บท
ตั้งค่า

บทที่ 3 เปลี่ยนไป

เมื่อป้าเฉินเดินกลับเข้าไปในบ้านของนางแล้วเจียงฉิงฟางก็หันมาจ้องมองลูกของนางในทันทีแล้วจึงได้เอ่ยกับเด็กๆ ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“พวกเจ้ากลับเข้าบ้านกันก่อนเถิด ต่อไปอย่าได้คิดหาเงินด้วยวิธีนี้อีก” คำพูดของเจียงฉิงฟางทำให้เด็กๆ นิ่วหน้าแล้วก็เป็นจ้าวฉางเยี่ยนก็เอ่ยคัดค้านคำพูดของนางด้วยสีหน้าดื้อดึง

“แล้วจะให้พวกข้าหาเงินด้วยวิธีไหน หรือว่าท่านแม่จะยินยอมมอบเงินในมือของท่านให้พวกข้าเล่า” คำพูดของเขาทำให้เจียงฉิงฟางเลิกคิ้วขึ้น นางจ้องมองเด็กอายุเจ็ดขวบทั้งสามคนที่ในยามนี้กำลังแสดงอาการต่อต้านนางอย่างเต็มที่

“อีกทั้งต่อให้พวกข้าไม่พูด คนเหล่านั้นก็ล้วนรู้เรื่องของท่านแม่ดี ชิ! สายแร่ทองคำอะไรนั่นก็แค่ข้ออ้างของท่านแม่ที่จะนำมาแก้ตัวเรื่องที่ท่านทำลงไปเพียงเท่านั้น” จ้าวฉางยวนเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงดูแคลนส่วนจ้าวฉางหนิงก็ไม่น้อยหน้าพี่ๆ เอ่ยวาจาต่อต้านนางออกมาเช่นเดียวกัน

“ใช่แล้ว! หากมีคนค้นพบสายแร่ทองคำจริงแล้วท่านแม่รู้คนอย่างท่านแม่ไม่มีทางบอกให้ผู้อื่นรู้หรอก เพราะท่านแม่เคยบอกกับข้าเองว่าหากอยากจะปล่อยข่าวลือสักเรื่องก็แค่ทำให้ดูลึกลับเข้าไว้แล้วบอกกับผู้อื่นว่า อย่าบอกใครนะ แล้วหลังจากนั้นทุกคนก็จะได้รับรู้เรื่องที่พวกเราต้องการจะปล่อยข่าวลือ” คำพูดของจ้าวฉางหนิงทำให้เจียงฉิงฟางทอดถอนใจออกมา

เจียงฉิงฟางที่อยู่ในนิยายเป็นสตรีที่เห็นแก่ตัว มีความเฉลียวฉลาดและมีความงามเป็นเลิศ สกุลจ้าวจึงได้เลือกนางมาเป็นสะใภ้ ข้อเสียที่ในนิยายเขียนเอาไว้ก็คือนางเป็นคนเห็นแก่ตัว และรักแต่ตนเอง ความเจ้าเล่ห์และร้ายกาจของเด็กๆ ล้วนเป็นนางที่ปลูกฝัง เมื่อเติบใหญ่ขึ้นมาเด็กน้อยทั้งสามจึงได้กลายเป็นผู้ใหญ่ที่บิดเบี้ยว ทำทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ของตนเองไม่เคยสนใจชีวิตความเป็นอยู่ของผู้อื่น จึงได้กลายเป็นตัวร้ายที่คอยติดตามทำร้ายพระเอกกับนางเอกเพื่อตอบสนองความต้องการของตนเอง

“พวกเจ้าล้วนเป็นคนที่มีความเฉลียวฉลาด แต่น่าเสียดายที่ก่อนหน้านี้พวกเจ้าได้รับการอบรมเลี้ยงดูมาอย่างผิดๆ แต่ช่างเถิดต่อจากนี้ข้าจะเป็นคนชี้แนะพวกเจ้าเอง พวกเจ้าจะได้รู้ว่าการอยู่ร่วมกับผู้อื่นต้องรู้จักคำนึงถึงคำว่าใจเขาใจเราด้วย” คำพูดของเจียงฉิงฟางทำให้เด็กๆ มีสีหน้ามึนงงด้วยไม่เข้าใจคำพูดของนาง แต่เจียงฉิงฟางหาได้สนใจพวกเขา ยามนี้สิ่งที่นางต้องการจะทำก็คือลดอคติที่เด็กๆ มีต่อมารดาของพวกเขาก่อนแล้วค่อยๆ ปลูกฝังความคิดที่อยู่ในร่องในรอยให้แก่เด็กๆ

“ช่างเถิด! วันนี้พวกเจ้าไม่ต้องออกไปเล่นข้างนอกแล้ว มาช่วยแม่จัดการกับลานบ้านกันดีกว่า” เมื่อเจียงฉิงฟางเอ่ยเช่นนี้เด็กน้อยทั้งสามคนก็หันไปมองหน้ากันแล้วก็เป็นจ้าวฉางเยี่ยนที่ทดลองเอ่ยปากปฏิเสธออกมา

“หากพวกข้าอยากออกไปเล่นเล่า” ที่เขากล้าถามก็เพราะตั้งแต่มารดาของพวกเขาฟื้นคืนสติขึ้นมาจากการจมน้ำ นางก็ไม่เคยดุด่าพวกเขาด้วยถ้อยคำหยาบคาย อีกทั้งยังไม่เคยลงมือตีพวกเขาอย่างที่นางมักจะทำก่อนที่นางจะฟื้นคืนสติขึ้นมาจากการจมน้ำในแม่น้ำ

“หากพวกเจ้าอยากออกไปเล่นก็ย่อมจะได้ เพียงแต่ก่อนจะออกไปพวกเจ้าช่วยงานแม่ก่อน” เมื่อเจียงฉิงฟางเอ่ยเช่นนี้เด็กทั้งสามมีทีท่าว่าจะขัดขืน แต่เมื่อเจียงฉิงฟางเริ่มเท้าเอวพวกเขาก็รีบเดินกลับข้าไปในบ้านทันที

“พวกเจ้าช่วยแม่ถอนหญ้าบริเวณนี้ให้เสร็จแล้วจึงค่อยออกไปก็แล้วกัน” เมื่อเจียงฉิงฟางเอ่ยเช่นนี่เด็กทั้งสามก็เบิกตากว้างแล้วเอ่ยออกมาพร้อมกันในทันที

“เมื่อไหร่จะเสร็จ” คำพูดจองพวกเขาทำให้เจียงฉิงฟางยิ้มออกมาในทันทีแล้วจึงเอ่ยกับพวกเขาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“รีบลงมือเถิดหากมัวชักช้าแล้วฟ้ามืดขึ้นมาจะออกไปเล่นไม่ได้แล้วนะ” เมื่อเจียงฉิงฟางเอ่ยเช่นนี้เด็กทั้งสามก็รีบลงมือถอนหญ้าบริเวณลานหน้าบ้านในทันที ส่วนเจียงฉิงฟางก็ลงมือเก็บกวาดลานบ้าน จัดการกับสวนที่รกร้างให้กลับมาสะอาดเอี่ยมอย่างเช่นในความทรงจำของนางอีกครั้ง ในนิยายไม่ได้เขียนเอาไว้ว่าจ้าวถิงฟงกลับมารับลูกๆ ของเขาเข้าเมืองหลวงเมื่อไหร่ ดังนั้นนางที่ต้องเลี้ยงดูเด็กสามคนตามลำพังจะต้องพยายามทำให้พวกเขาอยู่ดีกินดีมากที่สุด โชคดีที่เจ้าของร่างเก่ารู้จักซุกซ่อนเงินทองเอาไว้ก่อนที่จะตกน้ำ ทำให้นางยังพอเหลือเงินอยู่บ้าง แม้ว่าจะเหลืออยู่ไม่มากแต่หากรู้จักกินรู้จักใช้ย่อมจะไม่มีทางอดตายอย่างแน่นอน

“ท่านแม่ ท่านทำอะไร” คำถามของจ้าวฉางเยี่ยนทำให้เจียงฉิงฟางยิ้มออกมาแล้วเอ่ยกับเด็กๆ ด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ

“ข้าก็กำลังปลูกผักเอาไว้กินอย่างไรเล่า แปลงเก่าของท่านปู่ท่านย่าของพวกเจ้าถูกปล่อยทิ้งร้างมานานแล้ว ถึงเวลาที่จะพลิกฟื้นขึ้นมาเพาะปลูกอีกครั้งพอดี” คำพูดของเจียงฉิงฟางทำให้เด็กน้อยทั้งสามนิ่วหน้า

“ท่านแม่เคยบอกกับข้าว่า ผักและเนื้อพวกเราสามารถซื้อกินได้ ไม่จำเป็นต้องเพาะปลูกให้ลำบาก มิใช่หรือเจ้าคะ” คำถามของจ้าวฉางหนิงทำให้เจียงฉิงฟางขมวดคิ้ว แล้วนางจึงได้เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความจริงจัง

“นั่นเป็นเพราะเมื่อก่อน แม่ไม่รู้จักชีวิตดีพอ ยามนี้แม่รู้แล้วว่าเงินไม่ได้ร่วงหล่นลงมาจากฟ้า ผักและเนื้อก็ไม่อาจจะซื้อหาได้หากไม่มีเงินดังนั้นหากช่วงนี้พวกเรายังหาเงินไม่ได้ก็จำต้องลดรายจ่ายลง” เจียงฉิงฟางเอ่ยพลางปัดดินออกจากมือและเสื้อผ้าแล้วจึงทำการรดน้ำลงไปบนแปลงผักที่พึ่งจะโปรยเมล็ดผักลงไป

“เงินของท่านแม่หมดแล้วจริงๆ ด้วย” จ้าวฉางหนิงอุทานออกมาแล้วจึงหันไปมองจ้าวฉางเยี่ยนและจ้าวฉางยวนด้วยสีหน้ากังวล

“ผู้ใดบอกว่าเงินของแม่หมดแล้ว ไป! วันนี้พวกเราแม่ลูกออกไปใช้เงินกันดีกว่า พวกเจ้ายังถอนหญ้าไม่เสร็จก็ไม่เป็นไรเอาไว้พรุ่งนี้ค่อยทำก็แล้วกัน” เมื่อเจียงฉิงฟางเอ่ยเช่นนี้เด็กน้อยทั้งสามก็จ้องมองนางด้วยความประหลาดใจในทันที

“ไปใช้เงินหรือพวกข้าไม่เคยได้ใช้เงินของท่านแม่เลย” เมื่อจ้าวฉางยวนเอ่ยเช่นนี้เจียงฉิงฟางก็ร้องฮึ! ออกมาในทันที

“เจ้าเด็กพวกนี้ ข้าไม่ได้พาพวกเจ้าออกไปใช้เงินด้วยก็ไม่ได้หมายความว่าไม่เคยใช้เงินซื้อของให้พวกเจ้านี่ มาเถิด วันนี้ข้าใจดีจะซื้อเสื้อผ้าให้พวกเจ้าอีกคนละสองชุด” เจียงฉิงฟางเอ่ยพลางมองดูเสื้อผ้าที่ทั้งเก่าและสั้นเต่อของเด็กน้อยทั้งสาม ในใจก็คิดตำหนิผู้เป็นเจ้าของร่างนี้ที่รักแต่ตัวเอง เสื้อผ้าของนางทั้งใหม่และงดงาม นางซื้อเสื้อผ้าใหม่ๆ ให้ตนเองแทบจะทุกฤดูกาล ในขณะที่เสื้อผ้าของลูกๆ ของนาง นางซื้อให้พวกเขาสวมใส่ก็แค่เพื่อป้องกันคำครหาจากผู้คนภายนอกเพียงเท่านั้น สาเหตุที่เมื่อโตขึ้นเด็กทั้งสามกลายเป็นตัวร้ายในนิยายน่าจะเกี่ยวข้องกับการเลี้ยงดูในวัยเด็กอยู่ไม่น้อยเลย

“พี่ใหญ่ทำไมช่วงนี้ท่านแม่จึงได้เปลี่ยนไป” จ้าวฉางยวนหันไปกระซิบถามพี่ชายเสียงเบา จ้าวฉางเยี่ยนจึงได้เอ่ยตอบน้องชายด้วยสีหน้าเรียบเฉย

“นางจะเปลี่ยนแปลงตัวเองได้สักกี่วัน เจ้ารอดูเถิดนางหายจากอาการขวัญเสียเมื่อไหร่ก็คงจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมแน่” คำพูดของจ้าวฉางเยี่ยนเจียงฉิงฟางย่อมจะได้ยิน แต่นางไม่คิดจะแก้ตัวให้ตนเองด้วยตัวนางก็ไม่รู้ว่าตนเองจะได้อยู่ในร่างนี้อีกนานเพียงใด

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel