บท
ตั้งค่า

บทที่ 2 แก้ไขข่าวลือ

“สะใภ้บ้านจ้าวคิดจะหนีตามบุรุษไป แต่สุดท้ายก็จมน้ำเกือบเอาชีวิตไม่รอด สุดท้ายก็ซมซานกลับมาอยู่บ้านด้วยอาการร่อแร่ปางตาย” นี่คือคำนินทาที่ผู้คนในหมู่บ้านต่างเอ่ยถึงเจียงฉิงฟางในช่วงนี้ แต่นางกลับไม่ได้ติดตามไปแก้ข่าวแต่อย่างใด แถมยังเก็บเนื้อเก็บตัวอยู่แต่ในบ้านไม่ยอมออกมาเผชิญหน้าผู้คนอย่างที่นางมักจะทำดังเช่นเมื่อก่อน

“ต้าฉาง เอ้อฉาง เสี่ยวฉาง พวกเจ้ากินอะไรกันแล้วหรือยัง จะเข้ามากินข้าวบ้านข้าก่อนไหม” ป้าเฉินที่อยู่บ้านฝั่งตรงข้ามของถนนเดินมาเอ่ยถามพวกเขาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความมีเมตตาแต่เด็กน้อยทั้งสามกลับส่ายหน้าอย่างพร้อมเพรียงกัน แล้วก็เป็นจ้าวฉางเยี่ยนที่เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยการเสียดสี

“พวกข้ากินข้าวแล้ว ท่านยายเฉินไม่ต้องคิดจะหลอกถามเรื่องในบ้านของพวกข้าหรอก” คำพูดของจ้าวฉางเยี่ยนทำให้ป้าเฉินพลันมีสีหน้าบูดเบี้ยวแต่แล้วนางก็ยิ้มออกมาเมื่อเห็นว่าจ้าวฉางยวนแบมือมาที่นางด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์

“แต่หากท่านยายยอมจ่ายให้ข้าสักหนึ่งเหวิน ข้าก็ยินดีที่จะเล่าให้ท่านฟังว่าท่านแม่ของข้ายามนี้นางเป็นอย่างไรบ้าง” เมื่อจ้าวฉางยวนเอ่ยจบป้าเฉินก็ล้วงเหรียญในอกเสื้อออกมาในทันที

“แหม! ข้าก็แค่รู้สึกเป็นห่วงท่านแม่ของพวกเจ้าเพียงเท่านั้น นางเป็นอย่างไรบ้างพวกเจ้าเล่ามาให้ข้าฟังเถิด” นางเอ่ยพลางวางเหรียญลงไปในมือของจ้าวฉางยวน เขายกเหรียญขึ้นมาดูแล้วก็หันพยักหน้าส่งสัญญาณให้จ้าวฉางหนิงเล่าให้ป้าเฉินฟังในทันที

“ช่วงแรกท่านแม่พูดจาแปลกประหลาด เดินไปเดินมาด้วยท่าทีกังวลใจ สภาพของนางหาได้เหมือนคนที่พึ่งจะผ่านพ้นความตายมา นอกจากจะไม่มีอาการเจ็บป่วยแล้วดูเหมือนว่านางยังมีพละกำลังเพิ่มมากขึ้นกว่าแต่ก่อนอีกด้วย ช่วงนี้นอกจากนางจะพยายามทำความสะอาดบ้านอย่างบ้าคลั่งแล้วนางยังพยายามอบรมพวกข้าด้วยความเข้มงวดมากขึ้นกว่าเดิม” เมื่อจ้าวฉางหนิงเอ่ยเล่าเช่นนี้ป้าเฉินก็พยักหน้าแล้วเอ่ยถามออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นในทันที

“เช่นนั้นพวกเจ้าก็คงจะถูกนางเฆี่ยนตีหนักกว่าเดิมสินะ จริงสิ! นางได้พูดให้พวกเจ้าได้รับรู้บ้างไหมว่าบุรุษที่นางตั้งใจจะหนีตามไปคือผู้ใด” คำถามของป้าเฉินทำให้เด็กๆ ส่ายหน้าอย่างพร้อมเพรียงกันป้าเฉินทำเสียงจิ๊จ๊ะอย่างไม่พอใจแล้วเอ่ยถามออกมาตามตรง

“แม่หนูเสี่ยวฉาง เมื่อก่อนเจ้าสนิทสนมกับมารดามากที่สุดมิใช่หรือ เหตุใดจึงไม่ลองหลอกถามนางมาเล่า” คำถามของป้าเฉินทำให้จ้าวฉางหนิงส่ายหน้าพลางมีเสียงแทรกขึ้นมาทางด้านหลัง

“จะได้คุ้มค่ากับเงินหนึ่งเหวินที่ท่านจ่ายให้บุตรชายคนรองของข้าใช่หรือไม่ ท่านป้าเฉิน” คำถามของเจียงฉิงฟางทำให้เด็กทั้งสามตัวแข็งทื่อด้วยความตื่นตระหนก ส่วนป้าเฉินหัวเราะแหะ แหะ พลางเอ่ยแก้ตัวในทันที

“ข้าก็แค่เป็นห่วงเจ้า ได้ยินว่าเจ้าถูกคนผู้หนึ่งหลอกลวงจนทำให้เกือบจะเสียชีวิต” คำพูดของป้าเฉินทำให้ในใจของเจียงฉิงฟางพลันมืดครึ้มนางรู้ดีว่าอีกไม่นานจ้าวถิงฟงก็จะกลับมา ความเหี้ยมโหดของเขาถูกบรรยายเอาไว้ในนิยายหลายหน้ากระดาษ

‘หากเขารู้ว่าภรรยาของเขาเคยคิดจะหนีตามบุรุษไป คนที่เข้ามาอยู่ในร่างนี้อย่างเราก็คงจะต้องตายตามเจียงฉิงฟางในนิยายไปเป็นแน่’ เจียงฉิงฟางคิดพลางขมวดคิ้ว

นางจำได้ว่าในขณะที่กำลังอ่านนิยายเรื่องหนึ่งอยู่นางก็หมดสติไปพอลืมตาขึ้นมาอีกครั้งนางก็มาอยู่ในนิยายเรื่องที่นางกำลังอ่านแล้ว มันคงจะน่ายินดีถ้าหากว่านางได้เข้ามาเป็นนางเอกหรือไม่ก็ได้เป็นตัวละครที่ยืนอยู่เคียงข้างฝั่งนางเอก แต่นางกลับมาอยู่ในร่างของตัวละครที่เป็นมารดาของตัวร้าย

แม้ว่าในนิยายตัวละครของนางจะไม่ได้ถูกเอ่ยถึงมากนักเพราะในนิยายเขียนเอาไว้ว่านางจะต้องจมน้ำตายตั้งแต่ตัวร้ายทั้งสามยังเป็นเด็ก แต่ทุกครั้งที่ตัวร้ายทำเรื่องชั่วช้าผู้เขียนก็มักจะระบุว่าเกิดจากความโหดร้ายที่ได้รับจากวัยเยาว์ และผู้ที่ก่อให้เกิดความโหดร้ายในชีวิตของตัวร้ายทั้งสามก็คือมารดาอย่างเจียงฉิงฟาง

ยามนี้เมื่อนางเข้ามาอยู่ในร่างนี้และเป็นมารดาของตัวร้ายทั้งสามอย่างจ้าวฉางเยี่ยน จ้าวฉางยวนและจ้าวฉางหนิง ดังนั้นนางจึงต้องอบรมเลี้ยงดูลูกๆ ให้ดีเพื่อหลีกเลี่ยงจุดจบอันเลวร้ายของลูกๆ ทั้งสาม เพราะถ้าหากเด็กๆ ประสบกับเคราะห์กรรมคนที่เป็นมารดาเช่นนางก็คงจะมีจุดจบที่ไม่ค่อยจะดีนักเช่นเดียวกัน

“ท่านป้าเฉินไม่จำเป็นต้องเป็นห่วงข้าหรอก ท่านก็เห็นแล้วว่าข้ามิได้เป็นอะไร ส่วนเรื่องที่ว่าข้าถูกคนชั่วหลอกลวงก็เป็นแค่เพียงลมปากของผู้คนภายนอกเพียงเท่านั้น” เจียงฉิงฟางตัดสินใจว่านางควรจะแก้ไขข่าวลือที่ทำให้ชื่อเสียงของนางต้องเสียหาย แม้ว่าเรื่องจริงเจ้าของร่างเดิมจะตั้งใจที่จะหนีตามคนผู้หนึ่งไปจริง แต่ยามนี้คนผู้นั้นหนีกลับเมืองหลวงไปแล้วอีกทั้งคนที่ล่วงรู้ความจริงของเรื่องนี้มีแค่คนผู้นั้นและนาง ดังนั้นหากเขาไม่พูดและนางไม่พูดผู้อื่นจะรู้ความจริงได้อย่างไร

“ท่านป้า ท่านอย่าได้พูดออกไปเชียว” เจียงฉิงฟางเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปท่าทีของคนที่กุมความลับอันยิ่งใหญ่เอาไว้ทำให้ป้าเฉินรีบเงี่ยหูฟังด้วยความอยากรู้อยากเห็นในทันที

“อันที่จริงสาเหตุที่ข้านั่งเรือไปเมืองเทียนเฟิงก็เพราะข้าได้ยินมาว่าที่นั่นมีการขุดพบสายแร่ทองคำ ในใจของข้าอยากจะร่ำรวยจึงได้คิดจะไปดูลู่ทางว่าทำอย่างไรจึงจะสามารถเข้าไปทำการค้าในเมืองเทียนเฟิงได้ ท่านก็รู้ว่าหากเมืองเทียนเฟิงมีการขุดสายแร่ ทั้งคนงานและเจ้าหน้าที่ของทางการก็คงจะขวักไขว่ หากข้าสามารถไปตั้งแผงขายอาหารที่นั่นได้ ความติดขัดทางการเงินของบ้านข้าก็คงจะดีขึ้น” เมื่อเจียงฉิงฟางเอ่ยเช่นนี้ดวงตาของป้าเฉินก็พลันเบิกกว้างแล้วเอ่ยถามออกมาในทันที

“สายแร่ทองคำ! ที่เจ้าเอ่ยมาเป็นเรื่องจริงหรือ” เมื่อป้าเฉินเอ่ยถามเช่นนี้เช่นนี้เจียงฉิงฟางก็ยักไหล่แล้วเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

“ข้าจะรู้ได้อย่างไรกันเล่าว่าเป็นเรื่องจริงไหม เพราะข้าดันตกลงไปในน้ำเสียก่อนตั้งแต่ตอนที่เรือยังไม่ทันได้ออกจากท่าเรือเลยกระมัง” เมื่อเจียงฉิงฟางเอ่ยเช่นนี้ป้าเฉินก็พลันมีสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเสียดายแต่ถึงกระนั้นก็ยังถามอีกครั้ง

“สายแร่ที่พบเป็นสายแร่ทองคำจริงๆ หรือ” คำถามของป้าเฉินทำให้เจียงฉิงฟางหัวเราะออกมาเบาๆ

“ข้าเองก็ไม่แน่ใจ แต่ที่แน่ๆ เรื่องนี้ท่านป้าอย่าให้ผู้อื่นรู้จะดีกว่า เพราะถ้าหากว่าเป็นสายแร่ทองคำจริงๆ ผู้คนคงจะไปรวมตัวกันที่นั่นแล้วทำให้ทำเลค้าขายถูกจับจองไปจนหมดก่อนที่พวกเราจะไปถึงแน่” คำพูดของเจียงฉิงฟางเต็มไปด้วยรอยยิ้มส่วนป้าเฉินนั้นทั้งพยักหน้ารับและขานตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น

“แน่นอน ข้าไม่ใช่คนปากสว่างเสียหน่อยเจ้าวางใจได้” เมื่อป้าเฉินเอ่ยจบก็หันกลับไปมองด้านในบ้านของตนเมื่อนางเห็นเงาของสามีก็รีบเอ่ยกับเจียงฉิงฟางด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความกระตือรือร้น

“ท่านลุงเฉินของเจ้าน่าจะหิวแล้ว ข้าไปเตรียมข้าวให้เขาก่อนนะ” เมื่อเอ่ยจบป้าเฉินก็รีบกลับเข้าไปในบ้านทันที ท่าทีของนางไม่ต้องคาดเดาก็พอจะรู้ว่าอีกสักครู่ท่านลุงเฉินจะต้องรู้เรื่องที่เมืองเทียนเฟิงมีคนค้นพบสายแร่ทองคำเป็นแน่

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel