10 | หวง
ภายในรถกระบะสีขาวสี่ประตูที่สิงห์ราชขับเคลื่อนอยู่เต็มไปด้วยความเงียบจนรู้สึกน่าอึดอัด กมลเนตรที่นั่งก้มหน้าก้มตาเขี่ยสมาร์ทโฟนไปมาโดยที่ในนั้นไม่มีอะไรน่าสนใจเลยสักนิดแต่ก็ไม่กล้าเปิดการสนทนากับชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างเธอ
“เอ่อ...พี่สิงห์จะพามนต์ไปไหนคะ”หญิงสาวหายใจเข้าปอดหนึ่งเฮือกก่อนจะเอ่ยถามสิงห์ราช เมื่อสังเกตเห็นว่าทางที่กำลังมุ่งหน้าไปนั้นเหมือนทางไปไร่ที่เขาจะพาเธอไปเมื่อวานแต่ดันเกิดเรื่องยังว่าเสียก่อนเลยไม่ได้ไปเห็น
“ฉันมีงานต้องทำและขี้เกียจไปส่งเธอรอเสร็จงานก่อนแล้วกัน”เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะลากเธอมาด้วยทำไม ทั้งที่ระยะทางบ้านพักที่กมลเนตรอยู่ก็ห่างจากเขาเพียง 2 กิโลเมตรเท่านั้น
ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าจะพาเธอมาด้วยทำไมกัน โดยปกติแล้วเวลาทำงานเขามักจะไม่พาใครมาด้วยแม้กระทั่งฟ้าใสแฟนเก่าเขารายนั้นไม่แม้จะออกจากบ้านเรือนไทยเลยด้วยซ้ำ
“อ้อ! สรุปแล้วพี่สิงห์จะให้มนต์ทำงานอะไรคะ”กมลเนตรถามด้วยความสงสัยเธอมาที่นี่วันนี้เป็นวันที่สามแล้วยังไม่รู้ว่าตนต้องทำอะไรบ้าง พี่สิงห์ของเธอคงไม่ใจร้ายให้เธอทำงานตากแดดร้อนๆ หรอกนะ
“อืม!! กำลังจะบอกว่าเธอต้องเก็บใบชาแล้วก็ล้างคอกหมูเพราะงานอื่นๆ คนงานเต็มหมดแล้ว”
“ห๊ะ!!! เก็บชากับ ละ...ล้างคอกหมู”หญิงสาวอุทานออกมาด้วยความตกใจเมื่อได้ยินสิ่งที่เธอต้องทำจากสิงห์ราชอย่างแทบไม่เชื่อคำพูดของเขา บ้าไปแล้วหรอเก็บชายังพอทนล้างคอกหมูไม่เอาด้วยหรอกเธอไม่ทำ
“จะตกใจทำไม เธอต้องทำงานที่นี่อยู่แล้วนิ”เสียงเข้มพูดด้วยใบหน้าเรียบเฉยไม่รู้สึกอะไร แต่ภายในใจกับยิ้มกริ่มเมื่อเห็นสีหน้าถอดสีของเจ้าหล่อน จะทำให้หนีกลีบกรุงเทพไปเลย แต่เอ๊ะทำไมแค่รู้สึกว่าเธอจะไม่อยู่จริงๆ ทำไมรู้สึกแปลกๆ ขึ้นมา
ความรู้สึกแบบนี้เหมือนตอนที่สูญเสียฟ้าใสไปเลยไม่มีผิด หัวใจดวงแกร่งไหวยวบอย่างไม่รู้สาเหตุ เขากับเธอเพิ่งอยู่ด้วยกันสามวันเองแต่ความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นชั่งลึกซึ้งเกินกว่าจะตัดได้
