บท
ตั้งค่า

บทที่ 5 สะใภ้บ้านสกุลเฉิน

ผู้ดูแลร้านใช้เวลาไม่นานก็สามารถหาเสื้อผ้าที่ตัดเย็บเอาไว้แล้วมาให้เด็กๆ ลองสวมใส่ แม้ว่าจะดูไม่พอดีตัวอยู่บ้างแต่เมื่อคิดว่าอีกไม่นานเด็กๆ ก็คงจะเติบโตมากขึ้นกว่านี้นางจึงยินดีที่จะจ่ายเงิน

“ได้ยินว่าเจ้าสิ้นเนื้อประดาตัวไปแล้วมิใช่หรือ น้องฉิงหร่วนบอกกับข้าว่ายามที่ไปรับร่างของเจ้า นอกจากจะไม่เหลือลมหายใจแล้วเจ้ายังไม่เหลือเงินทองติดกายเลย” คำพูดของเจียงฉิงเหยาทำให้เจียงฉิงฟางร้อง เฮอะ! ออกมา นางหันไปมองหน้าเจียงฉิงเหยาแล้วเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่เบาเลย

“เจียงฉิงหร่วนบอกอะไรเจ้าก็เชื่อหรือ นางบอกว่าข้าหนีตามบุรุษเจ้าก็เชื่อ นางบอกว่าข้าสิ้นเนื้อประดาตัวเจ้าก็เชื่อ ถ้านางบอกกับเจ้าว่าข้าคือนางปีศาจที่ตายแล้วฟื้น เจ้าก็คงจะเชื่ออีก เจียงฉิงเหยาเจ้าเป็นญาติผู้พี่ของพวกข้าสองพี่น้องมิใช่หรือ แล้วเหตุใดเจ้าจึงได้โง่งมยิ่งนัก ท่านลุงกับท่านป้าไม่ได้ให้เจ้ากินอาหารดีๆ บ้างเลยหรือในหัวของเจ้าจึงได้ว่างเปล่าเช่นนี้” คำพูดของเจียงฉิงฟางทำให้เด็กน้อยสกุลจ้าวทั้งสามหัวเราะคิกคักด้วยความพึงพอใจทำให้เจียงฉิงฟางพึ่งจะรู้ตัวว่านางได้แสดงด้านที่ไม่ดีให้เด็กๆ ได้เห็นเข้าแล้ว

“จ้าวฉางเยี่ยน จ้าวฉางยวนและจ้าวฉางหนิง พวกเจ้าอย่าได้เลียนแบบแม่และนางเชียว” เจียงฉิงฟางเอ่ยพลางชี้ไปที่เจียงฉิงเหยาที่ในยามนี้กำลังด่ากราดเจียงฉิงฟางด้วยถ้อยคำอันหยาบคาย

“เจียงฉิงฟาง นังคนสารเลว นังคนแพศยาถือดียังไงจึงได้กล้ามาด่าข้าว่าโง่ เจ้าอย่าได้ลืมเชียวนะว่าพ่อสามีของข้าคือผู้ใด” เมื่อเจียงฉิงเหยาเอ่ยเช่นนี้เจียงฉิงฟางก็หัวเราะออกมาเบาๆ แล้วจึงได้โต้เถียงกับเจียงฉิงเหยาต่อแต่แน่นอนว่าคราวนี้นางคำนึงถึงเด็กๆ ที่ยังยืนฟังอยู่ถ้อยคำของนางจึงได้สุภาพมากยิ่งขึ้น

“ในหัวของข้าหาได้ว่างเปล่าเช่นเจ้า มีหรือที่ข้าจะจำไม่ได้ว่าพ่อสามีของเจ้าคือหัวหน้าหมู่บ้านต้าหนิวแห่งนี้” เจียงฉิงฟางเอ่ยพลางเหลือบตาไปมองเด็กๆ เมื่อเห็นว่าเด็กๆ ยังคงให้ความสนใจอยู่นางจึงได้เอ่ยต่อ

“แต่ท่านหัวหน้าหมู่บ้านคือคนที่มีคุณธรรม ไม่มีทางสนับสนุนให้เจ้าที่เป็นลูกสะใภ้รังแกสตรีไร้ทางสู้ที่ต้องเลี้ยงดูลูกสามคนเพียงคนเดียวเช่นข้าแน่” เมื่อเจียงฉิงฟางเอ่ยจบก็หันไปเอ่ยกับลูกๆ ทั้งสามของตนด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยน

“เมื่อเติบใหญ่พวกเจ้าจะต้องเป็นคนที่มีคุณธรรม ไม่รังแกคนที่อ่อนแอกว่า ไม่ฉวยโอกาสเอาเปรียบคนที่สิ้นไร้ไม้ตอกรู้ไหม คนที่มีคุณธรรมมักจะได้รับการยอมรับจากคนในสังคม ตอนนี้พวกเจ้าอาจจะยังไม่เข้าใจแต่วันหน้าพวกเจ้าก็จะเข้าใจเอง” เมื่อเจียงฉิงฟางเอ่ยเช่นนี้เจียงฉิงเหยาก็พลันมีใบแดงก่ำไปด้วยโทสะแล้วเอ่ยออกมาด้วยความโมโห

“เจียงฉิงฟาง! เจ้ามันคนชั้นต่ำ” เมื่อเอ่ยจบเจียงฉิงเหยาก็เงื้อฝ่ามือขึ้นแล้วพุ่งร่างเข้ามาหาเจียงฉิงฟางตั้งใจว่าจะต้องทำให้เจียงฉิงฟางลิ้มรสฝ่ามือของนางให้ได้ แต่เจียงฉิงฟางไม่เพียงไม่หลบกลับใช้ท่อนแขนกันฝ่ามือที่ฟาดลงมา ย่อร่างกายเล็กน้อยแล้วพุ่งร่างขึ้นใช้แรงส่งกำปั้นชกเข้าไปที่ปลายคางของเจียงฉิงเหยาในทันที

“อย่าใช้กำลังกับคนที่อ่อนแอกว่า แต่สามารถโต้ตอบคนที่คิดจะทำร้ายเราได้” เมื่อเจียงฉิงฟางเอ่ยจบร่างของเจียงฉิงเหยาก็หมดสติกองลงไปที่พื้นในทันที

“โอ้โห! ท่านแม่ฝีมือของท่านยอดเยี่ยมมาก” จ้าวฉางหนิงเอ่ยพลางตบมือด้วยความชอบใจ จ้าวฉางยวนเองก็กระโดดโลดเต้นด้วยความพึงพอใจ ส่วนจ้าวฉางเยี่ยนขมวดคิ้วพลางจ้องมองเจียงฉิงฟางด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสับสน

“ท่านแม่! เกิดอะไรขึ้น เมื่อก่อนเวลาท่านป้าลงไม้ลงมือกับท่านทีไร ท่านมักจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ทั้งถูกข่วนทั้งถูกจิกทึ้งศีรษะอย่างหมดท่า แต่วันนี้นอกจากท่านจะสู้ท่านป้าได้แล้วยังมีกระบวนท่าการต่อสู้ที่แปลกประหลาดอีกทั้งยังดูเหมือนว่าจะมีความชำนาญอีกด้วย” เมื่อจ้าวฉางเยี่ยนเอ่ยเช่นนี้เจียงฉิงฟางก็หันไปยิ้มให้เขาแล้วเอ่ยกับเขาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความพึงพอใจ

“เจ้าเป็นเด็กที่ช่างสังเกตจริงๆ ใช่แล้วเมื่อก่อนแม่ชอบคิดว่าตนเองอ่อนแอไม่มีทางสู้ท่านป้าของพวกเจ้าได้จึงยอมให้นางรังแก แต่หลังจากผ่านพ้นความเป็นความตายมาแม่ก็คิดได้ว่าชีวิตคนเรานี้ช่างสั้นนัก เหตุใดแม่จึงได้ปล่อยให้ความหวาดกลัวที่ยังมาไม่ถึงทำให้ตนเองต้องย่ำแย่ด้วย เจ้าก็เห็นแล้วพอลองสู้ดูก็ไม่ได้ย่ำแย่ถึงเพียงนั้น” เจียงฉิงฟางเอ่ยพลางก้มลงไปดูเจียงฉิงเหยาที่ในยามนี้ทั้งผู้ดูแลร้านและบรรดาลูกจ้างภายในร้านต่างก็เข้าไปดูอาการของเจียงฉิงเหยากันด้วยสีหน้ากังวล

หากจะบอกว่าเจียงฉิงฟางคือลูกค้าประจำคนสำคัญ เจียงฉิงเหยาเองก็ไม่ถือว่าต่างกันมากนัก อีกทั้งเจียงฉิงเหยายังเป็นลูกสะใภ้ของหัวหน้าหมู่บ้าน การที่นางได้รับบาดเจ็บภายในร้านเช่นนี้ทำให้ผู้ดูแลร้านและลูกจ้างภายในร้านต่างก็รู้สึกกังวล

“พวกเราจะทำอย่างไรกันดี” บรรดาพนักงานในร้านผ้าสกุลจี้ต่างก็เอ่ยถามกันด้วยความกังวล

“นางไม่ได้เป็นอะไรมากหรอก ก็แค่หมดสติไปเพียงเท่านั้น” เจียงฉิงฟางเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบเย็น ร่างนี้มีแรงกำลังน้อยเช่นนี้เจียงฉิงฟางจึงมั่นใจว่าเจียงฉิงเหยาไม่มีทางถูกนางทำร้ายจนตายแน่ ที่สำคัญนางก็ไม่เคยชกคนจนถึงตาย...

“ท่านแม่ หากนางตายขึ้นมาจะทำเช่นไร” คำถามของจ้าวฉางหนิงทำให้เจียงฉิงฟางก้มหน้าลงไปมอบรอยยิ้มให้บุตรสาว

“เมื่อทำแล้วก็ต้องก้มหน้ายอมรับความผิดที่ตนเองก่อ แต่แม่มั่นใจว่าไม่ได้ลงมืออย่างรุนแรงจนเกินไป เจ้าเองก็เช่นกันวันหน้าไม่ว่าจะทำอะไรต้องคิดคำนวณให้ดีว่าเมื่อลงมือทำไปแล้วจะต้องแบกรับความผิดที่ตนเองก่อเอาไว้หรือไม่ จงจำเอาไว้ว่าถ้าหากทำผิดก็ต้องเตรียมตัวที่จะรอรับผลกรรม” เจียงฉิงฟางเอ่ยแล้วหันไปมองเจียงฉิงเหยาที่ร้องครวญครางออกมาพลางขยับตัว

“อย่างเช่นนางคิดจะลงมือทำร้ายผู้อื่น ก็ต้องเตรียมตัวที่จะถูกตอบโต้ ผู้อื่นล้วนเป็นคนมีเลือดเนื้อไม่มีทางอยู่เฉยๆ เพื่อรอรับการรังแกอย่างแน่นอน” เมื่อเจียงฉิงฟางเอ่ยเช่นนี้เจียงฉิงเหยาที่ฟื้นคืนสติขึ้นมาแล้วก็กัดฟันพลางเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น

“เจียงฉิงฟาง ข้าจะทำให้เจ้าไม่ได้ตายดี” คำพูดของเจียงฉิงเหยาทำให้เจียงฉิงฟางเลิกคิ้วขึ้นแล้วเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความราบเรียบ

“ข้าเคยผ่านความเป็นความตายมาแล้วจึงอยากจะขอแนะนำเจ้าสักครั้ง จงใช้ชีวิตที่มีอยู่ให้คุ้มค่าเถิด อย่ามัวแต่อิจฉาริษยาและเอาชีวิตของตนเองไปเปรียบเทียบกับชีวิตของผู้อื่นเลย” เมื่อเจียงฉิงฟางเอ่ยจบก็หันไปเอ่ยกับผู้ดูแลร้านด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนลง

“ท่านพานางไปส่งที่บ้านของนางเถิด หากคนที่บ้านสามีของนางสอบถามก็ให้ท่านตอบไปตามตรงว่าเป็นนางที่เป็นฝ่ายมาพูดจาหาเรื่องข้าก่อน ต่อให้ท่านคิดจะพูดจาเข้าข้างนางก็ไม่เป็นผลหรอก เพราะที่บ้านสามีของนางรู้นิสัยของนางดี” คำพูดของเจียงฉิงฟางทำให้เจียงฉิงเหยาพลันมีโทสะขึ้นมาอีก

“เจียงฉิงฟาง เจ้า! เจ้า!” เมื่อเอ่ยจบเจียงฉิงเหยาก็หมดสติไปอีกครั้ง ผู้ดูแลร้านรีบเอ่ยกับเจียงฉิงฟางด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความอ้อนวอนในทันที

“สะใภ้บ้านจ้าว เจ้าพาลูกๆ ของเจ้ากลับไปก่อนเถิด เรื่องสะใภ้บ้านเฉินข้าจะพานางไปส่งที่บ้านของนางให้เอง ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นข้าก็จะเล่าไปตามตรงรับรองว่าจะไม่มีการใส่สีตีไข่เพิ่มเติมให้ผิดไปจากเหตุการณ์ในวันนี้อย่างแน่นอน” เมื่อผู้ดูแลร้านเอ่ยเช่นนี้เจียงฉิงฟางก็พยักหน้า

“เช่นนั้นก็ต้องรบกวนผู้ดูแลร้านแล้วนี่คือเงินค่าเสื้อผ้าของลูกๆ ทั้งสามของข้า เชิญตรวจสอบดูได้ว่าครบหรือไม่”

“ย่อมจะครบอยู่แล้ว เชิญสะใภ้บ้านจ้าวกลับไปก่อนเถิด เสื้อผ้าของลูกๆ ของท่านข้าจะให้คนนำไปส่งให้ที่บ้านก็แล้วกัน” เมื่อผู้ดูแลเอ่ยเช่นนี้เจียงฉิงฟางก็พยักหน้าแล้วหันไปเอ่ยกับลูกๆ ด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยน

“พวกเรารีบกลับบ้านกันเถิด” เจียงฉิงฟางหันไปเอ่ยกับลูกๆ ของนางแล้วจึงได้เดินนำเด็กๆ ออกจากร้านไป เมื่อเห็นว่าเจียงฉิงฟางพาลูกๆ ออกจากร้านไปแล้วผู้ดูแลร้านจึงได้แต่ทอดถอนใจออกมา

“พวกเจ้าคนหนึ่งนำเสื้อผ้าไปส่งที่บ้านสกุลจ้าว ส่วนข้าจะพาสะใภ้บ้านเฉินไปส่งที่บ้านของท่านหัวหน้าหมู่บ้านเฉินเอง” เมื่อผู้ดูแลร้านเอ่ยเช่นนี้บรรดาลูกจ้างในร้านก็พากันขานรับแล้วรีบแบ่งหน้าที่กันในทันที ที่ควรจะทำงานที่ร้านก็ลงมือทำ ที่ต้องนำเสื้อผ้าไปส่งที่บ้านสกุลเจ้าก็รีบนำเสื้อผ้าไปส่ง มีบางส่วนที่ต้องติดตามผู้ดูแลร้านไปที่บ้านสกุลเฉินซึ่งเป็นบ้านของท่านหัวหน้าหมู่บ้านต้าหนิวแห่งนี้

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel