มาเฟีย : 3
"ลองดูนี่นะครับ"
ครั้งนี้เป็นจอคอมพิวเตอร์ที่ถูกหันมาให้สายไหมดู
รูปถ่ายที่เหมือนเพิ่งถูกส่งมาหมาด ๆ ชายหญิงคู่หนึ่งที่กำลังนั่งดินเนอร์กันท่ามกลางบรรยากาศริมน้ำแสนหรู
บนโต๊ะนั้นมีตุ๊กตาที่เธอจำได้ดีว่าเป็นของใยหม่อนแน่เพราะสายไหมเพิ่งพาไปเลือกเองกับมือเมื่อสัปดาห์ก่อนก่อนที่จะติดต่อใยหม่อนไม่ได้
"พี่หม่อน"
น่าเสียดายที่รูปถ่ายนี้ไม่เห็นหน้าผู้ชายที่ใยหม่อนไปดินเนอร์ด้วย คนที่แอบถ่ายฝีมือห่วยมาก มุมกล้องเลยมืดทำให้มองไม่เห็นหน้าผู้ชายอีกคน เห็นแต่เสื้อสูทสีขาวทั้งชุด ดูแล้วน่าจะเป็นคนรวยระดับหนึ่ง
"คุณยืนยันแล้วนะครับว่านั่นคือพี่สาวคุณ"
"ค่ะ นั่นพี่สาวฉันเอง"
"ดีครับ เพราะรูปนี้สายสืบเพิ่งส่งมาให้ผมเมื่อครู่ แค่นี้ก็ตอบคำถามได้แล้วว่า พี่สาวคุณยังมีชีวิตอยู่ และอยู่กับ อัลโด คาร์ลเชนโร มาเฟียอิตาลีที่มาขยายอิทธิพลมืดในไทย"
อัลโด คาร์ลเชนโร?
ทำไมแค่ได้ยินชื่อเธอก็รู้สึกเสียวสันหลังถึงความน่ากลัวของเขาแล้ว
"สารวัตรช่วยพี่สาวฉันด้วยนะคะ"
หลักฐานแน่นหนาขนาดนี้ สายไหมมีหวังจะได้พี่สาวกลับมาแล้ว
"แค่รูปถ่ายใบเดียวพวกเราไปพาพี่สาวคุณกลับมาไม่ได้หรอกครับ"
"ทำไมคะ!?" เสียงผิดหวังถามขึ้น
"ในรูปนั้นพี่สาวคุณดูไม่เหมือนคนถูกกักขังหรือบังคับ เหมือนทั้งคู่มีฟีลแฟนกันมากกว่า"
ใช่ คนนั้นคือแฟนพี่สาวที่สายไหมเคยเรียกเขาว่า 'พี่เขยในอนาคต' ตุ๊กตาลาบูลาบูสีเขียวมะนาวตัวนั้นเป็นเครื่องยืนยันชิ้นดี
"ทางเดียวที่จะพาพี่สาวคุณกลับมา คงต้องพึ่งคุณแล้ว"
"ฉันพร้อมค่ะ"
สายไหมไม่คิดตริตรองสักวินาที เธอรีบรับปากอีกคนเสียงฉะฉาน
"แต่มันค่อนข้างอันตรายนะครับ"
"เราเหลือกันสองคนพี่น้อง ฉันต้องไปเห็นกับตาว่าพี่สาวฉันอยู่สุขสบายดี"
ต่อให้เขาเป็นมาเฟีย แต่ถ้าเขาดีกับพี่สาวเธอ สายไหมอาจจะเคารพการตัดสินใจของใยหม่อนที่เลือกคน ๆ นั้น
"งั้นพรุ่งนี้ผมจะสอนการต่อสู้เอาตัวรอดฉบับเร่งด่วนให้คุณ เรามีเวลาจำกัด แต่อย่างน้อยก็ดีกว่าเดินเข้าไปแบบอ่อนปวกเปียกไม่มีวิชาป้องกันติดตัว"
นับว่าสารวัตรคนนี้ฉลาดรอบคอบห่วงใยประชาชนจริง ๆ
"ได้ค่ะ ไหมจะเป็นสายลับฝึกหัดให้สารวัตรเพื่อไปตามหาพี่หม่อนเอง"
รู้ว่าเสี่ยง แต่เธอมีสิทธิเลือกด้วยหรือ ขนาดตำรวจยังทำอะไรไม่ได้ เธอจะรอให้พี่สาวเธอเป็นอะไรไปก่อนมันใช่เรื่องเหรอ?
