บทที่ 5
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ ในเมื่อคนในตระกูลฉันหาก....”
“คุณแม่ครับ! บิวหมายถึงตอนนี้ยังไม่พร้อมน่ะครับ”
“งั้นเหรอ? ถ้าอย่างนั้นพร้อมตอนไหนก็บอกแม่มาละกัน เมื่อไหร่ที่แม่มั่นใจว่าแกไม่ได้เอาคนมาหลอก เมื่อไหร่ที่พวกแกมีหลานให้ วันนั้นแม่จะจัดงานแต่งให้พวกแกสองคนทันที เธอพร้อมที่จะมาเป็นสะใภ้ฉันแล้วใช่ไหม”
“พะ...พร้อมครับคุณท่าน” ผมต้องแสร้งยิ้มทั้งที่มีคำถามมากมายในหัว
“จะเรียกคุณท่านทำไมเรียกคุณแม่เหมือนฉันสิ เธอเป็นสะใภ้แล้วนะ” คุณนาธานว่าแต่สายตาดุดันซะเหลือเกิน
“ครับคุณแม่ ผมต้องฝากเนื้อฝากตัวกับคุณแม่ด้วยนะครับ มีอะไรให้ผมทำบอกมาได้เลยครับ”
“ไม่ต้องห่วง มีอะไรให้เธอทำเยอะแยะเชียวล่ะ ขึ้นอยู่กับว่าจะทนได้มากน้อยแค่ไหน”
“ผมทนได้แน่นอนครับคุณแม่”
“แล้วฉันจะคอยดู”
“คุณแม่ต้องชอบบิวแน่นอนครับ ช่วงนี้ผมอาจไม่ได้มาอยู่ด้วยเพราะมีงานต้องทำเยอะแยะเลย ฝากคุณแม่ดูแลบิวแทนผมด้วยนะครับ”
“แล้วคืนนี้จะค้างไหมล่ะ”
“เอ่อ...”
“พาเมียมาฝากไว้กับแม่ทั้งทีจะไม่ค้างเชียวรึ”
“ก็ได้ครับคุณแม่ ก็ได้ครับ”
เห็นสีหน้าเขาแล้วรู้สึกหมั่นไส้ชะมัด คนบ้าอะไรเล่นละครเก่งขนาดนี้ กับแม่ตัวเองก็ยังไม่เว้น เอาผมมาทิ้งไว้ที่นี่แล้วก็จะไปเสวยสุขเหรอ ใจร้ายชะมัดเลย!
“ถ้างั้นก็พาเมียแกขึ้นไปดูห้องหับให้เรียบร้อย มีอะไรบอกสอนกันก็บอกไป ส่วนที่เหลือแม่จะดูแลให้เอง”
“ครับคุณแม่”
เมื่อเห็นท่าทีของผู้เป็นแม่ไม่ต่อต้านผมเขาก็ยิ้มร่า หอมแก้มฟอดใหญ่แล้วหันมาพยักหน้าให้ผมเชิงสั่งให้ไปด้วยกัน
“ผมขอตัวก่อนนะครับคุณแม่”
ท่านพยักหน้ารับก่อนผมจะลุกขึ้นเดินตามหลังเขาขึ้นไปยังห้องนอนส่วนตัว สายตาของผมมัวแต่มองโน่นมองนี่ไปเรื่อยจนไม่ทันได้สังเกตว่าตอนนี้มาถึงห้องแล้ว ร่างน้อย ๆ ปะทะกับแผ่นหลังหนาเข้าอย่างจัง ล้มก้นกระแทกพื้นจนต้องทำหน้าเหยเก
“โอ๊ย! จะเบรกทำไมไม่บอกกันบ้าง”
“แล้วเธอมัวแต่ดูอะไรอยู่ล่ะ เดินไม่ดูตาม้าตาเรือ”
