บทที่ 1
“แม๊!!!!!!!!”
เสียงโวยวายดังลั่นบ้านนั้นไม่ใช่เสียงใคร เป็นเสียงของผมเองครับ จู่ ๆ แม่ก็มาบอกว่าให้เก็บข้าวเก็บของเพราะวันพรุ่งนี้จะมีคนมารับไปทำงานด้วย ผมผู้ซึ่งนั่งโซ้ยมาม่าพร้อมกับหางานทำไปด้วยก็กรี๊ดลั่นบ้านเลยทีเดียว เพิ่งเรียนจบแท้ ๆ แต่แม๊!!! ดันหางานให้ผมซะแล้ว
สวัสดีครับ ผมชื่อ ‘บิว’ พีรพล มนตรีอิสระ อายุยี่สิบสองปี เพิ่งเรียนจบด้านไอทีมาหมาด ๆ ตั้งใจว่าจะหางานทำตรงสายให้เร็วที่สุดเพื่อจะได้ออกไปจากบ้านหลังนี้เสียที เพราะเบื่อแม่ผีพนันเข้าสิงจนหางานให้ผมนี่ล่ะ งานดี ๆ จะไม่ว่าเลยแต่งานที่หามาให้นั่นคือเป็นเมียรับจ้างของมาเฟียเจ้าของบ่อนการพนันที่แม่ติดหนี้ไว้
แค่คิดก็ขนลุกขนพองสยองเกล้า!
ชีวิตผมทำไมต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วย!
“แกจะโวยวายหาหอกอะไร! ฉันไม่ได้จะขายแกสักหน่อย แค่ทำงานเล็ก ๆ น้อย ๆ แลกกับหนี้เท่านั้น”
“เล็กน้อยงั้นเหรอแม่ เงินเป็นล้านแม่เล่นไปได้ยังไงกัน ชีวิตผมต้องหมดอิสรภาพก็เพราะแม่”
“เอาน่า แค่ไม่กี่เดือนเองก็จะได้เป็นอิสระแล้ว อยู่ที่นั่นอยู่ฟรีกินฟรีแถมยังได้เงินเดือนอีกต่างหาก ไม่ต้องไปหางานให้มันยุ่งยาก แค่ไปเป็นสะใภ้หลอก ๆ ให้แม่คุณนาธานท่านสบายใจเท่านั้นเอง”
“ผมเป็นผู้ชายนะแม่ จะไปเป็นสะใภ้ได้ยังไงกัน ผมไม่ไป! ยังไงก็จะไม่ไป”
เป็นครั้งแรกกระมังที่ผมกล้าขัดใจแม่ เรื่องคอขาดบาดตายขนาดนี้ผมขอตัดสินชะตาชีวิตเองบ้าง แต่สีหน้าแม่ตอนนี้ไม่ได้น่ากลัวเลยสักนิด นางกำลังงอนผมน่ะสิ ทำหน้าบูดบึ้ง หันหลังให้อย่างไว ผมได้แต่ถอนหายใจอย่างรู้สึกเบื่อเต็มทนแล้ว
“เอาเลย จะไปไหนก็ไป ฉันมันแก่แล้วยังไงก็ใกล้จะตาย แค่ตายเร็วหน่อยมันจะเป็นไรไป น้องแกก็ไม่ต้องเรียนหนังสือต่อ ฉันมันเกิดมาอาภัพ มีลูกก็ช่วยเหลืออะไรไม่ได้”
“ไม่ต้องทำเป็นงอนหรอก สรุปจะบังคับผมไปให้ได้ใช่ป่ะ”
“แกไม่ไปแล้วนี่ ยังไงฉันก็ต้องโดนทวงหนี้อยู่ดี ไม่มีเงินให้อย่างมากก็แค่โดนซ้อมจนตาย”
ผมยืนข่มอารมณ์อยู่นานกว่าจะปรับความคิดใหม่ได้ ถึงอย่างไรก็มาถึงขั้นนี้แล้ว ยอมช่วยเหลือแกสักครั้งก่อนไปตามทางของตัวเองก็แล้วกัน ถ้าหากว่าผมยังมีชีวิตกลับมานะ
“ก็ได้ ๆ ผมจะยอมแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว ถ้าเสร็จงานนี้แล้วแม่สัญญาว่าจะยอมปล่อยให้ผมไปทำงานที่ผมรักนะ”
“แกมันลูกกตัญญูจริง ๆ เลย ฉันรักแกที่สุดเลยอีบิวลูกร้ากกก”
นางเข้ามากอดผมยกใหญ่ ทว่าผมทำหน้าเซ็งไม่ยิ้มแย้มเลยสักนิด ต้องพับโครงการหางานเอาไว้ก่อน ขึ้นไปเก็บเสื้อผ้าและของจำเป็นสำหรับการเดินทางครั้งใหม่ นอนกอดแมวให้มันเต็มอิ่มเหมือนชีวิตนี้ไม่มีอะไรต้องทำแล้ว ตื่นขึ้นมาอีกทีก็ได้ยินเสียงเปิดประตูห้อง
“จะนอนกินบ้านกินเมืองไปถึงไหนพี่บิว เย็นแล้วนะ” นั่นไม่ใช่เสียงใครที่ไหนหากแต่เป็นเสียงบอลน้องชายผมเองล่ะ ตอนนี้มันเรียนอยู่ชั้นมอสี่แล้ว การเรียนก็ไม่ได้เรื่องสักเท่าไหร่ เอาแต่แว้นรถไปวัน ๆ ดีหน่อยที่มันไม่ได้ไปยุ่งกับยาเสพติด
“กลับมาแล้วเหรอ”
“ทำไมทำหน้าอย่างนี้ล่ะ เหมือนคนกำลังปวดขี้”
“ยิ่งกว่าปวดขี้อีกน่ะสิ”
ผมนอนแผ่หลาบนเตียงวางสายตาไว้ที่เพดานห้องเหมือนคนกำลังหมดสิ้นหนทางชีวิตอะไรเทือกนั้น บอลวางกระเป๋าเป้ไว้บนโต๊ะแล้วลงมานั่งข้างเตียงด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“มีเรื่องอะไรเหรอ บอกหน่อยสิ”
“อยากรู้ให้ไปถามแม่เองสิ” น้ำเสียงของผมเหมือนคนไม่มีกะจิตกะใจจะพูดกับใคร
“แม่อยู่ให้ถามซะที่ไหนกัน ไปบ่อนแล้วล่ะมั้ง”
“ไปอีกแล้วเหรอ แล้วเอาเงินที่ไหนไปเล่น กูละเบื่อแม่จริง ๆ เลย ผีพนันเข้าสิงจนเอากูไปปลดหนี้น่ะสิ”
“หา! แม่เอาพี่ไปปลดหนี้ ไปวันไหน”
“พรุ่งนี้”
“พรุ่งนี้! ไปที่ไหน ทำไมแม่ถึงได้เลวอย่างนี้นะ โชคดีที่ไม่เอาผมไป”
“ยังไงก็แม่อย่าว่าแกเลย กูตอบตกลงแล้วยังไงก็ต้องไป ไม่ได้ไปขายตัวเหมือนอย่างที่มึงคิดหรอก แค่ไปเป็นเมียหลอก ๆ ให้แม่ของเจ้าหนี้ตายใจ หากเขาได้แต่งงานกับแฟนแล้วกูก็จะเป็นอิสระ”
“อ้อ โล่งอกไปหน่อย ยังดีที่ไม่ต้องเสียตัว แต่อาจจะอึดอัดใจนิดหน่อยเท่านั้นเอง”