บทที่ 2
“เอาน่า...ลุง ผมพักร้อนแค่วันเดียว อย่าทำเป็นเรื่องใหญ่เลยครับลุง”
ขณะเอ่ยบอกผู้เป็นลุง มือใหญ่แข็งแกร่งก็เริ่มเก็บปืนสั้น ซึ่งทำความสะอาดเสร็จเรียบร้อยแล้ว ใส่ไว้ในกระเป๋าหนังอย่างดี
ในขณะนิโคลัสไม่เดือดร้อนกับการพักร้อนของตนเอง แต่ผู้เป็นลุงกลับเดือดร้อนนั่งแทบไม่ติดเก้าอี้ เพราะจะว่าไปแล้วเลี้ยงคืนนี้เต็มไปด้วยความอันตรายอยู่ไม่น้อย แม้แขกที่มาร่วมงานล้วนเป็นเพื่อน เป็นแขกกิตติมศักดิ์ที่ได้รับเชิญจากมิสเตอร์ฮาเวิร์ด
แต่! เพื่อนทรยศที่คิดหักหลังเพื่อนก็มีอยู่ถมเถไป เพราะฉะนั้นคืนนี้จึงต้องมีการเฝ้าระวังความปลอดภัยให้กับมิสเตอร์ฮาเวิร์ดและคุณหนูนารินดามากเป็นพิเศษ
“นิค นายก็รู้ว่าคืนนี้มีพวกเจ้าพ่อที่มาร่วมงานเลี้ยงต้อนรับคุณหนูนาเดียกลับบ้านเป็นร้อยๆ คน พวกเราต้องดูแลเจ้านายและคุณหนูนาเดียมากเป็นพิเศษ”
นิโคลัสตีสีหน้าเบื่อหน่ายให้เห็นโดยไม่คิดปิดบัง เมื่อผู้เป็นลุงพูดถึงชื่อของคนที่เขาไม่อยากได้ยิน และพยายามอยู่ห่างให้มากที่สุดเท่าที่จะเท่าได้
“บอร์ดี้การ์ดมีเป็นสิบๆ คน ก็เลือกใครสักคนสองคนให้ไปคุ้มกันเจ้านายกับยายคุณหนูตัวแสบสิครับ”
“แต่แกก็รู้ว่าแกเป็นมือดีที่สุดของทีมบอร์ดี้การ์ด”
“ใครว่า ผมยังเป็นรองลุงอยู่นะครับ”
นิโคลัสเอ่ยอย่างถ่อมตน หยิบกล่องหนังที่บรรจุปืนมาถือไว้ แล้วนำไปเก็บไว้ในเซฟลับ ที่ทำขึ้นมาเป็นพิเศษ เพื่อใช้เก็บอาวุธปืนเหล่านี้โดยเฉพาะ
ไมเคิลถอนหายใจยาวกับคำพูดของหลานชาย “แกก็รู้ว่าลุงปลดระวางแล้ว ตอนนี้ไม่มีใครเก่งกาจเท่ากับแก และที่สำคัญ คุณหนูนาเดียต้องการให้แกเป็นบอร์ดี้การ์ดให้กับเธอด้วย”
นิโลลัสยิ้มเยาะอยู่ตรงมุมปาก ขณะยืนหลังให้กับผู้เป็นลุง พลางเค้นเสียงตอบอยู่ในใจ
‘ผมคิดว่าคุณนาเดียต้องการอย่างอื่นมากกว่า’
“บอกคุณหนูคนสวยของลุงไปสิครับ ว่าผมไม่ต้องการเป็นบอร์ดี้การ์ดให้กับเธอ ผมต้องการชีวิตที่สงบสุข ไม่อยากปวดหูเวลาอยู่ใกล้เธอ”
อีกครั้งที่ไมเคิลต้องถอนหายใจด้วยความหนักใจ ใครๆ ก็รู้ว่านิโคลัสเป็นไม้เบื่อไม้เมากับคุณหนูนารินดา หากเลี่ยงได้ นิโคลัสก็มักจะเลี่ยงการต้องเผชิญหน้ากับคุณหนูผู้นี้ และที่สำคัญลูกน้องทุกคนรู้ดีว่าคุณหนูนารินดาเอาแต่ใจตัวเองมากเพียงใด สิ่งใดที่ต้องการ ก็จะต้องหามาให้เธอให้จงได้
“คุณหนูมีคำสั่งตรงให้แกเป็นบอร์ดี้การ์ดคอยดูแลเธอ และวันนี้แกต้องไปรับเธอที่สนามบินด้วย”
แน่นอน เมื่อคุณหนูนารินดาต้องการให้นิโคลัสมาเป็นบอร์ดี้การ์ดประจำตัวของเธอ นิโคลัสก็ต้องทำตามคำสั่งของเธอ แต่...มีหรือที่นิโคลัสจะยอม
นิโคลัสยักไหล่ไม่แยแสกับคำสั่งของคนที่เขาเกลียดขี้หน้า “เสียใจครับลุง ผมไม่ยอมเป็นเบี้ยล่างให้กับคุณนาเดียอย่างแน่นอน และอย่าลืมนะครับว่าวันนี้ผมลาพักร้อน อย่าหวังว่าผมจะไปรับเธอตามคำสั่งของลุง”
“นิค...ทำไมนายต้องขัดคำสั่งของคุณหนูนาเดียด้วย”
ไมเคิลเอ่ยถามอย่างอ่อนใจ ถึงแม้จะรู้มาบ้างว่าหลานชายจะไม่กินเส้นกันกับคุณหนูนารินดา แต่มันต้องมีเหตุผลอื่น ที่ทำให้นิโคลัสไม่อยากเข้าใจนารินดา ซึ่งเขาไม่รู้เหตุผลนั้น แม้จะพยายามค้นหามานาน แต่ก็ไม่เคยได้รับคำตอบสักที
นิโคลัสหันมามองหน้าผู้เป็นลุงด้วยใบหน้าเรียบเฉย เอ่ยตอบเสียงราบเรียบไม่ต่างจากสีหน้า
“เหตุผลง่ายๆ ที่ผมไม่ยอมทำตามคำสั่งของคุณนาเดีย ก็คือผมเกลียดเธอ”
คำตอบที่หลุดออกมาจากของผู้เป็นหลาน ทำเอาไมเคิลต้องขึงตามอง ตำหนิเสียงเข้มลึก
“นิค! นายอย่าได้พูดให้คนอื่นได้ยินเป็นอันขาด”
ตำหนิได้ก็ตำหนิไปเถอะ แต่มีหรือ? ที่นิโคลัสจะสนใจ
“ทำไมล่ะครับลุง ผมไม่ชอบคุณนาเดีย ลุงก็รู้ดีนี่ครับ”
“นายต้องรู้จักเก็บความเกลียดชังไว้ในตัวของนายบ้าง นายจะแสดงออกให้ใครเห็นไม่ได้ว่านายเกลียดคุณหนูนาเดีย”
“ก็เพราะกลัวว่าจะเก็บความรู้สึกเอาไว้ไม่ได้ยังไงล่ะครับ ผมถึงไม่ต้องการเป็นบอร์ดี้การ์ดของเธอ”
นิโคลัสย้อนกลับทันทีที่ผู้เป็นลุงพูดจบ เขากล้าเอาหัวเป็นประกันว่าหากได้อยู่ใกล้นารินดา เขาคงไม่อาจกักเก็บความเกลียดชังที่มีต่อเธอไว้ได้นานเกินควร
“เฮ้อ...นิค ลุงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนคุณหนูนาเดียจะไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษ ลุงไม่รู้ว่าคืนวันนั้นแกทะเลาะกับคุณนาเดียเพราะเรื่องอะไร แต่ลุงอยากให้แกเก็บความเกลียดชังเหล่านี้ไว้ในใจก่อนได้ไหม ลุงอยากให้แกไปเป็นบอร์ดี้การ์ดให้กับคุณหนูนาเดีย มีแค่เพียงแกคนเดียวเท่านั้นที่จะดูแลคุณหนูนาเดียได้ดีที่สุด”
“ดีที่สุดแน่ คงได้จับเธอหักคอภายในนาทีสองนาทีที่เห็นหน้ากัน”
นิโคลัสเค้นเสียงลอดไรฟัน รู้สึกอึดอัดใจในทุกนาที ที่ผู้เป็นลุงเข้ามาขอร้องให้เขาทำหน้าที่นี้ เพราะนั่นมันเป็นสิ่งที่เขาต้องการหลีกหนีให้ไกลที่สุด
“นิโคลัส...”
คราวนี้ไมเคิลเค้นเสียงเรียกหลานชายเต็มยศ ซึ่งคำเรียกของเขา ทำเอาผู้เป็นเจ้าของชื่อต้องถอนหายใจด้วยความหงุดหงิดใจ รู้ว่าหากผู้เป็นลุงเอ่ยเรียกเช่นนี้แล้ว เขาคงต้องถูกอีกฝ่ายวิงวอนให้ทำตามคำขอร้อง
และก็เป็นดั่งที่บอร์ดี้การ์ดมือพระกาฬผู้นี้คิดไว้ไม่มีผิด เมื่อไมเคิลได้ลั่นวาจาขอร้องแกมออกคำสั่งในตัวว่า
“ถือว่าทำเพื่อลุง ทำเพื่อบุญคุณที่เจ้านายมีต่อเราสองคน”
ถูกขอร้อง ถูกย้ำเตือนให้นึกถึงอดีตที่ผ่านมา บุญคุณที่มิสเตอร์ฮาเวิร์ดได้ชุบเลี้ยงชายฉกรรจ์กับเด็กผู้ชายผอมกะหร่องกะแหร่ง เพราะขาดอาหารมาหลายมื้อ เล่นจู่โจมเข้าสู่หัวใจ ส่งให้นิโคลัสต้องกัดฟันแน่นจนเส้นเอ็นปูดโปน
“เมื่อไร คำว่าบุญคุณมันจะหมดสิ้นสักที”
นิโคลัสเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก เป็นคำถามที่ถูกถามขึ้นมานานหลายปีแล้ว แต่คนถามก็ไม่ได้รับคำตอบแม้แต่ครั้งเดียว
ไมเคิลไม่อาจให้คำตอบกับผู้เป็นหลานได้ นอกจากจะตบลงไปบนบ่ากว้างแข็งแกร่งของอีกฝ่ายอย่างหนักมือ พร้อมกับเอ่ยตอบเสียงเศร้าว่า
“บุญคุณคงหมดลง พร้อมๆ กับลมหายใจที่หมดไปจากชีวิตของลุงด้วย”
นิโคลัสจ้องสบตากับผู้เป็นลุงเขม็งกับคำตอบที่ได้ยิน “ทำไมลุงถึงพูดแบบนี้ล่ะครับ”
“เพราะลุงกำลังรู้สึกเหมือนที่พูดออกไป”
ไม่ใช่แค่เพียงรู้สึกตามที่บอกออกไป แต่ไมเคิลรู้สึกว่ามันเป็นลางสังหรณ์ ทว่าเขาไม่ต้องการพูดไปมากกว่านี้ ไม่ต้องการให้นิโคลัสเกิดอาการไม่สบายใจเพราะเขา
“นิค ลุงขอร้อง...ไปดูแลคุณหนูนาเดียตามที่เธอต้องการ”
นิโคลัสถอนหายใจยาว แล้วเอ่ยตอบเสียงเครียดๆ ว่า “ผมยังไม่รับปากนะครับ ว่าจะทำตามที่ลุงขอร้องได้หรือเปล่า”
การตอบรับแบบแบ่งรับแบ่งสู้ ทำให้ไมเคิลคลี่ยิ้มออกมาได้บ้าง “คุณหนูมาถึงที่บ้านตอนบ่ายสองโมง อย่าลืมลงไปต้อนรับคุณหนูด้วย”
คราวนี้นิโคลัสเลือกอาการนิ่งเงียบเป็นคำตอบให้กับผู้เป็นลุง ทางด้านของไมเคิล เมื่อเอ่ยบอกทิ้งท้ายแล้ว ก็เดินออกไปจากห้องของหลานชาย ยังคาดเดาไม่ได้ว่านิโคลัสจะทำตามที่เขาขอร้องหรือไม่
“บ้าชะมัด...กลับมาสร้างความเดือดร้อนให้กับคนอื่นทำไม นาเดีย”
นิโคลัสสบถเสียงลั่น ใครจะรู้คำตอบดีมากกว่าตัวเขา ว่าเพราะเหตุใดเขาไม่ต้องการเข้าใกล้นารินดา เขาต้องการอยู่ห่างจากคุณหนูผู้นี้ให้ไกลที่สุด และถ้าหากเป็นไปได้ เขาอยากออกไปจากคฤหาสน์หลังนี้ด้วยซ้ำไป ซึ่งนั่นมันเป็นเพราะคำพูดของนารินดาประโยคเดียว ก่อนที่เธอจะเดินทางไปประเทศอังกฤษ
‘ฉันต้องการเป็นเมียของคุณ นิโคลัส คาร์ลอส’