บทที่ 2 สืบทอดบัลลังก์
พญามัจจุราชหมุนร่างสูงสง่าก้าวยาวๆ ออกจากห้องนอนของเหลนโดยไม่สนใจกับคำตัดพ้อตามหลังท่าน
“ปู่ทวดใจร้าย ทีกับปู่กับพ่อผมไม่บังคับ มาบังคับผมทำไม ใจร้าย ใจดำ ใจ..ใจอะไรอีกล่ะ”
เขาชะงักคำและคิดคำใหม่จะว่าปู่ทวดต่อแต่สุวรรณกับสุวาลย์ไม่เปิดโอกาสให้เขาคิด ทั้งสองตรงเข้ามาคว้าแขนมัจโจคนละข้างแล้วลากตัวลงจากเตียงนอนออกจากห้องไปอย่างทุลักทุเล
“ไม่ไป ปล่อยผมนะลุงสุวรรณ ลุงสุวาลย์ ปล่อยผมสิ ผมบอกว่าไม่ไปไงเล่า ปล่อยสิ ปล่อย...”
“อย่าดื้อเลยครับ ท่านปู่ทวดยังไม่โกรธมากนะครับ ถ้าโกรธมากเมื่อไหร่ท่านมัจโจจะถูกกักบริเวณคราวนี้ไปเที่ยวไม่ได้นะครับ”
สุวรรณแกล้งขู่ให้มัจโจกลัวการกักบริเวณเพราะหากเป็นเช่นนั้น เขาไม่มีทางแอบหนีเที่ยวได้เลย พอก้าวพ้นห้องนอนก็เหมือนถูกสายฟ้าฟาดลงตามผิว เนื้อตัวปวดแสบปวดร้อนนอนครวญครางอยู่ในห้องนอน จะออกไปเดินเล่นก็ยังไม่ได้ มัจโจกลัวมากจึงยอมมาพบปู่ทวดแบบไม่เต็มใจเท่าไรนัก
“ปู่ทวดจะให้ผมทำอะไรก็สั่งมาสิครับ ผมจะกลับไปนอน”
เหลนเอ่ยน้ำเสียงติดรำคาญกับคำสั่งของท่านพญามัจจุราช ผู้สูงวัยมองหน้าเหลน มัจโจโตพอรับผิดชอบบัลลังก์อันยิ่งใหญ่นี้แล้วแต่การตามใจเหลนมาตั้งแต่เด็กทำให้มัจโจเอาแต่ใจ ใครขัดใจไม่ได้และเพราะปล่อยตามใจอย่างนี้มัจโจจึงไม่กลัวใครนอกจากปู่ทวดเพียงผู้เดียวเท่านั้น
“นับต่อจากนาทีนี้เป็นต้นไป เจ้าต้องฝึกงานกับทวดรวมทั้งกับท่านสุวรรณ ท่านสุวาลย์ด้วย เริ่มจากดูบัญชีกรรมดีกรรมชั่ว ศึกษาให้เข้าใจว่ากรรมดีกับกรรมชั่วต่างกันอย่างไร ถามท่านสุวรรณได้ทุกเวลา ส่วนบัญชีความผิดของคนที่ตายแล้วลงมาอยู่ในนี้ถามท่านสุวาลย์ บัญชีหมดลมหายใจก็ถามท่านสุวาลย์ บัญชีความดีแห่งปีถามท่านสุวรรณ เริ่มทำงานได้แล้ว”
พญามัจจุราชอธิบายให้มัจโจเข้าใจงานที่จะต้องฝึกฝนให้เก่ง มัจโจมองหน้าปู่ทวดสายตาและใบหน้าสงสัยบัญชีหมดลมหายใจกับบัญชีความดีแห่งปี
“ปู่ทวดครับ บัญชีหมดลมหายใจกับบัญชีความดีแห่งปีมันคืออะไรครับ มีด้วยหรือครับใครคิดขึ้นมาครับ”
คำถามของเหลนทำให้พญามัจจุราชนิ่งไปครู่หนึ่ง บัญชีที่เหลนสงสัยเพิ่งมีเพิ่มจากบัญชีกรรมดีกรรมชั่วและบัญชีความผิด ท่านเป็นผู้ตั้งขึ้นมาเองและให้สุวรรณกับสุวาลย์ทำบัญชีนี้ซึ่งช่วยให้รู้ชัดเจนว่าใครทำดีไว้มากแค่ไหนในแต่ละปีและก่อนหมดลมหายใจนั้นอยู่ช่วงเวลาไหน สุวรรณและสุวาลย์จะได้ขึ้นไปรับดวงวิญญาณเหล่านั้นได้ถูกต้องและตรงเวลาพอดี
“ทวดคิดเอง ทำไมมีปัญหาอะไรรึ”
“มีครับ ถ้าปู่ทวดทำบัญชีความดีแห่งปีขึ้นมาแล้วทำไมไม่มีบัญชีความชั่วแห่งปีบ้างละครับ พอพวกมนุษย์ตายปุ๊บ บัญชีปรากฏปั๊บ จับตัวลงโทษได้เร็วทันใจยิ่งกว่า 6 จีอีกนะครับปู่ทวด”
ท่านพญามัจจุราชจ้องหน้าเหลนที่พูดมากเกินไปแล้ว สุวรรณกับสุวาลย์อมยิ้ม สุวาลย์กระซิบกับมัจโจว่า
“ท่านมัจโจแค่ 5 จีข้ายังเล่นไม่ค่อยได้เลยนะครับ นี่ไปถึง 6 จีแล้วเหรอครับ ถ้าเล่นเป็นแล้วช่วยสอนพวกเราหน่อยนะครับ”
“ได้ครับลุง เดี๋ยวผมจะสอนให้แต่ต้องพาผมหนีปู่ทวดไปเที่ยวนะครับ”
มัจโจกระซิบตอบกลับมา พญามัจจุราชมองหน้าลูกน้องคนสนิทพร้อมเอ่ยเสียงดัง
“กระซิบอะไรกับมัน คิดจะพามันหนีเที่ยวรึไง อย่าหวังเลย ถ้าไม่ผ่านงานแกก็อย่าหวังจะได้ไปโฉบเฉี่ยวที่ไหนเจ้ามัจโจ อีกเรื่อง ในเมื่อแกคิดคำว่าบัญชีความชั่วแห่งปีขึ้นมาใหม่ แกก็ทำมันด้วย ท่านสุวาลย์สอนทำบัญชีเดี๋ยวนี้ ห้ามไปไหนเด็ดขาด ท่านสุวรรณดูบัญชีหมดลมหายใจแล้วขึ้นไปรับวิญญาณพวกนั้นลงมาเร็ว”
“พระเจ้าค่ะ”
สุวรรณทำตามคำสั่งของท่านพญามัจจุราช กวาดสายตาไปบนจอสี่เหลี่ยมผืนผ้าแตะนิ้วที่หน้าจอรายชื่อผู้ที่กำลังจะเสียชีวิตก็ขึ้นเป็นตัวหนังสือสีแดงกะพริบให้เห็น เขาเงยหน้ามองพญามัจจุราช
“ข้าพระบาทจะไปรับดวงวิญญาณพระเจ้าค่ะ”
“ไปเถอะ”
พญามัจจุราชเอ่ยอนุญาต ร่างของสุวรรณก็หายวับไป มัจโจมองปู่ทวดพร้อมทำหน้าเบื่อหน่าย
“ปู่ทวดครับ ผมขอเที่ยวอีกสักพักได้มั้ย ยังไปไม่ทั่วเลยครับ ขอไปบนโลกมนุษย์สักวันสองวันค่อยมาทำงานได้มั้ยครับ”
“ไม่ได้ เจ้าต้องเริ่มงานเดี๋ยวนี้ ท่านสุวาลย์ สอนมันได้แล้ว ถ้ามันดื้อข้าอนุญาตให้ท่านลงโทษมันได้แต่เอาแค่เบาะๆ นะเดี๋ยวมันจะแกล้งโอดโอยไม่ทำงาน มันเจ้าเล่ห์ใช่ย่อย”
“พระเจ้าค่ะ”
สุวาลย์รับคำสั่งแล้วหันมามองมัจโจ ชายหนุ่มร่างสูงผิวสีแทน จมูกโด่ง ดวงตาสีนิล คิ้วเข้ม ริมฝีปากรูปกระจับสีชมพูราวกับเป็นปากของหญิงสาว กำลังทำหน้าเบื่อหน่ายกับคำสั่งของพญามัจจุราชแต่ก็ยอมเดินตามสุวาลย์ไปที่โต๊ะตัวใหญ่ ที่นั่นมีเครื่องมือไฮเทคทันสมัยเช่นบนโลกมนุษย์ จอสี่เหลี่ยมแบบเดียวกับคอมพิวเตอร์ โปรแกรมต่างๆ อัดแน่นในจอนั้นไม่ว่าจะเรียกใช้โปรแกรมอะไรได้ทั้งหมดและสามารถส่งสัญญาณติดต่อกันรวดเร็วกว่าโลกมนุษย์หลายร้อยเท่าทีเดียว