เขาหันมาทำหน้าดุให้ ทำราวกับผมเป็นตัวขัดลาภอะไรเทือกนั้น ทำผิดแค่นี้เองทำไมต้องดุกันด้วย ผมทำหน้าสำนึกผิดแล้วเขาก็หันกลับไปเปิดประตูห้อง เมื่อเดินผ่านประตูเข้ามาแล้วสายตาของผมต้องเบิกกว้างด้วยความตกใจอีกครั้ง ห้องนี้หรูหราหมาเห่ามาก เหมือนอยู่ในพระราชวังอะไรเทือกนั้น เก้าอี้เอย โซฟาเอย ตู้ เตียง เฟอร์นิเจอร์ล้วนแต่เป็นของแบรนด์เนมทั้งนั้น แค่ห้องนี้ห้องเดียวไม่รู้หมดไปกี่ล้าน
“โอ้โห! ทำไมห้องนอนคุณถึงได้หรูหราใหญ่โตอย่างนี้ ผมจะได้นอนในห้องนี้จริง ๆ ใช่ไหม”
“อืม”
“แล้วไหนตู้เสื้อผ้าของผมล่ะ ผมจะได้เอาเสื้อผ้าไปเก็บเข้าที่ให้เรียบร้อย”
เขาทำสีหน้าเย็นชาพลางชี้มือไปยังประตูอีกฝั่งของห้อง ผมรีบเดินเข้าไปเปิดดูพบว่ามันคือห้องที่ใช้เก็บเสื้อผ้าโดยเฉพาะ ในนั้นมีเสื้อผ้าบางส่วนทำให้เกิดความรู้สึกแปลกใจ เพราะขนาดมันเล็กไม่เหมือนเป็นของเขาเลย
“แล้วนี่เสื้อผ้าใครครับ”
“ก็ของเธอนั่นล่ะ ฉันสั่งให้คนซื้อมาไว้ให้ส่วนหนึ่งแล้ว เธอจะได้ไม่ต้องออกไปไหนโดยไม่จำเป็น”
“นี่คุณรู้จักสัดส่วนผมได้ยังไงกัน โห แต่ละตัวสวย ๆ ทั้งนั้นเลย แบรนด์เนมอีกด้วย”
ในตอนนั้นผมได้ยินเสียงถอนหายใจดังขึ้น หันไปมองก็เห็นเขายืนกอดอกทำหน้าเซ็ง จากที่กำลังกระดี๊กระด๊าต้องหุบยิ้มลงทันทีทันใด
“ทำไมคุณทำหน้าอย่างนั้นล่ะ”
“ก็เพราะเธอนั่นล่ะ ทำตัวเหมือนบ้านนอกเข้ากรุง รำคาญลูกตา วันนี้ต้องอยู่ค้างคืนที่นี่ด้วย ยิ่งรู้สึกอึดอัด”
“ทำอย่างกับผมอยากจะอยู่กับคุณงั้นล่ะ”
“เธอไม่มีสิทธิ์เลือก”
“คุณก็ไม่มีสิทธิ์เลือกเหมือนกันนั่นล่ะ ดูท่าทางแล้วแม่คุณเอาเรื่องไม่น้อยเลยนะ กำราบมาเฟียอย่างคุณซะอยู่หมัด” ว่าแล้วก็หัวเราะชอบใจแต่ต้องรีบหุบปากเมื่อถูกเขาชี้หน้าห้ามเอาไว้
“เธอกวนประสาทเกินไปแล้วนะ เป็นแค่ลูกหนี้ เดี๋ยวจะไปจัดการแม่กับน้องชายเธอซะให้เข็ด”
“อย่าเชียวนะ ผมขอโทษ อย่าทำอะไรแม่กับน้องผมเลยนะ ผมผิดไปแล้ว”
“งั้นก็อย่าปากดีอีก”
พูดจบเขาก็เดินหนีไปทิ้งให้ผมยืนทำหน้าล้อเลียนตามหลังอยู่ตรงนั้น คนบ้าอะไรจะอารมณ์แปรปรวนขนาดนี้ แต่ก็ช่างเถอะถึงยังไงเขาก็อยู่กวนประสาทผมได้คืนวันนี้คืนเดียวเท่านั้นล่ะ