"ผมรับประกันว่าคุณสองพี่น้องต้องปลอดภัยกลับมา"
โชคดีจริง ๆ ที่วันนี้สายไหมได้เจอกับสารวัตรทัดเทพ ไม่เช่นนั้นเธอคงกลายเป็นบ้าที่ติดต่อพี่สาวไม่ได้แน่ ๆ
"ฉันเชื่อสารวัตรค่ะ"
แววตาสายไหมมุ่งมั่นและเริ่มมีกำลังใจขึ้นมา เธอบอกลาสารวัตรทัดเทพหลังจากแลกข้อมูลติดต่อกันเอาไว้แล้วเพื่อกลับมาเตรียมตัวกับบทเรียนในวันพรุ่งนี้
"เตะขาให้สูงไว้ สูงอีก ดีมาก"
เสียงสารวัตรหนุ่มที่กำลังเป็นคู่ซ้อมมวยให้กับสายไหมดังเรียกความหึกเหิมให้เธอ
วันนี้เป็นวันแรกที่ทั้งสองนัดกันมาค่ายมวยของคนรู้จักทัดเทพเพื่อฝึกวิชาป้องกันตัวให้สายไหมก่อนจะเข้าถ้ำเสือในอีกสองวันข้างหน้า
"พักก่อนมั้ย"
พวกเขาฝึกกันมาตั้งแต่แปดโมงเช้าจนนี่เกือบจะเที่ยงแล้วยังไม่ได้พักกันสักยก
"ดีเหมือนกันค่ะ"
สายไหมเป็นสาวร่างเล็ก สูงร้อยหกสิบเก้า เอวคอดกิ่วหุ่นนางแบบดี ๆ นี่เอง จะให้เธอถึกไปกว่านี้คงเป็นได้ยาก
"เดี๋ยวเราพักออกกำลังไปคุยเรื่องรายละเอียดกันช่วงบ่ายแทนเนอะ"
สายไหมพยักหน้าเห็นด้วยกับข้อเสนอแนะของสารวัตรทัดเทพ เธอจึงขอตัวไปเปลี่ยนชุดไปรเวทเพื่อไปหาที่คุยเรื่องสำคัญต่อ
"ทานไรดีเรา"
ไม่รู้ว่าสายไหมคิดมากไปหรือเปล่า เธอรู้สึกว่าสารวัตรทัดเทพเฟรนลี่เข้ากับเธอง่ายมาก แต่นั่นก็ดีทำให้เธอไม่เกร็งเวลาอยู่ต่อหน้าเขาที่เป็นถึงสารวัตร อาชีพคนมีสีที่ใคร ๆ ไม่ค่อยอยากเข้าใกล้
"ขอเป็นสลัดอกไก่กับน้ำส้มคั้นแล้วกันค่ะ" เธอหันไปสั่งพนักงานที่รอรับออร์เดอร์
"ของผมเอาเป็นข้าวเปล่า ต้มยำกุ้ง แล้วก็ปูผัดผงกะหรี่"
สายไหมได้ยินรายการอาหารจึงเงยหน้ามองคนที่นั่งฝั่งตรงข้าม
ทัดเทพรู้สึกถึงสายตาคู่นั้นจึงหันมาสบตาพร้อมเลิกคิ้วเหมือนอยากถามว่าสายไหมจะเอาอะไรเพิ่มหรือเปล่าแต่พนักงานที่ยืนรออยู่กลับเอ่ยแทรกขึ้นก่อน