บท
ตั้งค่า

บทที่ 1 สามตัวร้ายแห่งสกุลจ้าว

หมู่บ้านต้าหนิวเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่อยู่ในชนบท ชาวบ้านในหมู่บ้านล้วนมีความเป็นอยู่อย่างเรียบง่าย หลายครัวเรือนมีความเกี่ยวพันเป็นเครือญาติ แต่ก็มีบางบ้านที่ย้ายมาจากที่อื่นแล้วใช้ชีวิตร่วมกับชาวบ้านอย่างกลมกลืน ครอบครัวสกุลจ้าวก็เป็นเช่นนั้น พวกเขาหนีภัยมาจากเมืองหลวงใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายมีบุตรชายติดตามมาด้วยอีกหนึ่งคน พอเติบใหญ่ขึ้นมาก็แต่งเด็กสาวในหมู่บ้านเป็นภรรยา

พอบุตรชายแต่งภรรยาและมีทายาทสืบสกุลแล้วสองสามีภรรยาสกุลจ้าวก็ทยอยจากโลกใบนี้ไปทีละคน เหลือเพียงบุตรชาย สะใภ้และหลานทั้งสามของพวกเขา พวกเขาไม่ได้ล่วงรู้เลยสักนิดว่าพอพวกเขาจากโลกใบนี้ไปแล้วบุตรชายที่กำลังจะเริ่มต้นสร้างครอบครัวของตนเองต้องถูกเกณฑ์ไปเป็นทหาร ทิ้งภรรยาและเด็กทั้งสามเอาไว้ในหมู่บ้านต้าหนิวโดยมิได้ดูแลความเป็นอยู่

เจียงฉิงฟางคือสะใภ้สกุลจ้าวที่ถูกสามีทอดทิ้งไปเป็นทหาร นางต้องเลี้ยงดูลูกๆ ทั้งสามอย่างยากลำบาก พอทรัพย์สินเงินทองที่สามีทิ้งเอาไว้ให้เริ่มจะร่อยหรอลงไปเรื่อยนางก็ตัดสินใจที่จะทิ้งลูกๆ ของนางไปพร้อมกับทรัพย์สินที่เหลือ น่าเสียดายที่เกิดอุบัติเหตุขึ้นกับนางเสียก่อน ทำให้นางต้องจบชีวิตลงก่อนวัยอันควร

“ต้าฉาง แม่ของเจ้าสิ้นใจไปแล้วพวกเจ้าก็มาอาศัยอยู่กับพวกข้าเถิด แล้วพวกข้าจะช่วยทำพิธีฝังศพให้ท่านแม่ของพวกเจ้า” คำพูดของเจียงฉิงหร่วนทำให้จ้าวฉางเยี่ยนขมวดคิ้วพลางจ้องมองศพของมารดาของเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเย็นชา เขาหันไปมองน้องชายและน้องสาวฝาแฝดของตนเองแล้วจึงได้เอ่ยกับท่านน้าของตนเองด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“แต่ว่าพวกข้าสิ้นเนื้อประดาตัวแล้วนะขอรับท่านน้า ทรัพย์สินในบ้านถูกท่านแม่เอาติดตัวไปด้วยจนหมดบ้านแล้ว ข้าคิดว่ายามนี้น่าจะไหลตามสายน้ำไปจนหมดแล้ว” เมื่อจ้าวฉางเยี่ยนเอ่ยเช่นนี้สายตาของเจียงฉิงหร่วนก็พลันมีความสั่นไหว นางพอจะรู้อยู่บ้างว่าบ้านของสามีของพี่สาวของนางมีทรัพย์สินไม่น้อย จึงได้เสนอตัวที่จะเลี้ยงดูลูกๆ ของพี่สาวและคิดจะจัดงานศพให้พี่สาว แต่เมื่อรู้ว่ายามนี้พวกเขาไม่มีทรัพย์สินแล้วนางก็ไม่กล้าหาเรื่องใส่ตัว

