บทที่ 2
“นิดหน่อยที่ไหนล่ะ มึงลืมแล้วเหรอว่ากูเป็นผู้ชาย เขาก็เป็นผู้ชาย มันจะเป็นไปได้ยังไง แม่ผัวที่ไหนอยากมีลูกสะใภ้เป็นผู้ชายวะ ยัยป้านั่นจะเป็นยังไงบ้าง จะใจร้ายเหมือนในละครหรือเปล่าก็ไม่รู้ อีกอย่างกูคงจะคิดถึงเจ้าหมูตอนมากแน่ ๆ”
“แหม ๆ คิดถึงแต่แมวไม่คิดถึงน้องชายบ้างเหรอ เดี๋ยวก็จับมันย่างกินซะให้เข็ด”
หมูตอนคือแมวที่ผมเลี้ยงไว้ตั้งแต่มันยังเด็ก แม่ของหมูตอนมาคลอดทิ้งไว้แล้วหนีไป พาลูกตัวอื่นไปหมดเหลือเพียงมันตัวเดียว หมูตอนเป็นแมวบ้านมีขาว อวบอ้วน น่ารักน่าชัง มันเป็นแมวที่ชอบอ้อนมาก ใครเห็นก็ต้องหลงรักและตอนนี้มันก็นอนอยู่ในอ้อมกอดผมนี่ล่ะ นอนหลับปุ๋ยเชียว
“ฝากมึงดูแลมันด้วยนะ ไม่รู้ว่ากูจะได้กลับมาตอนไหน อย่าลืมส่งรูปมันให้กูดูทุกวันด้วยล่ะ จะได้สบายใจว่ามันอยู่ดีกินดี”
“จ้า!!! น้องจะส่งให้ทุกวันเลย”
“ฮือ ๆ กูไม่อยากไปเลย”
จู่ ๆ ผมก็ร้องไห้ออกมา กอดบอลซะแน่นขนัดจนมันตกอกตกใจ กอดปลอบผมอยู่อย่างนั้นจนรู้สึกดีขึ้น รู้สึกใจหายเหมือนกันที่เรียนจบมาหมาด ๆ แต่ต้องมีสามีกำมะลออย่างไม่ทันตั้งตัว
*-*-*-*-*-*-*
และแล้ววันที่ผมไม่อยากให้ถึงก็มาถึง วันที่ผมต้องจากครอบครัวไปอยู่ในสถานที่ไม่คุ้นเคย ไปอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ยากจะคาดเดาได้ ตอนนี้รถตู้จากโรงเชือดจอดรอที่หน้าบ้านแล้ว ผมอุ้มเจ้าหมูตอนเดินลงมาอย่างหมดอาลัยตายอยาก โดยมีไอ้บอลถือกระเป๋าตามหลัง ส่วนแม่ยืนรออยู่หน้าบ้านเรียบร้อยแล้ว คงจะดีใจมากสินะที่หนี้กำลังจะหมดลงแล้ว หลังจากผมได้เข้าไปอยู่ในบ้านหลังนั้น
“ไปแล้วนะแม่”
“เออ ๆ ไปดีมาดี อยู่ที่นั่นก็อย่าทำตัวมีปัญหา อย่าให้คนอื่นว่าได้ว่าฉันเลี้ยงดูแกไม่ดี อดทนให้มาก ๆ”
“ผมต้องอดทนอยู่แล้วล่ะ ถ้าไม่อดทนแม่ก็จะเดือดร้อนไปด้วย” ประโยคหลังผมประชดครับแม๊!!
