บทที่ 3
สนามบินสุวรรณภูมิคลาคล่ำไปด้วยผู้คนที่หลั่งไหลเดินทางเข้า-ออกในประเทศไทย อาคารผู้โดยสารฝั่งขาเข้า เต็มไปด้วยบรรดาญาติมิตรที่มารอรับคนรัก คนในครอบ
ครัวของตนเองกลับสู่อ้อมกอด
มิสเตอร์ฮาเวิร์ด ก็เป็นหนึ่งในกลุ่มผู้คนที่มารอรับลูกสาวสุดที่รักกลับอ้อมกอด สี่ปีเต็มสำหรับการไปเรียนที่ประเทศอังกฤษ นารินดาไม่เคยกลับมาเยี่ยมบ้าน ไม่เคยกลับมาเยี่ยมบิดา
ไม่ใช่เพราะไม่มีค่าตั๋วเครื่องบินกลับบ้าน แต่เป็นเพราะนารินดาเบื่อการนั่งเครื่องบินนานหลายสิบชั่วโมง และคนที่ทนคิดถึงลูกไม่ไหว อย่างมิสเตอร์ฮาเวิร์ดต้องเป็นฝ่ายไปเยี่ยมลูกสาวแทน
แต่ในวันนี้ นารินดาสำเร็จการศึกษาและกลับบ้านเกิดอีกครั้ง หลังจากไม่ได้กลับมานานหลายปี มิสเตอร์ฮาเวิร์ดจึงเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ขณะรอเครื่องบินที่ลูกสาวโดยสารมา ลงจอดในสนามบิน และรอเวลาที่ลูกสาวผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองออกมาพบกับตนเองตรงจุดนัดพบ
“อีกไม่กี่นาทีก็ได้พบนาเดียแล้ว นาเดียจะต้องดีใจที่เห็นเรามารอรับ”
มิสเตอร์ฮาเวิร์ดเอ่ยพูดกับบอร์ดี้การ์ดที่เดินทางมากับตนเองด้วยความตื่นเต้นดีใจ ดวงตาของผู้เป็นพ่อประกายไปด้วยความสุขกับการรอคอยสวมกอดลูกสาวไว้ในอ้อมแขน
แต่! สตีฟ บอร์ดี้การ์ดคนสนิท ที่เดินทางมากับผู้เป็นเจ้านาย กลับไม่ได้คิดเช่นนั้น เพราะพวกเขาไม่สามารถทำตามคำสั่ง ที่ถูกสั่งกำชับนักกำชับหนาของคุณหนูนารินดาได้
“เจ้านายคิดว่าคุณหนูจะดีใจหรือครับ ที่เห็นหน้าพวกเรา”
“ทำไมจะไม่ดีใจ”
มิสเตอร์ฮาเวิร์ดถามเสียงแข็ง และเมื่อได้รับคำตอบจากสตีฟ ก็ต้องหน้าถอดสีเล็กน้อยกับความจริงที่ได้ยิน
“เจ้านายลืมคำสั่งของคุณหนูแล้วหรือครับ”
“ไม่ลืม” มิสเตอร์ฮาเวิร์ดตอบเสียงห้วนๆ ก่อนจะพูดต่อว่า “แต่เราไม่มีเวลารอ เราอยากมารอรับนาเดีย อยากเห็นหน้าลูกของเรา”
สตีฟถอนหายใจยาวให้เจ้านายได้ยิน พลางเอ่ยพูดถึงผลลัพธ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า เพราะเจ้านายและตัวเขาไม่สามารถทำตามที่นารินดาต้องการได้
“ภาวนาว่าคุณหนูจะไม่อาละวาดจนสนามบินแตกนะครับ”
“หุบปากซะไอ้สตีฟ”
มิสเตอร์ฮาเวิร์ดสั่งเสียงห้วนจัด ตีหน้าเป็นกังวลไปกับคำพูดของลูกน้อง เพราะรู้ดีว่าลูกสาวจะต้องอาละวาด โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เมื่อไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการ
สตีฟหุบปากสนิทตามคำสั่งของเจ้านาย กล้าเอาหัวเป็นประกันว่าจะต้องเกิดเหตุการณ์ดั่งที่เขาพูดออกไปอย่างแน่นอน
อีกยี่สิบนาทีต่อมา มิสเตอร์ฮาเวิร์ดก็เห็นลูกสาวลากกระเป๋าเดินทางใบเล็กแค่เพียงใบเดียวมาตามทางเดินรวมกับนักท่องเที่ยวรายอื่นๆ ใบหน้าของผู้เป็นพ่อ เต็มไปด้วยรอยยิ้มกว้างของความดีใจ เมื่อได้พบหน้าลูกสาวอีกครั้ง
“นาเดีย ทางนี้ลูก”
มิสเตอร์ฮาเวิร์ดตะโกนเรียก พร้อมกับเดินเข้าไปหาลูกสาว ซึ่งไม่ได้แสดงอาการดีใจให้เห็นแม้แต่น้อย เมื่อเห็นบิดากับลูกน้องแค่เพียงคนเดียวมารอรับเธอ
“คุณพ่อ”
นารินดาเอ่ยเรียกบิดาด้วยน้ำเสียงราบเรียบไม่มีตื่นเต้นแม้แต่นิดเดียว เพราะดวงตากลมโตที่ตกแต่งด้วยเครื่องสำอางจัดจ้าน ใบหน้างามตกแต่งหนาเข้มจนดูแก่เกินอายุจริง กำลังกวาดสายตามองรอบๆ ตัวบิดาและบอร์ดี้การ์ดอีกคน พอไม่เห็นคนที่เฝ้าคิดถึงตลอดระยะเวลาสี่ปี และต้องการพบเขาแทบขาดใจ ก็เริ่มตีสีหน้าไม่พอใจ ใบหน้าบูดบึ้งขึ้นทุกขณะ
ผิดกับผู้เป็นบิดายิ่งนัก พอนารินดาเดินมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้า ก็สวมกอดลูกสาวไว้ด้วยความคิดถึง เอ่ยพูดกับลูกด้วยความดีใจ เมื่อนารินดาสำเร็จการศึกษากลับบ้านอีกครั้ง
“พ่อดีใจที่นาเดียยอมกลับบ้านของเราสักที พ่อคิดถึงนาเดียมาก อยากให้ลูกกลับมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตาเหมือนเดิม”
นารินดาไม่ได้ฟังว่าบิดาพูดว่าอย่างไรบ้าง อีกทั้งไม่ได้สวมกอดบิดาตอบกลับ
คืน ดวงตากลมโตกวาดมองรอบๆ บริเวณ เมื่อมั่นใจว่าผู้ชายคนเดียวที่เธอหลงรัก ผู้ชายคนเดียวที่เธอเฝ้ารอเขาถึงสี่ปีเต็ม
และเธอได้สั่งกำชับกับบิดาให้พาบอร์ดี้การ์ดคนนั้นมารับเธอที่สนามบิน ไม่ได้เดินทางมากับบิดาด้วย เมื่อไม่เห็นหน้าของนิโคลัส ลาร์คอส ความผิดหวังก็จู่โจมเข้าสู่หัวใจพร้อมๆ กับอาการโกรธขึง
“นิโคลัสไม่ได้มารับนาเดียหรือคะ”
น้ำเสียงที่เอ่ยถามห้วนจัด ทำเอามิสเตอร์ฮาเวิร์ดถึงกับหน้าถอดสี ผิดหวังที่ลูกสาวให้ความสนใจกับคนนอก แทนที่จะเป็นบุพการีของเธอ
ส่วนสตีฟลอบกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอ ไม่กล้ามองสบตากับนารินดา เพราะไม่อยากตอบคำถาม ไม่อยากโดนคุณหนูผู้นี้เล่นงามท่ามกลางผู้คนนับร้อยที่อยู่ภายในสนามบิน
“นาเดียถามว่าทำไมนิโคลัสไม่มารับนาเดีย ทำไมไม่มีใครตอบนาเดีย”
เมื่อไม่ได้คำตอบจากการถามในครั้งแรก นารินดาจึงเค้นเสียงถามห้วนจัดการเดิม ขณะเดียวกันก็จ้องมองบิดาเขม็ง กำมือเข้าหากันแน่น ความโกรธกำลังจะระเบิดออกในทุกวินาที
“คือ...คือ...ไอ้นิโคลัส...มันไม่ค่อยสบาย เลยไม่ได้มารับนาเดียด้วย”
“ถึงจะไม่สบายมากเพียงใด ต่อให้นอนอยู่ในโรงพยาบาล เขาก็ต้องลุกมารับนาเดียที่สนามบิน เพราะนี่คือคำสั่งของนาเดีย ที่สั่งให้เขาต้องทำตาม”
ไม่มีคำว่าสงสารหรือเห็นใจบอร์ดี้การ์ดมือหนึ่ง ซึ่งอาจจะป่วยจริงตามที่ผู้เป็นบิดาบอกมา แต่นารินดากลับตะคอกต่อว่านิโคลัสผ่านบิดาและสตีฟ เสียงดังลั่น ทำให้เธอกลายเป็นจุดศูนย์รวมของสายตาทุกคู่ในบริเวณนั้น ซึ่งมองมายังตัวเธอเป็นจุดเดียวด้วยความสนใจ
“นาเดีย ใจเย็นๆ นะลูก ไอ้นิโคลัสมันไม่สบายจริงๆ มันถึงมารับหนูไม่ได้”
“ก็บอกแล้วยังไงล่ะคะว่านาเดียไม่สนใจว่าเขาจะไม่สบายมากเพียงใด หน้าที่ของเขาคือมารับนาเดียที่สนามบินในวันนี้”
น้ำเสียงเริ่มแผดดังขึ้นเรื่อยๆ ตามอารมณ์โกรธจัด นารินดาไม่เคยรู้จักคำว่าไม่! ไม่เคยถูกใครปฏิเสธความต้องการของเธอ หญิงสาวสะกดคำเหล่านี้ไม่เป็น ซึ่งนั่นก็เป็นเพราะว่าเธอถูกบิดาเลี้ยงดูอย่างผิดๆ มาตั้งแต่เล็ก การสูญเสีย
มารดาในวัยห้าขวบ ทำให้บิดาตามใจเธอทุกอย่าง อยากได้สิ่งใด ไม่เคยมีคำว่าไม่ได้
เมื่อไม่ได้ดั่งที่คาดหวัง และดั่งที่ออกคำสั่งไว้ตั้งแต่อยู่ในประเทศอังกฤษ จึงทำให้นารินดาโกรธจัดจวนเจียนคลั่ง ใบหน้างามถมึงทึง ดวงตาแดงก่ำไม่ต่างจากนางพญาพิโรธ พอมีนักท่องเที่ยวหันมามอง มายุ่งเรื่องส่วนตัวของเธอ ก็ตวาดแว้ดไม่สนใจหน้าไหนทั้งนั้น
“มองอะไร! อย่ามายุ่งเรื่องของคนอื่นได้ไหม”
บรรดาไทยมุงที่อยากรู้อยากเห็น ถึงกับวงแตกฮือ เมื่อถูกตวาดเสียงดังลั่น พอเล่นงานคนรอบๆ ตัวไปแล้ว นารินดาก็หันมาถลึงตาใส่สตีฟ ก่อนจะเค้นเสียงถามห้วนจัดด้วยถ้อยคำหยาบคายไม่เห็นหัวใคร
“ทำไม แกไม่ลากนิโคลัสมารับฉันด้วย พวกแกกินเงินเดือนของพ่อฉัน เพราะฉะนั้นก็ต้องทำตามคำสั่งของฉันด้วย”
“ขอโทษครับคุณหนู ที่ผมทำตามสั่งของคุณหนูไม่ได้” สตีฟก้มหน้านิ่งเพื่อหลบตาของนารินดาขณะเอ่ยขอโทษผู้เป็นเจ้านายหญิง
แต่! นารินดาไม่ต้องการคำขอโทษ เธอต้องการแค่เพียงตัวของนิโคลัสเท่านั้น
“ฉันไม่ต้องการได้ยินคำว่าขอโทษ เรื่องเพียงแค่นี้ยังทำไม่ได้ แกก็สมควรพิจารณาตัวเองด้วย”
สตีฟกัดฟันกรอด เมื่อถูกด่าต่อหน้าฝูงชน เขาเงยหน้ามองผู้เป็นเจ้านาย บอกกลายๆ ว่าเหตุการณ์ไม่ได้ผิดไปจากที่เขาได้คาดเดาไว้เลย
และก่อนลูกสาวจะอาละวาดไปมากกว่านี้ มิสเตอร์ฮาเวิร์ดก็รีบปลอบลูกสาว เอาน้ำเย็นเข้าลูบไฟที่กำลังลุกโชนกับสิ่งที่ไม่ได้ดั่งใจ
“นาเดียอยากพบไอ้นิโคลัสไม่ใช่หรือลูก พ่อว่าเรากลับบ้านกันดีไหมลูก นาเดียจะได้ไปดูอาการของมันด้วยว่าไม่สบายมากแค่ไหน”
“กลับก็ดีค่ะ นาเดียอยากเจอหน้าคนที่กล้าขัดคำสั่งของนาเดีย และไม่ทำตามคำพูดของตัวเองเต็มทนแล้ว”
นารินดากระแทกเท้าเดินออกจากบริเวณดังกล่าว โดยไม่รอบิดา หญิงสาวไม่สนใจว่าบิดาจะรู้สึกเสียใจมากเพียงใด เมื่อเธอถามหา และต้องการพบหน้าแค่เพียงนิโคลัส โดยไม่ได้เอ่ยถามถึงสารทุกข์สุกดิบหรือสวมกอดบิดาแม้แต่นิดเดียว
มิสเตอร์ฮาเวิร์ดถอนหายใจยาวอันเต็มไปด้วยความหนักใจระคนเสียใจกับกริยาของลูกสาว ที่ไม่เคยรักใคร นอก
จากผู้ชายที่ชื่อนิโคลัส ลมหายใจเข้าออกของนารินดามีแค่เพียงผู้ชายคนนี้เท่านั้น
หากเป็นไปได้ เขาอยากไล่นิโคลัสออกด้วยซ้ำไป แต่เป็นเพราะอีกฝ่ายเป็นบอร์ดี้การ์ดมือหนึ่ง เป็นมือปืนมือดีที่สุดเท่าที่เขาเคยมี จึงจำต้องเลี้ยงอีกฝ่ายไว้หลอกใช้งาน และเมื่อรู้อยู่เต็มอกว่าลูกสาวของตนเองหลงรักนิโคลัส เขาจึงจำต้องตัดไฟตั้งแต่ต้นลม สั่งห้ามไม่ให้นิโลลัสมายุ่งกับนารินดาเด็ดขาด