“เช่นนั้นจะทำอย่างไรกันดีเล่า หากพวกเจ้าสิ้นไร้ทรัพย์สินครอบครัวของสามีของน้าก็คงจะไม่พอใจแน่หากรู้ว่าพวกเจ้าไม่มีทรัพย์สินติดตัวเช่นนี้” คำพูดของเจียงฉิงหร่วนทำให้สามพี่น้องสกุลจ้าวเม้มปากแน่น สุดท้ายก็เป็นจ้าวฉางหนิงที่เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเข้มแข็ง

“เช่นนั้นท่านน้าก็ไม่ต้องพาพวกข้าไปเป็นภาระหรอกเจ้าค่ะ ส่วนศพของท่านแม่เดี๋ยวพวกข้าช่วยกันขุดหลุมฝังกันเอาเอง ท่านน้าไม่ต้องกังวลพวกข้าไม่มีผู้ใดกล้าตำหนิท่านน้าหรอก” คำพูดของจ้าวฉางหนิงทำให้เจียงฉิงหร่วนรีบยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาแล้วทำท่าทางราวกับว่าเศร้าเสียใจเป็นอย่างมากทั้งที่ในใจของนางเบิกบานเป็นอย่างยิ่งที่ไม่ต้องรับตัวภาระทั้งสามกลับบ้าน

“ข้าช่างเป็นท่านน้าที่ไม่ได้เรื่อง สงสารก็แต่พวกเจ้าอายุน้อยถึงเพียงนี้แต่กลับต้องใช้ชีวิตกันตามลำพัง ต้องโทษท่านแม่ของพวกเจ้า ตอนอยู่ก็ไม่รู้จักเลี้ยงพวกเจ้าให้ดี ตอนตายก็ยังทำเรื่องไร้ยางอายจนทำให้พวกเจ้าต้องประสบกับเคราะห์กรรมเช่นนี้” คำพูดของเจียงฉิงหร่วนทำให้สามพี่น้องสกุลจ้าวหันไปสบตากันแล้วก็เป็นจ้าวฉางยวนที่เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงอันสุขุม

“ถึงอย่างไรท่านแม่ก็จากพวกเราไปแล้ว รบกวนท่านน้าพูดจาให้เกียรติท่านแม่ของข้าด้วย” เมื่อจ้าวฉางยวนเอ่ยเช่นนี้เจียงฉิงหร่วนก็พลันมีสีหน้าไม่พอใจ แต่เมื่อคิดได้ว่านางไม่อยากจะรั้งอยู่ที่ต่อแล้วนางจึงได้เอ่ยกับเด็กทั้งสามด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“ช่างเถิด หากไม่ใช่เพราะมีคนจำได้ว่าข้าคือน้องสาวของท่านแม่ของพวกเจ้า ข้าก็คงไม่ต้องลำบากจ้างรถม้าเอาศพของท่านแม่ของพวกเจ้ามาส่ง ในเมื่อศพก็ส่งถึงบ้านแล้วก็หมายความว่าข้าทำหน้าที่ของตนเองเสร็จเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นต่อจากนี้พวกเจ้าก็จัดการกันเอาเองก็แล้วกัน ข้าไม่ยุ่งแล้ว” เมื่อเอ่ยจบแล้วเจียงฉิงหร่วนก็กวาดตามองรอบๆ บ้านสกุลจ้าวอีกครั้งแล้วก็สะบัดผ้าเช็ดหน้าแล้วเดินจากไปด้วยรอยยิ้มที่สามารถตัดความรับผิดชอบต่อเด็กน้อยสกุลจ้าวทั้งสามไปได้

เมื่อก่อนตอนที่สกุลจ้าวมาสู่ขอพี่สาวของนาง นางเคยริษยาพี่สาวเป็นอย่างมาก จ้าวถิงฟงเป็นชายหนุ่มที่มีรูปร่างหน้าตาดีที่สุดในหมู่บ้านอีกทั้งฐานะของบ้านเขาก็ดีกว่าชายหนุ่มบ้านอื่น เขามีที่นาหลายสิบหมู่ มีบ้านไม้หลังโตให้พักอาศัย ที่สำคัญบ้านของเขามีเนื้อให้กินทุกมื้อ แต่ใช้เวลาแค่เพียงไม่กี่ปีพี่สาวของนางก็ใช้ความเป็นสะใภ้สกุลจ้าวขายที่นาทิ้งไปจนหมดแล้ว ทรัพย์สินในบ้านก็แทบจะไม่มีเหลือแล้ว

ดังนั้นยามนี้สกุลจ้าวก็เหลือแค่เพียงบ้านไม้หลังนี้เพียงเท่านั้น นางเองก็ไม่คิดจะเข้ามายุ่งกับเด็กๆ อีกด้วยกังวลว่าหากจ้าวถิงฟงกลับมาเขาจะโทษว่าเป็นนางที่ทำให้สกุลจ้าวของเขาล่มจม เด็กทั้งสามของสกุลจ้าวหาใช่เด็กน้อยธรรมดา นางเชื่อว่าหลังจากนี้พวกเขาทั้งสามจะต้องสามารถเอาตัวรอดได้ทั้งที่ไม่มีผู้ใหญ่คอยดูแล ดังนั้นนางจึงไม่ได้รู้สึกผิดแต่อย่างไรที่ทิ้งให้หลานชายและหลานสาวต้องอยู่ในบ้านหลังโตตามลำพัง

“พี่หญิง! ท่านก็อย่าได้โทษข้าเป็นท่านเองที่คิดจะทิ้งพวกเขาไป ยามนี้ข้าเองก็จำต้องทอดทิ้งพวกเขาเพื่อเอาตัวรอดเช่นเดียวกัน” เจียงฉิงหร่วนเอ่ยออกมาพลางหันไปจ้องมองบ้านไม้ของสกุลจ้าวอีกครั้งแล้วก็เดินจากไป

“พี่ใหญ่ พวกเราควรทำเช่นไรกันดี” คำถามของจ้าวฉางยวนทำให้จ้าวฉางเยี่ยนขมวดคิ้ว แล้วก็เป็นจ้าวฉางหนิงที่เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“พวกเราช่วยกันค้นร่างกายของท่านแม่ก่อนเถิด ข้าไม่เชื่อหรอกว่าทรัพย์สินที่นางเอาติดตัวไปจะไหลไปกับน้ำ” เมื่อนางเอ่ยจบก็ยื่นมือน้อยๆ มาปลดสายคาดเอวของมารดา สีหน้าอันซีดเซียวและร่างกายที่แข็งทื่อหาได้ทำให้นางรู้สึกหวั่นเกรงและรู้สึกเศร้าเสียใจ มารดาของนางทำให้จิตใจของนางด้านชาไปนานแล้ว ยามนี้สิ่งที่นางต้องการก็มีแค่เพียงทรัพย์สินที่จะช่วยให้นางและพี่ชายทั้งสองอยู่รอดจนกว่าบิดาของนางจะกลับมาเพียงเท่านั้น

“อืม พวกเธอจะทำอะไร” เสียงพึมพำของสตรีที่นอนอยู่บนพื้นทำให้เด็กทั้งสามที่กำลังช่วยกันค้นหาทรัพย์สินต่างก็นิ่งงันด้วยความคาดไม่ถึงในทันที เจียงฉิงฟางลืมตาไปมองรอบกายแล้วก็นิ่วหน้าเมื่อความทรงจำต่างๆ ของร่างนี้ไหลทะลักเข้ามา แล้วสุดท้ายนางก็กวาดตามองเด็กชายสองคนและเด็กผู้หญิงอีกหนึ่งคนที่กำลังค้นตามร่างกายของนางเพื่อตรวจหาทรัพย์สินแล้วนางก็อุทานออกมาในทันที

“จ้าวฉางเยี่ยน จ้าวฉางยวน จ้าวฉางหนิง สามตัวร้ายแห่งสกุลจ้าว” คำพูดของนางทำให้เด็กทั้งสามหันไปมองหน้ากันแล้วสุดท้ายก็ผละถอยหลังแล้วเอ่ยออกมาอย่างพร้อมเพรียงกันด้วยความหวาดกลัว

“ท่านแม่!” น้ำเสียงและท่าทีของพวกเขาทำให้เจียงฉิงฟางก้มลงไปสำรวจร่างกายของตนเองอีกครั้งแล้วก็อุทานออกมาเสียงเบา

“ไม่น่าจะเป็นไปได้! นี่ฉันกำลังฝันอยู่หรือ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel