13 | ทิ้งไว้กลางทาง
“อืม!!!”ปากบางจิ้มลิ้มที่ประทับกดจูบลงมาบนกลีบปากของสิงห์ราชจนชายหนุ่มตกใจไม่คิดว่าผู้หญิงที่ดูน่ารักเรียบร้อยแบบเธอ จะร้อนแรงแบบนี้จูบอันแสนไร้เดียงสาที่ทำให้พ่อมัจจุราชถึงกับเคลิบเคลิ้มกับสาวน้อยที่ปลุกไฟในตัวเขากำลังลุกโชนขึ้นมา
ฝ่ามือหนาจับทอยเล็กล็อคแน่นรับจุมพิตแสนหวาน ลิ้นสากชอนไชเข้าไปในโพรงปากบางที่หญิงสาวเปิดรับอย่างเต็มใจ ความไร้เดียงสาในคราแรกของกมลเนตรเมื่อไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรให้ชายหนุ่มลุ่มหลง
“อื้อ”กมลเนตรมือไม้เริ่มไม่อยู่สุขแตะไต่ลำคอแกร่งลูบไล้แผงอกกว้างอย่างเบามือ แต่นั้นเหมือนการเอาเชื้อเพลิงไปใส่ในน้ำมันให้ลุกโชนขึ้นมา
“อยากตายใช่ไหมยัยหนู!”สิงห์ราชผละออกจากสาวน้อยอย่างแสนเสียดายความหอมหวานละมุนแต่ถ้าขืนยังทำแบบนี้ต่อไปมีหวังไม่หยุดเพียงจูบแสนหวานแน่
“คิก คิก”เสียงหัวเราะคิกคักดังขึ้นหลังจากเขาเอ่ยถามร่างน้อยที่นั่งข้าง ใบหน้างามหันเข้าหากระจกมือบอบบางปิดปากตัวเองเอาไว้ เหมือนเด็กที่กำลังมีความสุขกับอะไรสักอย่างจนคนมองแทบอยากจะลงโทษให้หมดฤทธิ์หมดเดชเสียที
สมาร์ทโฟนเครื่องหรูเคสสีชมพูดังขึ้นจนกมลเนตรต้องล้วงมือควานหาในกระเป๋าสะพายข้างแบรนด์ดัง ชายหนุ่มปรายตามองเพียงแวบเดียวเท่านั้นก่อนจะค่อยๆ เคลื่อนรถออกจากหน้าร้านอาหาร
“ฮัลโหลค่ะพี่ลิซซี่”เมื่อรับสายอีกผู้จัดการที่โทรเข้ามาเธอจึงเอ่ยทักทาย
‘น้ำมนต์วันนี้มีถ่ายงานไม่ใช่หรอ ทำไมไม่มาล่ะย่ะ’ปลายสายแผดเสียงดังใส่จนสิงห์ราชได้ยิน
อ่อ! เพศที่สามนี่เองไอ้เราก็คิดว่าผู้ชายไหนโทรมากำลังจะคว้าโทรศัพท์มาปาทิ้งอยู่แล้วเชียวแล้วคุยกันเรื่องถ่ายงาน หรือว่าเธอจะถ่ายแบบชุดว่ายน้ำจริงๆ
เขาจำได้ว่าเจ้าหล่อนเคยบอกว่าตอนอยู่ที่ฝรั่งเศสเธอถ่ายแบบชุดว่ายน้ำ แต่ชายหนุ่มไม่เชื่อแต่ตอนนี้เขากลับกังวลขึ้นมาเสียดื้อๆ เธอขี้เหล่ซะที่ไหนออกจะน่ารักน่าฟัดขนาดนี้ ไหนจะทรวดทรงองค์เอวอีกใส่แค่ชุดชั้นในบนล่างโชว์เรือนร่างให้ใครต่อใครเขาเห็นอีก แค่คิดก็อยากจะบ้าตายยัยหนูนี้เสียสติหรือยังไงกัน พ่อก็ออกจะรวยปานนั้นแล้วทำไมต้องทำงานแบบนี้
“งั้นเลื่อนไปก่อนนะคะ มนต์จะลองของอนุญาตพี่สิงห์ดู”อันที่จริงเธอไม่จำเป็นต้องขอความอนุญาตจากเขาก็ได้ แต่มันเป็นมารยาทที่ตอนนี้หญิงสาวเป็นเหมือนลูกน้องจะเข้าไปถ่ายแบบในกรุงเทพก็ต้องขอเขาก่อน
“ค่ะ! ขอบคุณคะแล้วมนต์จะติดต่อกลับไป”
มือหนากำพวงมาลัยไว้แน่นเมื่อรู้ทุกอย่างหมดแล้วว่าเธอวางสายเพราะอะไร สายตาคมจ้องมองทางข้างหน้าอย่างแน่วแน่และเหยียบคันเร่งจนติดพื้นรถด้วยความโมโห ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้องรู้สึกเช่นนี้ด้วย
“พี่สิงห์คะ”
“ไม่ได้!”น้ำเสียงเข้มตะคอกใส่คนที่นั่งตัวสั่นเทาอยู่ข้างๆ มือบางกำสายเบลล์ไว้แน่นด้วยความหวาดกลัว เพราะความเร็วของรถไม่รู้ว่าสิงห์ราชเป็นอะไรหลังจากที่วางสายกับพี่ลิซซี่แล้ว ไอ้ที่ตะโกนใส่เมื่อกี้หรือเขาจะรู้หมดแล้วที่เธอคุยกับปลายสายเมื่อสักครู่
“ขับช้าๆ หน่อยได้ไหมค่ะมนต์กะ...กลัว”น้ำเสียงกระท่อนกระแท่นของคนตัวเล็กแสดงออกถึงความหวาดกลัวได้อย่างชัดเจน ดวงตากลมโตเบิกกว้างเส้นทางข้างหน้าดูมัวหม่นฝุ่นควันที่ปลิวว่อนอยู่หน้ากระจกจนมองทางแทบไม่เห็น
เอี๊ยด!!!
กรี๊ด!!!!
“ฮื้อ....”สิงห์ราชเบรกรถกะทันหันเมื่อทางข้างหน้าเริ่มมองไม่เห็นเสียงกรีดร้องแหลมของเจ้าหล่อนทำให้เขาต้องหันมองซีกหน้างาม หน่วยตาที่ทอประกายวาววับไปด้วยน้ำตาจนรู้สึกสงสารขึ้นมาจับใจ
“จะร้องทำไมห๊ะ!”มือหนาจับไหล่บางหันมาเผชิญหน้าจมูกรั้นเล็กแดงขึ้นมาทันควันเพราะความตกใจ ไหนจะเสียงเข้มที่ตะโกนใส่หน้าเธออีก
“พี่สิงห์ขับรถเร็วมนต์กลัว อึก...แล้วก็ตะคอกอีก”กมลเนตรเบ้ปากพูดอย่างเจ้าแง่เจ้างอนจนสิงห์ราชต้องปล่อยไหล่บางให้เป็นอิสระ กมลเนตรสะอื้นจนตัวสั่นเทิ้มก้มหน้ามองตักตัวเอง
“ก็เธอจะไป...”ชายหนุ่มกำมือแน่นคำที่จะพูดจุกอยู่ที่คอหอยจนต้องหยุดชะงักทุกอย่างลงเบือนหน้าจากเธออย่างจำเจ ยิ่งเห็นน้ำตายิ่งอยากเข้าไปปลอบประโลมให้เธอหยุดร้องซะแต่หัวใจกลับสั่งให้เขาหยุด
อย่านะสิงห์นายกำลังทำลายกำแพงที่นายสร้างขึ้นมาเป็นเกาะกำบังหัวใจตัวเองอยู่นะ เสียงเล็กๆ ในหัวดังขึ้นจนต้องกุมขมับตัวเองไว้แน่นบ่อยครั้งที่เขาได้ยินเสียงพวกนี้จนคุ้มคลั่งควบคุมตัวเองไม่ได้
“ลงไป!”สติของเขากำลังจะหมดไปแล้วเธอจะเป็นอันตราย นี่เป็นหนทางเดียวที่จะทำให้เธอปลอดภัยให้หญิงสาวอยู่ห่างเขาให้มากที่สุด
“ไปไหนคะ มนต์ไม่รู้ทางกลับ”กมลเนตรปาดน้ำตาถามสิงห์ราชที่กำลังไล่เธอลงจากรถ แล้วนี้รอบตัวก็มีแต่ป่าถ้าลงไปเธอจะทำอย่างไร เธอไม่รู้จักใครและไปไหนไม่ถูกเลย
“ฉันบอกให้ไป!!”มือหนาผลักร่างเล็กออกห่างกายหนาก่อนจะปลดสายเบลล์ออกอย่างเร่งรีบ ใช่เธอต้องออกไปให้ไกลจากเขาตอนนี้เลย
“ไปให้พ้น”
“พี่สิงห์....”เสียงสั่นเครือเรียกชื่อเขาอีกครั้งก่อนจะตัดสินเปิดประตูลงจากรถ ในเมื่อเขาสั่งก็ต้องทำทุกอย่างที่ชายหนุ่มต้องการเธอจะทำ เท้าเล็กแตะลงพื้นดินก่อนจะปิดประตูรถลง และเพียงชั่วครู่รถของสิงห์ราชก็เคลื่อนตัวออกไปโดยที่ไม่สนใจเธอเลยด้วยซ้ำ
สิ่งที่เธอเห็นตอนนี้คือป่าซึ่งตอนนี้ไม่รู้ว่าอยู่ไหน กมลเนตรหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาดูเวลาบ่งบอกว่าเกือบห้าโมงเย็นแล้ว หญิงสาวจำทนเดินไปตามทางที่ไม่มีรถผ่านเลยสักคัน มองหนทางที่อยู่ตรงหน้าตามรอยยางรถกระบะของชายหนุ่มที่ปล่อยเธอทิ้งเอาไว้
“ฉันกำลังทำอะไรอยู่วะ!”สบถกับตัวเองอย่างโมโหร้ายเขากำลังเกลียดตัวเองที่ทำอะไรหลายอย่างกับคนตัวเล็กทั้งที่ไม่คิดเลยด้วยซ้ำว่ามันเหมือนมีอะไรบางอย่างแทรกซ้อนเข้ามาในจิตสำนึกของเขา มันคงไม่ใช่ความรู้สึกดีๆ หรอกนะ
“โธ่เว้ย!!”
“พี่สิงห์ อึก...อยู่ไหน”ขาเรียวเสลาก้าวเดินไปอย่างไม่รู้จุดหมายกมลเนตรเดินมานับเกือบชั่วโมงแล้ว ข้างหน้าเป็นเหมือนตลาดนัดผู้คนพลุกพล่านทำให้เจ้าหล่อนคลายกังวลได้มากจึงทำให้เธอเดินไปข้างในดูของต่างๆ โดยที่ตอนนี้ก็ยังไม่รู้จะเอาอย่างไรต่อไป
พลันสายตาคู่สวยก็ไปสะดุดกับร้านทรงยุโรปป้ายข้างหน้าเขียนชัดเจนว่า ‘นั่งดื่มชิว’ แน่นอนว่าต้องเป็นร้านเหล้าแน่ๆ ไม่รอช้าหญิงสาวจึงเดินย่างก้าวเข้าไปข้างในอย่างฉับพลันไม่คิดอะไร
“รับอะไรดีครับคนสวย”คนขายหน้าตาดียิ้มร่าเริงอย่างต้อนรับแขกผู้มาเยือนอย่างเป็นมิตร
“เอ่อ....เหล้าป๊อกเป็นยังไงคะ”กมลเนตรถามด้วยความสงสัยเมื่อหยิบเมนูเหล้าขึ้นมาดู และเธอก็ไม่เคยกินเหล้าพวกนี้ด้วยแต่ราคาถูกมากขายเป็นชุดเพียงสองร้อยกว่าบาทเท่านั้น
“เป็นเหล้าวอสก้าใส่มะนาวเกลือนิดๆ และใส่แก้วป๊อกเล็กๆ ครับ”คนขายอธิบายอย่างละเอียดพร้อมกับยกแก้วป๊อกขึ้นให้หญิงสาวดู
“ลองดูชุดหนึ่งก็ได้คะ”จะสักแค่ไหนกันเชียวชุดหนึ่งก็น่าจะได้ไม่กี่แก้วเท่านั้นแหละ ไม่มีอะไรเสียหายเธอก็กินเหล้าออกจะบ่อย
