ตอนที่ 2 ข้อแลกเปลี่ยน 1
“มังกร ผมไม่อยากทะเลาะนะ ช่วยคุยกันดีๆ เถอะ” พยับเมฆถอนหายใจ คิดเอาไว้แล้วว่าคงจะต้องเจอกับเหตุการณ์อย่างนี้ ฑีฆชาติเป็นคนยังไงทำไมเขาจะไม่รู้ ขนาดทำใจเอาไว้ก่อนแล้วว่าจะต้องมาเจอกับความกวนประสาท พยับเมฆยังอดหงุดหงิดไม่ได้เลย
“เจ้านายเธอแม่งน่ารำคาญฉิบหาย มันจะอะไรนักหนากับที่ดินแค่นั้นวะ” ฑีฆชาติสบถ อาเธอร์มันกวนตีนเขามาหลายเดือนแล้วเพราะเรื่องที่ดินตรงนี้ ยักแย่ยักยันอะไรอยู่ได้ ถ้ามันอยากได้จริงๆ ทำไมถึงไม่ยื่นราคาขาดขอซื้อไปเลย จะมารอให้เขายอมปล่อยให้เพื่อที่ตนเองจะได้ราคาที่ถูกลงทำไม
อาเธอร์มันไม่ได้อยากจะได้จริงๆ หรอก ก็แค่อยากจะยั่วโมโหเขาเล่น
“ผมแค่มาเจรจากับคุณตามคำสั่งนาย เรื่องอื่นผมไม่รู้”
“น่าเชื่อจริงๆ มีเรื่องอะไรอาเธอร์มันจะไม่บอกเมียมันบ้างเลยหรือไง”
พยับเมฆรำคาญคำว่าเมียที่ออกมาจากปากของอีกฝ่ายเหลือเกิน เขาบอกไปหลายรอบแล้วว่าไม่ได้เป็นอะไรกับอาเธอร์ไปมากกว่าเจ้านายกับลูกน้อง แต่ฑีฆชาติมองโลกในแง่ร้ายเลยไม่ยอมเชื่อ
“ถึงจะเป็นผัวเมียกันก็ไม่จำเป็นต้องบอกกันทุกเรื่องหรอกมั้ง ขนาดผัวเก่ายังมีบางเรื่องที่ไม่บอกผมเลย” พยับเมฆประชดกลับ ดวงตาเฉี่ยวคมจ้องมองใบหน้าดุดันของคนตรงหน้า ฑีฆชาติสบถคำหยาบออกมาและกลับไปนั่งที่โต๊ะทำงานเหมือนเดิม
พยับเมฆเดินตามมาเพราะเห็นว่าแผลของฑีฆชาติมีเลือดซึมเพราะยังไม่ได้รับการทำแผลให้เรียบร้อย ปล่อยไว้อย่างนี้เดี๋ยวก็ได้เลือดหมดตัวตาย พยับเมฆไม่ได้เป็นห่วงหรอกแต่เวทนาเลยจะช่วยทำแผลให้
“ผมช่วย” พยับเมฆอาสา เห็นอีกฝ่ายพยายามจะทำแผลเองแล้วเวทนาจริงๆ ทุลักทุเลเหลือเกินกว่าจะหยิบจับแต่ละอย่างได้
“ลูกน้องคุณหายไปไหนหมด ไม่มาช่วยทำแผลให้เจ้านาย”
“ไม่ต้องให้ใครมาช่วยหรอก เรื่องแค่นี้ผมทำเองได้อยู่แล้ว ไม่ตาย” ฑีฆชาติบอก คนฟังหมั่นไส้จนอยากจะขอให้แผลปริมากกว่าเดิมเสียจริงๆ พยับเมฆหย่อนก้นนั่งลงบนโต๊ะทำงานของอีกฝ่ายอย่างหมิ่นเหม่ ทำแผลให้อย่างคล่องแคล่วเพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรก
คนมุทะลุอย่างฑีฆชาติโดนทำร้ายเป็นว่าเล่น เมื่อก่อนก็มีแต่เขานี่แหละที่คอยทำแผลให้ เพราะพ่อคุณไม่ยอมให้คนอื่นทำ บอกว่าไม่อยากให้ใครมาเห็นมุมที่อ่อนแอ แค่ทำแผลมันจะดูอ่อนแอสักแค่ไหนกันเชียว ฑีฆชาติไม่ชอบที่สุดก็คือการเสียหน้า การโดนมองว่าอ่อนแอ ถึงได้พยายามแสดงออกผ่านการกระทำที่ใครๆ ก็บอกว่าหัวรุนแรงและร้ายกาจ บ่อยครั้งที่เจอปัญหาและฑีฆชาติมักจะแก้ไขมันด้วยกำลัง พอมาคิดได้ก็เจ็บตัวไปแล้ว พยับเมฆบอกไม่รู้กี่หนแต่ก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลงตนเองสักที
ถึงอย่างนั้นอีกฝ่ายก็ยังมีบางมุมที่คนอื่นไม่มีวันได้เห็น คงจะมีแค่พยับเมฆคนเดียวจริงๆ ที่รู้ว่าแท้จริงแล้วอีกฝ่ายเป็นคนยังไง ถึงแม้จะชื่อมังกร แต่เวลาที่อยู่กับเขาชายหนุ่มเชื่องอย่างกับสัตว์เลี้ยงตัวหนึ่ง แต่นั่นก็เป็นเรื่องของอดีตก่อนที่เราจะแยกย้ายกันไป
“ช่วยทำเบาๆ กว่านี้ได้ไหม ทำไมมือหนักขนาดนี้ จะฆ่ากันหรือไง” ฑีฆชาติบ่น ดวงตาคมดุมองหน้าคนที่กำลังทำแผลให้ อย่างนี้มันจงใจแกล้งกันชัดๆ เพราะพยับเมฆรู้ดีว่าเขาทำเบามือขนาดไหน ฑีฆชาติอึดขนาดนี้จะเอาอะไรมาเจ็บกับอีแค่ทำแผล
“ถ้าผมมือหนักอย่างนั้นก็เรียกภัทรเข้ามาทำแทนแล้วกัน”
“ให้มันมาทำ แขนฉันได้ขาดพอดี”
“เรื่องมาก” พยับเมฆว่าใส่ หากเป็นคนอื่นมาพูดจาอย่างนี้ต่อหน้าของฑีฆชาติคงไม่พ้นต้องโดนเล่นงานจนไม่เหลือชิ้นดีแน่ๆ แต่เพราะเป็นพยับเมฆ ต่อให้จะเล่นหัว อีกฝ่ายก็ยังทำได้ตามใจด้วยซ้ำ
ฑีฆชาติไม่พูดอะไรอีกนอกจากปล่อยให้คนตัวเล็กกว่าได้ช่วยทำแผลให้จนเสร็จ ทุกๆ การกระทำเต็มไปด้วยความเคยชิน เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พยับเมฆทำแผลให้เขา เมื่อก่อนฑีฆชาติแทบจะได้แผลมาให้อีกฝ่ายช่วยทำแผลให้วันเว้นวัน เป็นชีวิตประจำวันที่ไม่ควรจะชินแต่ทั้งสองคนก็ชินกับมันไปแล้ว
หลังจากทำแผลให้ฑีฆชาติเรียบร้อยแล้ว พยับเมฆคิดว่าควรจะเข้าเรื่องเสียที จะได้ไม่เสียเวลาไปมากกว่านี้ เขายังมีเรื่องต้องทำอีกมาก
“ทีนี้ก็มาคุยเรื่องงานกันได้แล้ว ตอนเย็นผมต้องไปทำธุระกับคุณอาเธอร์ต่อ” พยับเมฆบอกพลางมองนาฬิกาข้อมือ ร่างสูงโปร่งยังคงนั่งอยู่บนโต๊ะทำงานของฑีฆชาติอย่างคุ้นเคย ดวงตาคมไล่สายตามองอยู่สักครู่พลางกระตุกยิ้มมุมปาก
“แบบนี้อดนึกถึงเมื่อก่อนไม่ได้เลยว่ะเมฆ”
“พูดบ้าอะไรของคุณอีก”
ฑีฆชาติเอื้อมมือไปจับต้นขาของอีกฝ่าย พยับเมฆเลยยกเท้าขึ้นมายันอกกว้างเอาไว้ ดวงตาสองคู่มองสบตากันอย่างสื่อความหมาย
“หยุดเลยนะคุณมังกร อย่ามาทำรุ่มร่ามกับผม” พยับเมฆบอก คนอย่างฑีฆชาติน่ะหื่นกามเป็นที่หนึ่ง มือไม้อยู่ไม่สุข มือไวอย่างกับอะไรดี อย่างตอนนี้ก็ลูบมือไปตามขาของพยับเมฆขึ้นลง
“ทำไม ผมแตะเนื้อต้องตัวแล้วมีอารมณ์เหรอ”
“ทุเรศ”
ชักจะสนุกขึ้นมาแล้ว ฑีฆชาติคิดว่าถ้าอาเธอร์มันฉลาดพอและยอมส่งพยับเมฆมาเจรจากับเขาตั้งแต่แรกก็คงจะไม่มีใครต้องเจ็บตัว เพราะแค่เห็นหน้าพยับเมฆ เขาก็พร้อมใจอ่อนไปกว่าครึ่งแล้ว
“อะไรกัน เมื่อก่อนออกจะชอบแท้ๆ ผัวเก่ามันไม่เร้าใจเท่าผัวใหม่แล้วเหรอ” ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ อย่างชอบใจ ท่าทางข่มขู่ไม่เต็มใจให้สัมผัสของพยับเมฆน่ารักจริงๆ อย่างกับแมวสวยๆ ที่พยศใส่เจ้าของ
“มังกร คุณนี่มัน-”
“ชู่ว ไม่เอาน่า” ฑีฆชาติยกนิ้วขึ้นมาแตะที่ปากตนเอง ดวงตาคมไม่ละสายตาไปจากใบหน้าของอีกฝ่าย ก่อนจะยื่นข้อเสนอที่น่าสนใจให้
“ถ้าอยากให้การเจรจาลุล่วงไปด้วยดี คุณก็ควรจะทำตัวเป็นเด็กดีของผมหน่อย เผื่อว่าผมจะยอมถอยให้อาเธอร์มัน”