“ให้มนต์ทำอย่างอื่นไม่ได้หรอค่ะ เช่น เป็นพรีเซ็นเตอร์ เอ่อ.....”น้ำเสียงกระตุกกระตักของกมลเนตรการต่อรองครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อเจ้าหล่อนก็ไม่รู้ว่าที่นี่จำเป็นต้องมีนางแบบโปรโมทด้วยหรือเปล่านิ ไร่เดชาบดินทร์เป็นไร่กาแฟ สตรอว์เบอร์รี่ องุ่น ชาอู่หลง และเลี้ยงสัตว์ อาทิเช่น หมู ม้า วัว แล้วก็กระบือ
“นิ! ยัยหนูที่นี่ไร่ไม่จำเป็นต้องมีใครโปรโมท เก็บเกี่ยวเข้าโรงงานส่งขายไม่จำเป็นต้องมีนางแบบ ถึงจะต้องมีจริงๆ ฉันก็ไม่จ้างเธอถ่ายเด็ดขาดฉันกลัวไร่ฉันเจ๊ง”ชายหนุ่มพูดทิ้งท้ายก่อนจะดับเครื่องยนต์ลงเมื่อถึงจุดหมายนั้นคือโกดังเก็บเมล็ดกาแฟ
หลังจากทำการตากกลางแดดเป็นเวลา 12-15 วันแล้ว คนงานจะใส่ถุงกระสอบเอาไว้และนำมาไว้ที่โกดังเพื่อออกสู่ตลาดโลกเขาต้องมาตรวจสอบความเรียบร้อยด้วยตัวเอง
“เดี๋ยวสิคะพี่สิงห์”เมื่อเห็นสิงห์ราชก้าวลงจากรถกระบะทรงสูง เท้าเล็กเมื่อแตะลงพื้นได้ก็วิ่งอ้อมไปจับลำแขนแกร่งไว้ให้เขาหยุดเดินแล้วคุยกับเธอให้รู้เรื่องเสียก่อน จะให้เธอทำงานแบบนั้นไม่ได้เด็ดขาดแล้วเธอจะไม่ทำด้วย
“มีอะไรอีก....ฉันไม่ว่าง”
เซ้าซี้อยู่ได้น่ารำคาญชะมัด หรืออยากนอนอยู่บนเตียงให้เขาทำรักแบบนั้นก็ได้นะ เฮ้ยไม่ได้ แต่ความคิดและการกระทำของคนทั้งคู่ต้องหยุดลงเมื่อได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้นมา
“ป้อเลี้ยงกาแฟถูกขนขึ้นรถบรรทุกป้ออุ้ยฮื้อมาโตย”ชายปริศนาที่พูดคำเมืองกับสิงห์ราชน่าจะเป็นคนงานของเขาจึงทำให้หญิงสาวหันมองตามต้นเสียง
“ป๊าด!!! งามปะล่ำปะเหลือ”ดินคนงานที่ดูแลโกดังกาแฟพูดขึ้นเมื่อเห็นสาวงามตรงหน้าที่อยู่กับพ่อเลี้ยงสิงห์ราชหันมา ถึงกับตะลึงในความสวยของเธอ ใบหน้าเรียวสวยดูจิ้มลิ้มผิวขาวราวกับน้ำนมดูเนียนใสไม่เหมือนสาวเหนือที่ขาวเหลืองทรวดทรงองค์เอวชั่งดูลงตัว
“อะแฮ่ม! ไอ้ดินไหนปู่ให้มาตามไปได้แล้วมั้ง”
คนตัวโตส่งเสียงในลำคอหนึ่งครั้งก่อนจะไล่คนงานที่มาตามเขาหนี เพราะสายตาของไอ้ดินมองสาวน้อยของเขาอย่างไม่วางตาจนอยากจะควักลูกตาออกมานัก ยัยหนูนี้ก็เหมือนกันทำไมชอบทำให้คนอื่นมองด้วย
“ตอนนี้เรายังคุยกันไม่ได้เดี๋ยวค่อยคุยกันนะ”
“อ้าวอย่าทิ้งกันสิพี่สิงห์มนต์ไปด้วยค่ะ”หญิงสาวตะโกนไล่หลังเมื่อร่างสูงเดินไปโดยไม่รอเธอเลย
คนตัวเล็กที่เดินตามสิงห์ราชไประยะทางเกือบสามร้อยเมตรตลอดทางเดินมีคนงานนับร้อยกว่าคนไม่ว่าจะชายหรือหญิงต่างมองด้วยความสงสัยว่าผู้หญิงที่มากับพ่อเลี้ยงนั้นเป็นใคร
ปกติแล้วสิงห์ราชจะไม่พาสาวคนไหนมาที่ไร่เลยสักครั้ง ถึงแม้เขาจะมาอยู่เชียงใหม่นานเขาก็ไม่ค่อยพูดคำเมืองเท่าไหร่นัก แต่คนงานมักพูดกับเขาเป็นภาษาท้องถิ่น
“ว้าว!!! ตั๋วงามแต้ๆ”
“น่าฮัก”
“มีแฟนยังจ๊ะ”เสียงของชายคนงานต่างพากันผิวปากแซวคนที่เดินตามพ่อเลี้ยงของตนอย่างอดใจในความสวยไม่ได้ จนคนตัวสูงหยุดเดินแล้วหันไปคว้าร่างบางเข้าหาประชิดตัวและวางแท่นแขนพาดไหล่บางแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของพร้อมกับส่งสายตามัจจุราชอันแข็งกร้าวไปให้กับคนที่กำลังมองเธออยู่นั้น จนต้องก้มหน้าก้มตาทำงานของตนเมื่อรู้แล้วคนที่พวกเขากำลังมองอยู่นั้นคือผู้หญิงของเจ้านาย
“หึงหรอคะ”
หญิงสาวถามพร้อมกับอมยิ้มด้วยความเขินอาย ใครจะแซวหรือชมยังไงก็ไม่สนใจหรอกเพียงเชิดหน้าสวยใส่เท่านั้น แต่เพียงแค่ชายหนุ่มแสดงออกแบบนี้เจ้าหล่อนถึงกับทำอะไรไม่ถูกเพียงแต่เดินไปเรื่อยๆ จนกระทั่ง
“ว้าย!!!”ก้อนหินขนาดกลางที่เธอเดินสะดุดนั้นทำให้กมลเนตรตกใจจึงอุทานออกมา ผิวสวยๆ ต้องมีแผลเป็นแน่ๆ วงแขนแกร่งที่คว้าเธอเอาไว้ดึงเข้าสู่อ้อมกอดของสิงห์ราชทำให้เธอโล่งใจขึ้นมาทันที
“ซุ่มซ่าม! เดินทีหลังให้ดูทางไม่ต้องเขินจนไม่ดูตาม้าตาเรือ”สิงห์ราชเหน็บหญิงสาวในอ้อมกอดของตน ก่อนจะเสสายตามองไปทางอื่นเมื่อใบหน้างามที่แดงก่ำขึ้นมาทำให้เขาแทบอยากจะกินลิ้นแดดิ้นตาย
ไม่เคยเห็นใครทำอะไรก็น่ารักไปหมดขนาดนี้มาก่อนเลย เขาเหมือนได้เลี้ยงเด็กอายุห้าขวบมาเป็นเมียอย่างไรอย่างนั้นแหละ ถ้าใครมาเห็นตอนนี้ก็คงจะคิดเช่นด้วยกันกับชายหนุ่มเหมือนกัน
“ไม่ได้เขินนะ”กมลเนตรแก้ตัวด้วยใบหน้าร้อนผ่าว อกแกร่งที่ตอนนี้กำลังเบียดเสียดกับอกอวบของตนทำให้รู้สึกถึงอะไรบางอย่างซึ่งไม่รู้ว่าเขารู้สึกเช่นเดียวกับเธอหรือเปล่า
“อ่ะทีหลังก็เดินดีๆ ล่ะกันยัยบ๊อง!”มือหนาจับไหล่บางผละออกจากตัวเขา เพราะความร้อนลุ่มที่เริ่มก่อตัวขึ้นเมื่ออะไรต่อมิอะไรเสียดสีกันไปมาเหมือนมีกระแสไฟนับหมื่นโวลต์อยู่ในตัวเขา บวกกับกลิ่นหอมอ่อนๆ ในตัวเธอที่กำลังปลุกกำหนัดในตัวเขาให้ลุกโชน
ไม่อยากกลืนน้ำลายตัวเองเลยโว้ย!!!
