับไปแฉเขาง่ายๆ ไม่คิดว่ารอบนี้มันจะส่งผู้หญิงเข้ามาเอาข้อมูล
ส่งมาตายแท้ๆ
ทิ้งบุหรี่ในมือลงพื้นแล้วใช้เท้าบดขยี้ ก่อนจะเดินกลับไปยังห้องพักที่ตัวเองเดินออกมาก่อนหน้านี้
ได้เวลาเชือดลูกแกะแล้ว…
แกร๊ก
สายตาคมเข้มกวาดมองไปรอบห้องสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ที่ว่างเปล่า ริมฝีปากหยักได้รูปแสยะยิ้มเมื่อไม่เห็นซองเอกสารที่ใช้ล่อเหยื่อวางไว้บนโต๊ะ ผู้หญิงคนนั้นยังไม่ออกไป เพราะเขายังคงได้กลิ่นน้ำหอมลอยมาจากมุมหนึ่งของห้อง
“อยากรู้จริงๆ ว่าศิลามันคิดอะไรอยู่ ถึงกล้าส่งผู้หญิงอ่อนแออย่างเธอ… มาตาย”
เขารู้ว่าผู้หญิงคนนั้นหลบอยู่มุมไหนในห้องนี้ ลมที่พัดผ่านมา พากลิ่นน้ำหอมลอยมาเตะจมูก กลิ่นน้ำหอมหวานขนาดนี้ มันบ่งบอกถึงตัวตนและนิสัยของคนๆ นั้นได้ดี
“ฉันรู้ว่าเธอยังอยู่ในห้องนี้ รีบออกมา…”
พรึ่บ!
เคร้ง!
เขาเบี่ยงตัวหลบวัตถุที่พุ่งมาจากข้างหลังได้อย่างหวุดหวิด มองแจกันชิ้นโปรดที่แตกละเอียดบนพื้นพลางกระตุกยิ้มมุมปาก
ปัง!
“กรี๊ดดด!!!” ลีอาร์กรีดร้องสุดเสียงจนเจ็บคอ เมื่อลูกกระสุนพุ่งเฉียดใบหน้าสวยหวาน ฝังเข้าไปในประตูที่ตัวเองกำลังจะเปิดออก
หัวใจดวงน้อยเต้นแรงแทบหลุดออกมาจากขั้วรอมร่อ ร่างกายแข็งทื่อราวกับโดนสาปไปชั่วขณะ สายตามองลูกกระสุนที่ฝังในประตูตรงหน้าด้วยความหวาดกลัว
เธอโดนจับได้แล้ว…
“ขยับแค่นิดเดียว สมองเธอเละแน่”
เจ้าของประโยคคือคนคุ้นเคย หากแต่น้ำเสียงที่เปล่งออกมากลับฟังดูเยียบเยียบน่ากลัว ไม่เหมือนคนเดิมที่เธอเคยรู้จักในอดีต
“ปะ…ปล่อยฉันไปเถอะนะ” กลัวจนน้ำเสียงที่อ้อนวอนกับเขาสั่นเครือ
“ฉันปล่อยเธอไปแน่ แต่ทางเลือกมีระหว่าง สวรรค์กับนรก” สิ้นเสียงมาเฟียหนุ่ม เป็นจังหวะเดียวที่ปลายกระบอกของปืนแนบลงกลางศีรษะจากข้างหลัง
ความตายอยู่ใกล้แค่เอื้อมแล้วลีอาร์
•••
“พะ…พวกคุณจะทำอะไร” เธอถูกพามายังสถานที่แปลกใหม่ สภาพแวดล้อมรอบข้างดูน่ากลัวและมีกลิ่นเหม็นอับ แถมเบื้องหน้ายังมีชายฉกรรจ์ท่าทางน่ากลัวสามคนกำลังยืนมองเธอด้วยสายตาหื่นกระหาย
“ปล่อยฉันไปเถอะ!” หันไปอ้อนวอนเขาที่ยืนมองดูเธอด้วยท่าทางเย็นชา แววตาคู่นั้นที่มองมาราวกับไม่ใช่เขาคนเดิมที่เคยรู้จัก แถมยังทำเหมือนไม่เคยรู้จักกันมาก่อนอีกด้วย
“ที่ทำลงไปเพราะฉันมีเหตุผล ปล่อยฉันไปเถอะนะ”
“หลังจากพวกมันจัดการเธอเสร็จ ก็เตรียมตัวบอกลาโลกนี้ไปได้เลย” เขายืนมองคนของศิลาพลางแสยะยิ้มน่ากลัว
“ยะ…อย่าเข้ามานะ! กรี๊ดดด!!” เธอพยายามคลานหนี ทว่ากลับถูกชายฉกรรจ์ลากกลับมา แล้วจัดการผลักลงให้นอนหงาย ข้อเท้าและทั้งสองถูกพันธนาการเอาไว้ด้วยฝีมือฉกรรจ์อีกคน แขนทั้งสองก็เช่นเดียวกัน…
แควกก!
“กรี๊ดดด!!!” เสื้อผ้าถูกฉีกขาดจนเผยให้เห็นบราเซียร์ลายลูกไม้ ชายฉกรรจ์สามคนมองเรือนร่างขาวผุดผ่องของหญิงสาวพลางกลืนน้ำลายลงคอ สายตาทั้งหกคู่พลันลุกวาว
“หึ…” เขาส่งเสียงเบาๆ ในลำคอ ก่อนจะก้าวขาเดินออกไปจากตรงนี้ เพื่อปล่อยให้ลูกน้องจัดการกับคนของศิลาอย่างไม่คิดสงสารหรือบอกให้หยุด
“พี่ฮันเตอร์!”
กึกก
สรรพนามจากน้ำเสียงหญิงสาวคนนั้นทำให้มาเฟียหนุ่มหยุดชะงัก
“ฮืออ ลีอาร์ขอร้อง ปะ…ปล่อยลีอาร์ไปฮึก ฮืออ~”
เขาหันกลับไปมองผู้หญิงคนนั้นอีกครั้ง เธอพยายามดิ้นให้หลุดจากพันธนาการของลูกน้องตัวเอง ใบหน้าเปื้อนด้วยคราบน้ำตาดูน่าสงสาร และแววตาคู่นั้นกำลังอ้อนวอนเขาอยู่
แววตาคู่นั้นดูคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก น่าเสียดายที่จำไม่ได้แล้วว่า… เคยเห็นที่ไหนมาก่อน
“เอายังไงดีครับนาย ผู้หญิงคนนี้สลบไปแล้ว”
“เอาไปขังไว้ก่อน”
“ครับ” ชายฉกรรจ์รู้สึกหัวเสียไม่น้อยที่ไม่ได้จัดการผู้หญิงคนนี้ แต่คำสั่งก็คือคำสั่ง ขัดคำสั่งของเจ้านายไม่ได้
“ถือว่าครั้งนี้เป็นโชคดีของเธอ” เขาพูดแล้วมองผู้หญิงคนนั้นที่นอนหมดสติ ถอนหายใจออกมาหนักๆ ถอดสูทของตัวเองโยนปิดท่อนบนที่มีเพียงบราเซียร์ตัวเดียวให้