มัจโจชอบเครื่องมือเหล่านี้จึงเรียนรู้งานจากสุวาลย์เกี่ยวกับการทำบัญชีต่างๆ ได้เร็วและสามารถทำได้คล่องแต่เพราะไม่อยากให้ปู่ทวดจับขึ้นไปนั่งบนบัลลังก์สีทองที่ยิ่งใหญ่จึงแกล้งทำเป็นไม่เข้าใจ ถามสุวาลย์บ่อยครั้งและจิ้มหน้าจอสี่เหลี่ยมผิดๆ ถูกๆ
“ลุงสุวาลย์ ตรงนี้ทำยังไง บัญชีความดีแห่งปีกับความชั่วแห่งปีมันเหมือนกันไม่ใช่รึ”
“อย่าเรียกลุงได้มั้ยท่านมัจโจ เรียกแค่พี่ก็พอ ข้ายังไม่แก่สักหน่อย” สุวาลย์กระซิบแล้วเชิดหน้าทำหน้าตึงให้ชายหนุ่มรุ่นลูกหัวเราะเล่นๆ
“รุ่นพี่ของพ่อผมเนี่ยนะจะให้เรียกพี่ ก็ได้ๆ เรียกพี่ก็ได้ ท่านพี่สุวาลย์ครับ บัญชีความชั่วแห่งปีจะลงรายชื่ออย่างไรหรือครับ ต้องเอาความชั่วของใครมาวัดหรือเปล่าครับ”
มัจโจแกล้งสุวาลย์อย่างเห็นเป็นเรื่องสนุกแต่สุวาลย์ก็ไม่โกรธ บางครั้งมัจโจให้สุวรรณกับสุวาลย์ใช้คำว่า ผม แทนคำว่า ข้า แต่ท่านยมทูตทั้งสองก็ฝืนใช้ไม่ได้นานก็ต้องกลับมาใช้คำเดิมที่คุ้นปากและท่านพญามัจจุราชไม่สนับสนุนให้ตามกระแสสังคมใหม่ของมนุษย์ยกเว้นเครื่องมือในการทำงาน เครื่องมือบันทึกสิ่งต่างๆ ที่ต้องใช้ในงานเท่านั้น
“ใครชั่วมากชั่วน้อย ทำดีมากทำดีน้อยก็ไล่ตามกันไปและใครโดดเด่นกับเรื่องชั่วหรือเรื่องดีก็นำขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่งแล้วค่อยตัดสิน”
“ไม่เข้าใจครับ ขอพักสายตาสักงีบแล้วจะตื่นมาฟังคำอธิบายต่อนะครับท่านลุง เอ๊ย ท่านพี่สุวาลย์”
มัจโจนั่งฟุบหลับบนเก้าอี้เสียอย่างนั้น เขาจะยืดเวลาการฝึกงานกับสุวรรณและสุวาลย์ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ เขาไม่อยากเป็นพญามัจจุราชไม่อยากตัดสินคดีความต่างๆ ไม่อยากเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในภพภูมินรกแห่งนี้ เขาคิดถึงปู่กับพ่อที่เลี่ยงการเป็นทายาทสืบทอดจากปู่ทวดได้สำเร็จ เขาต้องทำอย่างไรจึงจะไม่ต้องรับภาระหน้าที่ต่อจากปู่ทวด
เขาหาคำตอบให้กับตัวเองไม่ได้และไม่สามารถติดต่อปู่กับพ่อได้ สุวรรณบอกกับเขาว่าปู่ของเขาไปเกิดในภพภูมิสวรรค์ พ่อของเขาก็เช่นกันแต่ไม่บอกว่าปู่กับพ่อทำอย่างไรจึงได้ไปเกิดในที่ๆ ต้องการสมดังที่ปรารถนาหรือเขาจะต้องสืบทอดบัลลังก์พญามัจจุราชต่อจากปู่ทวดจริงๆ