“มีแกเป็นลูกมันดีอย่างนี้นี่เอง”
“ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมไปล่ะ ดูแลหมูตอนให้มันดี ๆ ด้วยอย่าให้ได้ยินข่าวว่าแม่ปล่อยมันให้อดอยากนะ” ว่าแล้วก็ส่งเจ้าหมูตอนให้แม่อุ้มไว้ แล้วคว้ากระเป๋าสัมภาระจากบอลมาถือไว้
“เออห่วงแต่แมวนั่นล่ะ ฉันไม่ปล่อยให้มันอดอยากหรอกไม่ต้องห่วง โชคดีละกัน” ผมรู้ว่านางอยากจะกอดผมสักครั้งแต่ยังทำเป็นคนจิตใจแข็งกระด้างเช่นเคย ผมเองก็อยากจะกอดแม่เหมือนกันแต่ด้วยความที่ยังน้อยใจอยู่จึงไม่กล้าเข้าไปหา พวกเราจึงต้องจากกันทั้งอย่างนี้
“ดูแลตัวเองด้วยนะพี่”
“อืม มึงก็เหมือนกัน ตั้งใจเรียนล่ะ อย่าดื้อให้มันมากนัก”
“รู้แล้วน่า”
แน่นอนว่าเราสองพี่น้องสวมกอดกันเพื่อเป็นการร่ำลา เพราะค่อนข้างสนิทกันมาก นอนด้วยกันทุกคืน ผมพยายามกลั้นน้ำตาไว้ให้นานที่สุดก่อนถือกระเป๋าเดินขึ้นรถตู้ เมื่อหย่อนก้นลงนั่งแล้วน้ำตามันก็หยดแหมะลงมา ผมยังคงมองแม่กับน้องชายด้วยความรู้สึกใจหาย ไอ้บอลโบกมือให้พร้อมกับน้ำตา ส่วนแม่ยืนแสดงสีหน้าเรียบเฉยไม่ได้มีความอาลัยอาวรณ์เลย เพียงแต่ดวงตาแดงก่ำเท่านั้น
ในที่สุดประตูรถตู้ก็ถูกปิด บนรถมีผมเพียงคนเดียวเท่านั้น ผมถามลุงคนขับว่าจะพาไปที่ไหน เขาบอกเพียงว่าไปพบคุณนาธานที่เพนท์เฮาส์ก่อน คุณนาธานผู้นี้จะหน้าตาเป็นอย่างไร นิสัยแบบไหนกันนะ ผมเริ่มชักอยากจะรู้แล้ว ทำไมถึงคิดว่าแม่ตัวเองจะชอบสะใภ้แบบผม แล้วทำอย่างนี้ท่านจะยอมรับสะใภ้ตัวจริงได้ยังไงกัน ผมเริ่มงงกับความคิดของผู้ชายคนนี้แล้ว
ในที่สุดก็มาถึงที่หมาย ลงจากรถแล้วลุงคนขับรถก็พาขึ้นมายังชั้นบนสุดของคอนโดหรูแห่งหนึ่ง หัวใจเต้นตึกตักตั้งแต่ได้ย่ำเท้าขึ้นมาแล้ว เขาจะเป็นพวกมาเฟียโหดเหมือนในละครไหมนะ เข้าไปแล้วจะโดนทำอะไรหรือเปล่าก็ไม่รู้
“ถึงแล้วครับ” เสียงลุงคนขับรถตู้เอ่ยทำลายห้วงแห่งความคิดของผม
เราทั้งสองออกมาจากลิฟต์จากนั้นเดินตรงไปยังประตูบานหนึ่ง ลุงคนขับรถตู้ไม่ได้เคาะประตูแต่เปิดเข้าไปเลยราวกับเคยมาที่นี่ก่อนหน้าแล้ว วินาทีแรกที่เข้ามาในนี้แอร์เย็นฉ่ำมาก เย็นจนผมต้องกอดตัวเองเอาไว้ ที่นี่หรูหราใหญ่โตบ่งบอกถึงฐานะของเจ้าของ
ภายในห้องไม่มีใครอยู่ ลุงคนขับรถตู้พาผมเดินออกมายังสระว่ายน้ำข้างนอก จึงได้รู้ว่าเขาคนนั้นกำลังว่ายน้ำอยู่ในสระพร้อมกับผู้หญิงคนหนึ่ง ผู้หญิงก็สวยและเซ็กซี่ส่วนผู้ชายทั้งหล่อและหุ่นล่ำมาก คาดว่านั่นคงจะเป็น ‘คุณนาธาน’ อย่างแน่นอน
“มาแล้วครับคุณนาธาน”
“กลับได้”
“ครับ”
เมื่อลุงขับรถเดินออกไปแล้วผมก็ยืนตัวเกร็งอยู่ที่เดิม มองดูคู่รักคู่นี้พลอดรักกันครู่หนึ่ง ทำเหมือนผมเป็นธาตุอากาศเสียอย่างนั้น ไม่นานพวกเขาก็ขึ้นมาจากสระว่ายน้ำ เดินตรงมานั่งลงบนเก้าอี้อาบแดดที่อยู่ตรงหน้าผม