บทที่ 3
“นี่เหรอคะเด็กที่คุณจ้างมาเป็นลูกสะใภ้สายวายของแม่คุณ” สายตาที่ผู้หญิงคนนี้มองมาที่ผมเหมือนตัวประหลาดอะไรเทือกนั้น เห็นแล้วหมั่นไส้ชะมัด! ทนเอาไว้ก่อนไอ้บิว ผมทำได้เพียงท่องไว้ในใจตลอด
“ลูกชายของลูกหนี้ที่บ่อนน่ะ เห็นบอกว่าเป็นผู้ชายเรียบร้อย ใสซื่อไม่มีพิษภัย แถมยังเป็นแม่บ้านแม่เรือนเหมือนที่คุณแม่ต้องการ คิดว่าถึงยังไงก็ไม่มีเงินจ่ายเลยจ้างมาซะเลย ซอนย่าว่ายังไง”
“หน้าตาซื่อบื้อจริง ๆ ด้วยค่ะ แม่คุณรสนิยมแปลกประหลาด เป็นสาววายไม่พอยังอยากจะได้ลูกสะใภ้เป็นผู้ชายอีกด้วย”
“ผมก็ไม่รู้จะทำยังไงกับคุณแม่แล้ว เลยต้องยอมตามใจเพื่อให้ท่านมีความสุข อีกสักพักคงจะเลิกเองล่ะมั้ง”
ทั้งสองคนสนทนากันเหมือนผมไม่ได้ยืนอยู่ตรงนี้ เริ่มรู้สึกรำคาญซะแล้ว จะให้ทำอะไรก็รีบบอกมาสิพูดอยู่นั่นล่ะ
“สรุปว่าจะให้ผมทำอะไรบ้างครับ ช่วยเล่ารายละเอียดงานให้ฟังหน่อยได้ไหม”
ได้ยินอย่างนั้นผู้หญิงที่ชื่อซอนย่าก็ตวัดสายตามามองผมอย่างไม่พอใจ
“ใครสั่งให้พูด!”
“ไม่มีครับ แต่ผมคิดว่าควรถามเพราะอยากจะเริ่มทำงานแล้ว” ผมตอบออกไปด้วยสีหน้าใสซื่อไร้เดียงสานั่นยิ่งทำให้เจ้าหล่อนเดือดดาลเป็นที่สุด
“อยากจะเริ่มทำงานแล้วเหรอ ได้! งั้นมาทาครีมกันแดดให้ฉันหน่อยสิ”
ผมยืนนิ่งไม่ขยับเขยื้อน ทำไมจะต้องไปรับใช้ผู้หญิงคนนี้ด้วย แต่ถ้าผมไม่ทำก็เกรงว่าจะโดนรังแกหนักกว่านี้น่ะสิ เลยต้องยอม ๆ ไปก่อน เดินตรงไปรับครีมกันแดดจากนาง ขณะกำลังยืนเปิดฝาครีมกันแดดก็ถูกเท้าของนางถีบลงไปในน้ำอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว โชคดีที่ผมว่ายน้ำเป็นจึงไม่ได้รับอันตรายใด ๆ แต่เสื้อผ้าเปียกปอนไปหมด ตัวเปียกไม่เท่าไหร่แต่มันเจ็บใจนี่สิ
“ฮ่า ๆ เฉิ่มจริง ๆ แกล้งเธอก็สนุกดีนะ”
“มันจะมากไปแล้วนะคุณ ผมไปทำอะไรให้งั้นเหรอ”
“ก็แค่หมั่นไส้ จะทำไมเหรอ ไอ้ขี้ข้า” สีหน้าและแววตาของยัยซอนย่าทำให้หมัดของผมสั่นระริกเลยทีเดียว อยากจะซัดหน้าให้สักหมัดให้สาสม ผมขึ้นมาจากสระกำลังจะเดินตรงไปหาเจ้าหล่อนแต่โดนส่งเสียงห้ามเอาไว้ก่อน
“หยุดอยู่ตรงนั้น เข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วนั่งรอในห้องนั่งเล่น”
เสียงทุ้มของคุณนาธานสั่ง ทำให้ผมต้องยอมข่มอารมณ์เอาไว้ ถลึงตามองอย่างเอาเรื่องแล้วเดินกลับเข้าไปข้างใน เดินเข้ามาแล้วก็ค้นเอาเสื้อผ้าออกมาเพื่อจะเปลี่ยน มองซ้ายมองขวาเดินหาห้องน้ำจนเจอ เมื่อล็อกประตูแล้วก็เปิดน้ำจากฝักบัวให้ไหลกรี๊ดออกมาดัง ๆ เพื่อระบายความคับแค้นใจ หน็อย!!!! ยัยผีบ้านั่น สักวันเถอะผมจะเอาคืนให้สาสมเลยคอยดู
“ยัยบ้า! สักวันเถอะฉันจะเอาคืน”
สัญญากับตัวเองด้วยสายตามุ่งมั่นแล้วก็ทำการอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าออกมาในชุดใหม่ ออกมานั่งรอบนโซฟาในห้องนั่งเล่นแล้วก็ส่องสายตามองไปยังสระว่ายน้ำ ตอนนี้ไม่มีใครอยู่สักคน สงสัยยกโขยงกันเข้าห้องนอนแล้วกระมัง ป่านนี้คงจะเล่นจ้ำจี้กัน ให้ตายสิ! ต้องมานั่งรอสองคนนั้นอาโบเดเบกันนานแค่ไหนเนี่ย
“นี่เธอ!”
เสียงทุ้มที่ดังอยู่ด้านหลังทำให้ผมต้องสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ หันไปมองก็เห็นคุณนาธานยืนอยู่ด้านหลังจริง ๆ เขาสวมใส่เพียงกางเกงขาสั้นตัวจิ๋วโชว์ซิกแพ็คและกล้ามล่ำ ๆ โดยไม่อายเลยสักนิด รีบหันกลับมาพร้อมด้วยสีหน้าที่แดงก่ำโดยอัตโนมัติ แต่เอ๊ะ! ทำไมผมต้องอายด้วยเนี่ย อยู่บ้านก็เดินแก้ผ้าต่อหน้าไอ้บอลบ่อย ๆ นี่นา
“อายอะไร เมื่อครู่ก็เห็นตอนฉันใส่กางเกงว่ายน้ำแล้ว ไอ้บื้อ”
ผมได้ยินเสียงหัวเราะเบา ๆ ก่อนเขาจะเดินข้ามฝั่งมานั่งตรงข้าม ยกขาขึ้นไขว่ห้าง ผมจึงมองหายัยตัวแสบนั่นทันที
“ไม่ต้องห่วง ซอนย่ากลับไปแล้ว ตอนนี้เหลือแค่ฉันกับเธอเท่านั้น”
“เริ่มเลยดีไหมครับ”
ได้ยินอย่างนั้นเขาก็ส่งสายตามามองที่ผม เหมือนต้องการถามว่าให้เริ่มทำอะไรอย่างนั้นหรือ เมื่อรู้ตัวว่าคำถามเมื่อครู่มันสื่อถึงเรื่องอื่นได้ด้วยก็รีบแก้ตัวออกไป
“ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับ หมายถึงเริ่มคุยเรื่องงานกัน”
“อ้อ อย่างนั้นเหรอ ฉันก็นึกว่าจะเริ่ม...”
“ผมไม่ได้คิดอย่างนั้นนะครับ ไม่ได้คิดเลยจริง ๆ ผมไม่ได้ชอบผู้ชาย”
“ฉันก็ไม่ได้ชอบผู้ชาย เอาล่ะ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ฉันจะพูดเรื่องที่ต้องทำให้เธอฟังอย่างละเอียด ห้ามแหกกฎแม้แต่ข้อเดียว เพราะหากเธอทำผิดข้อตกลงฉันไม่รับรองความปลอดภัยของแม่กับน้องชายเธอแน่ อ้อ! และที่สำคัญแมวของเธอด้วย”
“นี่คุณรู้จักแม้กระทั่งแมวผมเหรอ”
“รู้สิ ก่อนจะรับเธอมาฉันสืบมาทุกอย่างแล้ว ไม่งั้นคงไม่เลือกเธอ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ว่ามาเลยครับ หากมันไม่เหลือบ่ากว่าแรงผมทำได้หมด เพราะคนอย่างผมความอดทนสูงอยู่แล้ว”
ได้ยินอย่างนั้นเขาก็ยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย “เฉิ่ม ๆ อย่างเธอไม่นึกว่าจะมีความมั่นใจสูงขนาดนี้ เรียบร้อยจริงหรือเปล่าเนี่ย?”
“ทำไม ถึงผมจะเฉิ่มจะเรียบร้อยแต่มีความมั่นใจในตัวเองไม่ได้เหรอ”
“ได้! ฉันชอบคนแบบนี้ล่ะ น่าจะเอาแม่ฉันอยู่”
เขายิ้มมุมปากอีกแล้ว แววตาคู่นั้นช่างน่ากลัวยิ่งนัก ถึงจะหล่อมากก็เถอะแต่ก็ไม่น่าไว้ใจอยู่ดี หลังจากตีฝีปากกันสักพักเขาก็เริ่มเล่ารายละเอียดงานที่ต้องทำให้ฟัง ผมได้แต่นั่งทำหน้าเหวอ มองตาค้าง เมื่อได้ฟังสิ่งที่ตัวเองต้องเผชิญในทุก ๆ วันในคฤหาสน์หลังใหญ่ของเขา
ฟังจบแล้วได้แต่ตะโกนร้องในใจว่า ‘กูจะทนได้นานแค่ไหนวะเนี่ยยยย!!!’